ถึงเวลาสิ้นปีเมื่อไหร่ สิ่งที่ผู้มีรายได้ต้องทำเป็นประจำคือ "การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี" ซึ่งการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีนอกจากจะได้ลดหย่อนภาษีตามชื่อแล้ว ยังมีลุ้นโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการเติบโตระยะยาวของกองทุนด้วย เนื่องจากกองทุนลดหย่อนภาษีต้องถือเป็นระยะเวลา 10 ปี ดังนั้นจึงสำคัญมากที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับ Concept ของกองทุนนั้นๆ
เพราะสิ่งที่กองทุนลงทุนจะเป็นตัวผลักดันผลตอบแทนในระยะยาว ถ้าเลือกได้ดีก็โตเยอะ 10 ปีผ่านไปอาจจะโตได้ 1-2 เท่าตัวของเงินลงทุนในตอนแรก แต่ถ้าเลือกได้ไม่ดีเงินอาจจะอยู่กับที่ไม่ไปไหนเลยเป็น 10 ปีเสียโอกาสเยอะมาก ดังนั้นจะดูแต่แค่สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีอย่างเดียวไม่ได้เลย
ดังนั้น สำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ หากเราจะเลือก DCA กองทุนลดหย่อนภาษีกันตั้งแต่ต้นปี สิ่งสำคัญคือต้องถามตัวเองก่อนว่าคิดว่าเราเป็นคนแบบไหน รู้สึก "อิน" กับอะไรเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรลงทุนกับกองทุนแบบไหนนะครับ
ในบทความนี้ทางทีมงานได้เลือกกองทุนลดหย่อนภาษี 9 กองที่น่าสนใจ และมี Concept การลงทุนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงมาให้เพื่อนๆ เลือกซื้อกัน ดังนี้
ASP-SME-SSF - เริ่มต้นด้วยหุ้นไทย เป็นที่รู้กันดีในตลาดหุ้นว่าหุ้นใหญ่โตช้า หุ้นเล็กโตเร็ว ถ้าอยากได้การเติบโตเร็วๆ หุ้นเล็กถือว่าตอบโจทย์มากๆ กองทุนนี้ทำผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังได้สูงถึง 39.37%
ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนถือแล้วก็ถือว่าไม่ธรรมดา กองทุนมีถือหุ้น WICE บริษัท Logistic, JMT บริษัทบริหารหนี้, TISCO ธนาคารขนาดกลาง, UTP บริษัททำผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ และ KCE ผู้ผลิตแผงวงจร Electronics ระดับโลก แม้จะเป็นหุ้นที่อาจไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าไปดูผลตอบแทนจะถึงบางอ้อเลยว่าทำไม ASP-SME ถึงเลือกเข้าพอร์ต
จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ ASP-SME-SSF คือเป็นกองหุ้นไทยขนาดเล็กที่ถือว่าคลาสสิกเลย เพราะเป็นกองแรกๆ ที่ทำเรื่องหุ้นเล็กครับ กองนี้ไม่มีอยู่ใน LTF และพึ่งมีใน SSF ถือเป็นโอกาสดีที่จะลดหย่อนภาษีด้วยกองทุนหุ้นเล็ก
TSF-SSF - แต่ถ้าไม่อยากเล่นหุ้นเล็กล่ะ? ผลตอบแทนอาจจะดีแต่จะผันผวนสูงเกินไป ถ้าเอาแบบผันผวนน้อยลงมาหน่อยคือการลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลาง-ใหญ่ กองทุน TSF-SSF ถือเป็นกองทุนหุ้นไทยอีกกองที่ได้รับความนิยมเพราะผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆ ปีทำได้ดี และเป็นกองที่นักลงทุนหลายคนซื้อลงทุนเมื่อต้องการสร้างผลตอบแทนจากหุ้นไทย
