Ethereum คืออะไร? เจาะลึกเหรียญยอดนิยมเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin

icon 2 ก.พ. 65 icon 2,669
Ethereum คืออะไร? เจาะลึกเหรียญยอดนิยมเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin
เมื่อพูดถึง Cryptocurrency คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึง Bitcoin เพราะถือเป็น Cryptocurrency ตัวแรกของโลกที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งยังสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนมหาศาลในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
 
เทียบผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลัง เมื่อเทียบกับสกุลเงิน USD
  • Bitcoin (BTC) ให้ผลตอบแทน 50 เท่าตัว
  • Ethereum (ETH) ให้ผลตอบแทนในช่วงระยะเวลาเดียวกัน สูงถึง 500 เท่าตัว

กราฟเปรียบเทียบผลตอบแทนของ BTC และ ETH
ข้อมูล ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2564
ด้วยความที่ Ethereum มาทีหลัง พัฒนาการที่จะทำให้คนรู้จักอย่างกว้างขวางช้ากว่าจึงทำให้มูลค่าตลาดของ Ethereum ยังตาม Bitcoin อยู่ ณ ปัจจุบัน Ethereum มีมูลค่าตลาดที่ 465 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Bitcoin มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 880 พันล้านดอลลาร์

Bitcoin ถือว่าใหญ่กว่า Ethereum เกือบๆ เท่าตัว อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้มีหลายปัจจัยที่กำลังจะบ่งบอกว่า Ethereum กำลังจะเติบโตใหญ่กว่า Bitcoin ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ทำให้ตอนนี้เป็นจุดสำคัญมากๆ ที่นักเทรดเหรียญ Cryptocurrency ทุกคนควรทำความรู้จักกับ Ethereum เอาไว้
 
Ethereum คืออะไร?
 
Ethereum คือ แพลตฟอร์ม Blockchain ประเภทหนึ่งซึ่งมีเหรียญ Cryptocurrency ของตนเองคือ ETH 
 
Ethereum มีระบบ Smart Contract ซึ่งทำให้ Software Developer สามารถเขียนแอปพลิเคชั่นต่างๆ ลงบนระบบของ Ethereum ได้ ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านั้นทำงานอัตโนมัติในรูปแบบของการกระจายตัวกลาง (Decentralization) ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูง 
 
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นมากมายเกิดขึ้นบน Ethereum เช่น แอปสำหรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ แอปกู้เงิน แอปจองโรงแรม แอปเก็บข้อมูล แอปซื้อขาย NFT เป็นต้น
ดังนั้นด้วยความที่มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่ทำขึ้นมาบนระบบของ Ethereum ผู้ใช้จึงมองตัวระบบว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของโลก แตกต่างกับ BTC ที่เป็นสกุลเงิน ใช้ในการแลกเปลี่ยนโดยไม่มีการใช้งานแบบอื่นๆ เพิ่มเติม
 
ระบบของ Ethereum ทำเงินผ่าน "ค่าธรรมเนียม" ในการทำธุรกรรมต่างๆ บนแพลตฟอร์มของ Ethereum โดยใช้ ETH เป็นตัวกลาง ทุกๆ ธุรกรรมที่ทำผ่านระบบของ Ethereum จะแบ่งค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งให้กับ Validator Node หรือคนที่นำระบบคอมพิวเตอร์ของตนเองมาประมวลผลธุรกรรมให้ Ethereum 
 
อีกส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมจะถูกนำไป Burn หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าการเผาเหรียญ การเผาเหรียญที่ว่านี้จะถ้านำมาหักลบกับ Supply เหรียญใหม่ที่ออกมาแล้วมากกว่า ปริมาณเหรียญ ETH ในภาพรวมจะลดลงและทำให้มูลค่าของ ETH สูงขึ้น
 
สรุปแล้วเหรียญ ETH ของ Ethereum จะมีมูลค่าสูงขึ้นได้ด้วยราวๆ 3 วิธีด้วยกัน
  1. การมีผู้ใช้ระบบมากขึ้น ส่งผลให้มีธุรกรรมมากขึ้น ยิ่งทำให้เหรียญ ETH มี Demand ความต้องการสูงขึ้นผลักดันราคาเหรียญ
  2. พอผู้ใช้สูงขึ้น มีค่าธรรมเนียมสูง ก็จะมีผู้ประมวลผลเข้ามาเป็น Validator มากขึ้น ส่งผลการประมวลผลทำให้รวดเร็วขึ้น ผู้ใช้ระบบสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำให้จำนวนผู้ใช้สูงขึ้น
  3. ผู้ใช้สูงขึ้น ปริมาณธุรกรรมมากขึ้น ยิ่งเกิดการเผาเหรียญมาก ยิ่งทำให้ปริมาณเหรียญ ETH มีโอกาสลดลงเร็วกว่าปริมาณเหรียญที่เพิ่มขึ้นจากระบบ ทำให้มูลค่าของเหรียญเพิ่มมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในระยะยาวมูลค่าของเหรียญ ETH ของ Ethereum มีโอกาสมูลค่าสูงกว่า Bitcoin ซึ่งความแตกต่างของทั้ง 2 เหรียญสรุปได้โดยรวมดังนี้
 
ความแตกต่างของ Ethereum และ Bitcoin
 
  1. Bitcoin Positioning ตัวเองเป็นสกุลเงิน เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ในขณะที่ Ethereum Positioning ตัวเองเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของโลกที่มี ETH เป็นตัวกลาง การเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของโลกจะมีคุณค่าการใช้งานที่หลากหลาย และมากกว่าการเป็นเพียงสกุลเงิน
     
