บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) - GULF
ดำเนินธุรกิจเป็น Holding Company ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเสริมด้วยธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และเริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการขนส่งเพื่อหนุนการเติบโตในอนาคต
ไตรมาส 2 ปี 2022 มีรายได้ 23,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% (YoY) และ 12% (QoQ) กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% (YoY) แต่ลดลง 55% (QoQ) คาดว่าไตรมาสหน้ากำไรจะยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน (YoY) แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 (QoQ) เพราะขายหุ้นโรงไฟฟ้าออกไป แต่ด้วยแผนการสร้างโรงไฟฟ้าและขยายธุรกิจทำให้เป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจในระยะยาว
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) - BGRIM
ดำเนินธุรกิจเป็น Holding Company ประกอบธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม โดยมี กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าหลัก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในต่างประเทศ
ไตรมาส 2 ปี 2022 มีรายได้ 14,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% (YoY) ลดลง 1% (QoQ) แต่ขาดทุน 149.4 ล้านบาท จากรายการพิเศษ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจะอยู่ที่ 147 ล้านบาท ลดลง 85% (YoY) เพิ่มขึ้น 332% (QoQ) นักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนแต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
BGRIM เซ็นสัญญาระยะยาวขายไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2020 ช่วงที่ราคาก๊าซธรรมชาติยังต่ำ จึงมีโอกาสนำเข้าก๊าซธรรมชาติด้วยราคาต่ำกว่าราคาจาก PTT ส่วนอัตราค่าไฟก็ปรับขึ้นตามราคาก๊าซในตลาดโลก ดังนั้นฝั่งรายได้ก็เพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ช่วงที่วัตถุดิบยังราคาต่ำ กำไรจึงไม่ได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบในตลาดโลกที่ราคาขึ้นในช่วงนี้
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) - GPSC
เป็นบริษัทประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ น้ำอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค มีลูกค้าหลักคือ กฟผ. และบริษัทในกลุ่มปิโตรเคมี
ไตรมาส 2 ปี 2022 รายได้อยู่ที่ 28,347 บาท เพิ่มขึ้น 51% (YoY) และ 0.4% (QoQ) กำไรสุทธิ 684 ล้านบาท ลดลง 70% (YoY) แต่เพิ่มขึ้น 118% (QoQ) นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 3 นี้จะยังลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากต้นทุนก๊าซและถ่านหิน แต่จะฟื้นตัวจากไตรมาส 2 ซึ่งหนุนด้วยราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นและปริมาณการจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) - EGCO
เป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าประกอบธุรกิจในลักษณะ Holding Company ลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ชีวมวล น้ำ แสงอาทิตย์ ลม โดยมี กฟผ. เป็นลูกค้าหลัก ตามด้วยลูกค้าต่างประเทศ และลูกค้าอุตสาหกรรม
ไตรมาส 2 ปี 2022 รายได้อยู่ที่ 14,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.6% (YoY) และ 15.39% (QoQ) แต่ขาดทุน 778 ล้านบาท จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต้นทุนสูง นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าปิดซ่อมบำรุงและเข้าสู่ช่วงที่ความต้องการไฟฟ้าน้อย คาดว่าไตรมาส 3 กำไรจะยังลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) - RATCH
ประกอบธุรกิจในลักษณะ Holding Company ผลิตไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตไฟฟ้ารวมไปถึงระบบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายไฟฟ้าและบริการ มี กฟผ. เป็นลูกค้าหลัก
ไตรมาส 2 ปี 2022 รายได้อยู่ที่ 16,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% (YoY) แต่ลดลง 3.1% (QoQ) กำไรสุทธิ 2,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.94% (YoY) และ 66.4% (QoQ) โดยรับส่วนแบ่งกำไรในโรงไฟฟ้าที่ลงทุนเพิ่มขึ้น คาดว่าราคาหุ้นได้สะท้อนผลจากการเพิ่มทุนไปแล้ว ขณะที่อัตราการปันผลมีความน่าสนใจที่ประมาณ 3-5% ต่อปี
สรุปหุ้นโรงไฟฟ้าตัวไหนดี?
หากต้องการลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้าโดยเน้นการเติบโตก็ต้องยกให้กับ GULF ซึ่งมีการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างมาก อีกทั้งเริ่มดำเนินธุรกิจอื่นเพื่อหนุนการเติบโตของบริษัทอีกครั้ง แต่หากเป็นนักลงทุนที่เน้นการปันผลจากหุ้นโรงไฟฟ้า ก็ต้องเลือก RATCH หรือ EGCO เนื่องจากมีอัตราการปันผลที่น่าสนใจ ในขณะที่รายได้มีความสม่ำเสมอแม้จะมีการขาดทุนบ้าง แต่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินธุรกิจหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวไหน อย่าลืมที่จะศึกษาข้อมูลของบริษัทที่สนใจให้ดีก่อนลงทุน