มาตรการดีๆ ออกมาอีกแล้วจ้า กับ "ช้อปดีมีคืน" ปี 2565 เป็นมาตรการสำหรับผู้มีรายได้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ซื้อสินค้า และบริการ แล้วนำมาใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 30,000 บาท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการ "ซื้อขายหุ้น" แต่หุ้นประเภทไหน? ใช้หลักฐานอะไรบ้าง? และมีวิธีคิดการลดหย่อนภาษียังไง? มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ทำไม "ซื้อขายหุ้น" ถึงนำมาลดหย่อนภาษีได้?
"ซื้อขายหุ้น" สามารถเอามาลดหย่อนภาษีในปี 2565 นี้ได้ก็เพราะค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น หรือค่าคอมมิชชั่น มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงจัดอยู่ในเงื่อนไขของสินค้าที่อยู่ในโครงการ "ช้อปดีมีคืน" โดยมีเงื่อนไขของสินค้าที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
- เงื่อนไขที่ 1 : เป็นสินค้า และบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- เงื่อนไขที่ 2 : เป็นสินค้า OTOP ที่ลงทะเบียนแล้ว
- เงื่อนไขที่ 3 : หนังสือรูปแบบกระดาษ หรือ E-Book
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการ "ซื้อขายหุ้น" จัดอยู่ในเงื่อนไขที่ 1 คือ เป็นสินค้า และบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้ค่ะ
การ "ซื้อขายหุ้น" ประเภทไหน...เอามาลดหย่อนได้?
ถ้าดูตามเงื่อนไขของมาตรการ หรือโครงการ "ช้อปดีมีคืน" แล้ว เราสามารถนำการ "ซื้อขายหุ้น" ทั้ง 3 ประเภทมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด เนื่องจากหุ้นแต่ละประเภทเข้าเงื่อนไขทั้งนั้น โดยบัญชีหุ้นทั้งหมดมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ
- บัญชีหุ้นประเภทที่ 1 : บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance, Cash Deposit)
- บัญชีหุ้นประเภทที่ 2 : บัญชีเงินสด (Cash Account)
- บัญชีหุ้นประเภทที่ 3 : บัญชีมาร์จิน (Credit Balance, Margin Account)
ต้องใช้หลักฐานอะไร? ในการลดหย่อนภาษีจากการ "ซื้อขายหุ้น"
การลดหย่อนภาษีในครั้งนี้ เราต้องไม่ลืมว่าเป็นการใช้สิทธิจากมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ดังนั้น ต้องเป็นไปตามสิทธิและเงื่อนไขก่อนนั่นก็คือ ต้องเป็นรายการที่ซื้อขายภายในวันที่ 1 มกราคม 2565 - 15 กุมภาพันธ์ 2565 เท่านั้น รายการที่มีการซื้อขายก่อนวันที่ 1 มกราคม 2565 ไม่สามารถนำมาคิดลดหย่อนได้นะคะ และในส่วนของเอกสารที่จะนำมาใช้เป็นหลักฐานนั่นก็คือ "ใบยืนยันการซื้อขายหุ้น" ที่โบรกเกอร์ออกให้
ควร "ซื้อขายหุ้น" เท่าไหร่ ถึงจะได้สิทธิครอบคลุมอัตราภาษีของเรา...คิดยังไง มาดูกัน!!
สิทธิของการช้อปจากมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" การซื้อสินค้า และบริการสูงสุดได้ถึง 30,000 บาท ทั้งนี้ เราจะต้องดูในเรื่องของรายได้สุทธิด้วยนะคะว่าของเราอยู่ในฐานภาษีที่เท่าไหร่ เพราะจะได้นำมาเป็นตัวกำหนดอัตราภาษีที่เราจะต้องเสีย...ก่อนอื่นมาดู "อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2565" กันค่ะ
ตัวอย่าง การคิดคำนวณการลดหย่อนภาษีจากมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" จากการ "ซื้อขายหุ้น"
ถ้าเรามีเงินได้สุทธิทั้งปี เท่ากับ 400,000 บาท เมื่อดูตามตาราง "อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" แล้ว จะเห็นได้ว่าเราอยู่ในช่วงฐานภาษีที่ 300,001 - 500,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 10% ซึ่งเงินคืนสูงสุดถ้าเราคิดจากยอดเงินรวมของค่าคอมฯ ค่าธรรมเนียม และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 30,000 บาท (ตามยอดซื้อสินค้าสูงสุดในมาตรการ "ช้อปดีมีคืน") แล้วนำมาคูณ 10% (ที่เป็นอัตราภาษี)
เพราะฉะนั้น...เงินคืนที่ได้จากการลดหย่อนภาษีในครั้งนี้ คือ 30,000 x 10% = 3,000 บาท
สุดท้ายนี้...ใครที่กำลังจะดำเนินการยื่นภาษี และมีการ "ซื้อขายหุ้น" ก็อย่าลืมนำยอดเงินรวมค่าคอมฯ ค่าธรรมเนียม และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่มีจากการซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาของมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" (1 ม.ค. - 15 ก.พ. 65) มาคำนวณเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วยนะคะ เพื่อรักษาสิทธิที่เราพึงได้ค่ะ