  2. แม้ Ethereum จะมีปริมาณเหรียญที่ไม่จำกัด และมีการสร้างเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่ก็มีกลไกการเผาเหรียญที่ทำให้มูลค่าของเหรียญ ETH ไม่เฟ้อจนเกินไป แตกต่างกับ Bitcoin ที่มีปริมาณเหรียญจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ถ้าถามว่าอันไหนดีกว่าต้องบอกว่าดีคนละแบบกัน
     
  3. Ethereum มีการพัฒนาตลอดเวลา มี Roadmap การพัฒนาที่ชัดเจน และมีชุมชนนักพัฒนาที่ Active มากๆ อยู่เบื้องหลัง สามารถปรับเปลี่ยนกลไกหลักได้ ส่วน Bitcoin สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้แต่ทำได้เพียงการพัฒนา Software เพิ่มเติมขึ้นบนพื้นฐานของระบบเดิม ทำให้พัฒนาและขยายได้ยากกว่า Ethereum
     
  4. Bitcoin มีกลไลการทำงานแบบ Proof-of-Work แต่ Ethereum มีการทำงานแบบ Proof-of-Stake ซึ่งทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า และไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสเปกสูงในการทำงาน ทำให้คนสามารถเข้ามาเป็น Validator ได้ง่ายขึ้น
 
สี่ข้อนี้คือกลไลหลักที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของมูลค่าของเหรียญทั้งสอง แต่ปัจจัยอะไรจะทำให้ Ethereum มีมูลค่าขึ้นนำสูงขึ้นกว่า Bitcoin ในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า?
 
3 ปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ Ethereum ขึ้นเป็นอันดับ 1 แทน Bitcoin
 
  1. Beacon Chain - Beacon Chain เริ่มต้นใช้งานในเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมาและจะรวมกับ Mainnet (ระบบหลักของ Ethereum) เสร็จสิ้น โดยการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ที่จะเกิดขึ้นคือการเปลี่ยนระบบจาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake ลดความผันผวนของค่าธรรมเนียม และไม่ต้องใช้พลังงานมากในการรักษาความปลอดภัยของระบบ 
     
  2. Roll-Ups - Layer 2 Blockchain Solution ที่มีการประมวลผลนอก Chain ของ Ethereum และนำส่งข้อมูลเข้า Ethereum เป็นระยะๆ ช่วยลดความหนาแน่นในการทำธุรกรรมบน Ethereum เพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม และยังคงความปลอดภัยของระบบ ปัจจุบันนี้เริ่มมีการใช้งาน Roll-Ups อย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ การมี Layer 2 Blockchain Solution ทำให้ความเร็วในการทำธุรกรรมของ Ethereum เพิ่มสูงขึ้นจาก 15-45 ธุรกรรมต่อวินาที เป็น 1,000-4,000 ธุรกรรมต่อวินาที
     
  3. Shard Chain - Ethereum จะแบ่งตัวระบบออกเป็น 64 Shards (กลุ่ม) เพื่อให้แต่ละ Shards ทำงานแยกออกจากกัน และประมวลผลเฉพาะธุรกรรมในกลุ่มของตนเองเท่านั้น ไม่ต้องประมวลผลธุรกรรมทั้งหมดของ Ethereum โดย Validator แต่ละรายจะถูกมอบหมายให้ประมวลผลธุรกรรมในแต่ละ Shard แบบสุ่ม ทำให้แม้จะมีการประมวลผลที่ประมวลโดย Validator ที่น้อยลง แต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยของระบบ และทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นกว่าเดิมมาก การแบ่ง Shards จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 2023 และด้วยระบบ Sharding นี่เองที่จะทำให้จำนวนการทำธุรกรรมของ Ethereum สูงได้ถึง 100,000 ธุรกรรมต่อวินาที
อธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติมระบบ Sharding เปรียบได้กับการจับฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาแบ่งออกเป็นชิ้นๆ และประมวลผลแบบแยกออกจากกัน โดย Node ประมวลผลที่อยู่ในแต่ละ Shards ประมวลผลเฉพาะใน Shards ของตนเอง ไม่ต้องประมวลผลข้อมูลทั้งหมด ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น และสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น เทียบกับแบบเดิมที่ Node ประมวลผลทั้งหมดต้องประมวลผลข้อมูลทุกๆชิ้นที่ส่งเข้ามาซึ่งทำให้ช้า ซ้ำซ้อนเกินไป เป็นการใช้ทรัพยากร Node ประมวลผลอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
 
สุดท้ายแล้วจะเห็นว่าการพัฒนาของ Ethereum จะทำให้ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายลดลง ประมวลผลธุรกรรมเร็วขึ้น โดยเพิ่มความเร็วของการประมวลผลจาก 30 รายการต่อวินาทีเป็น 100,000 รายการต่อวินาที ตอนที่อัพเกรดทุกอย่างเสร็จสิ้นและเข้าสู่ Ethereum 2.0 ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การใช้งาน Ethereum ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับการธุรกรรมด้านการเงินเพียงอย่างเดียว แต่จะสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงมากจนคนทั่วๆ ไปสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
 
และด้วยการใช้งานหลากหลายรูปแบบที่มหาศาลนี้เองจะทำให้วันหนึ่ง Ethereum อาจมีมูลค่ามากกว่า Bitcoin ที่ใช้งานหลักๆ เป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินเพียงอย่างเดียว
แท็กที่เกี่ยวข้อง bitcoin cryptocurrency Ethereum
Economy Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Economy Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่



เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)