ณ.ปัจจุบัน TSF-SSF ทำผลตอบแทนได้ 29.56% กองทุนมีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกับ ASP-SME ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนลงทุนก็เช่น MTC บริษัททำสินเชื่อมอเตอร์ไซค์, IVL บริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ของโลก, GULF บริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ของไทย, SCGP บริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ในเครือ SCG และ MINT เครือโรงแรมชั้นนำของไทย
จากข้อมูลใน Fund Factsheet จะเห็นว่าหุ้นหลักแต่ละตัวของ TSF-SSF ถือในสัดส่วนมาก 7-9% เรียกได้ว่ากองนี้เป็นกองแบบ High Conviction คือถ้าชอบตัวไหนจะซื้อตัวนั้นแบบเน้นๆ ไปเลย ไม่เน้นกระจายความเสี่ยงมาก ข้อดีก็คือ ถ้าเลือกถูกตัวผลตอบแทนจะดี แต่ถ้าผิดตัวก็จะไม่ดี ถ้าใครอยากได้กองทุนหุ้นไทยแบบลงทุนเน้นๆ TSF-SSF คือคำตอบ
LHSMARTDSSF-SSF - ทำผลตอบแทนได้ 27.98% กองทุนมีระดับที่ 5 ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในกองทุนทั้งหมดที่พูดถึงในบทความนี้ กองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% นั่นหมายความว่าส่วนที่เหลือสามารถเอาไปลงทุนในเงินฝาก กอง REIT กองทุนรวมพื้นฐานได้และนี่คือสาเหตุว่าทำไมกองนี้ถึงมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากองอื่นๆ เพราะลงทุนในหุ้นสัดส่วนที่ 65% นี่เอง และนอกจากนั้นกองทุนยังมีปันผลทำให้หุ้นส่วนใหญ่ที่กองทุนลงเป็นหุ้นที่มีปันผลไปด้วย
หุ้นที่กองทุนเน้นลงทุนก็เช่น ADVANC, KBANK, TU, GULF และ RCL ที่คาดว่าจะสามารถปันผลได้สูง นอกจากหุ้นแล้วกองนี้มีการเอาเงินไปฝากธนาคารด้วย 20% ยิ่งทำให้ความเสี่ยงลดลงไปอีก
UGQG-SSF - ต่อมาแน่นอนว่าทุกคนสามารถลงทุนในหุ้นไทยเองได้ง่ายๆ ผ่าน App Streaming ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะกระจายความเสี่ยงไปหุ้นต่างประเทศ ถ้าวัตถุประสงค์คือต้องการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศแบบทั่วๆ ไป ไม่ได้เน้นวัตถุประสงค์อื่นใดเป็นพิเศษ UGQG-SSF ถือว่าตอบโจทย์จุดนี้
Concept ของกอง UGQG-SSF คือการลงทุนหุ้นที่กำลังเติบโตทั่วโลก หลายๆ บริษัทเป็นบริษัทที่คนไทยรู้จักกันดีแม้จะเป็นหุ้นต่างประเทศ เช่น Google, Microsoft, Amazon และ Meta (Facebook)
แต่ถ้าความต้องการในการลงทุนค่อนข้างชัด เช่น อยากลงทุนใน Theme บาง Theme เป็นพิเศษ ทางทีมงานขอแนะนำกองทุนดังต่อไปนี้
KFGBRANSSF - ลงทุนในหุ้นแบรนด์ดังของโลก เน้นบริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น กอง KFGBRANSSF จะมีตัวอย่างหุ้นเช่น Microsoft เจ้าของ Window และ Office365 , Philip Morris เจ้าของ Marlboro, Reckitt Benckiser เจ้าของแบรนด์ดังเช่น Durex, Visa แบรนด์บัตรเครดิตรายใหญ่ เป็นต้น
กองทุน KFGBRANSSF ยังมีความพิเศษกว่ากองทุนอื่นๆ ตรงที่กองทุนมีการจ่ายปันผลด้วย ทำให้ระหว่างรอผลตอบแทนของกองทุนเติบโต หรือครบระยะเวลาขาย 10 ปี ก็จะได้ปันผลมาเป็นระยะๆ ระหว่างรอด้วย
T-ES-GTECH-SSF - กองทุนนี้เป็นกองสำหรับคนที่เน้น Theme เทคโนโลยีเน้นๆ เลย กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นอย่างเช่น Google เจ้าของ Search Engine รายใหญ่ของโลก, Apple แบรนด์เทคโนโลยีรายใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ, Nvidia เจ้าของแบรนด์การ์ดจอและชิปชื่อดังซึ่งตอนนี้ผันตัวมาทำชิปสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, Adobe Systems เจ้าของโปรแกรมดังอย่าง Photoshop
เรียกได้ว่า T-ES-GTECH-SSF มีหุ้นเทคโนโลยีครบทุกสายไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, Gaming และ Social ลงทุนกองเดียวถือว่าเก็บการเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีผู้นำครบเลย
K-CHANGE-SSF - สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เช่น อยู่ในเทรนด์ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ธรรมาภิบาลที่ดี หรือพลังงานทดแทน กองทุน K-CHANGE-SSF จะเหมาะสมมากๆ
กองทุนมีลงทุนในหุ้น เช่น Moderna ซึ่งเป็นผู้ผลิตวิคซีน และยา Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ TSMC ผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะเห็นว่าหุ้นแต่ละตัวที่กองทุนลงทุนสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกสมชื่อ K-CHANGE-SSF เลยทีเดียว แน่นอนว่าเมื่อสร้างผลตอบแทนเชิงบวกในระยะยาว ผลตอบแทนที่ได้ก็ควรจะเป็นบวกเช่นกัน
SCBSEMI(SSF) - เมื่อพูดถึงหุ้นเทคโนโลยี จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นฐานของเทคโนโลยีคือผู้ผลิตชิป และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งต่อไปจะเป็นพื้นฐานของโลกอนาคตที่เน้นเทคโนโลยี ถ้า T-ES-GTECH-SSF คือกองทุนหุ้นเทคโนโลยีแบบรวมๆ กองทุน SCBSEMI(SSF) กองนี้คือเน้น Hardware ล้วนๆ เลย
จะเห็นว่าพอเข้าไปดูตัวอย่างหุ้นที่กองทุนลงทุนจะเห็นชื่ออย่าง Nvidia ผู้ผลิตชิป, TSMC บริษัทรับจ้างผลิตชิป, ASML บริษัทที่ผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตชิป, Intel ผู้ผลิตชิปประมวลผล CPU รายใหญ่ คือถ้าไม่มีผู้ผลิตชิปเหล่านี้ เทคโนโลยีแทบจะเติบโตไม่ได้เลย ยิ่งเทคโนโลยีสูง ยิ่งต้องใช้ชิปที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในอนาคต หุ้นเหล่านี้จะได้ประโยชน์มากๆ
TCHTECH-SSF - สุดท้ายสำหรับคนที่อยากลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีอีกสายหนึ่งที่เก่งไม่แพ้หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ คือหุ้นเทคโนโลยีจีน แม้จะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย แต่ต้องบอกว่าประเทศจีนคือประเทศผู้นำเทคโนโลยีอีกประเทศหนึ่ง ดังนั้นแม้ตอนนี้จะถูกกดดันจากปัญหา แต่เชื่อว่าในระยะยาวจีนจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง
กองทุน TCHTECH-SSF เป็นกองทุนที่ลงทุนใน ETF หุ้นเทคโนโลยีจีนโดยเฉพาะ ดังนั้นกองทุนนี้จะค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองปกติทั่วๆ ไปด้วย หุ้นที่กองทุนมีก็เช่น Tencent เจ้าของ Application Wechat ที่คนจีนทุกคนใช้, Meituan แอปส่งอาหารรายใหญ่ของจีน, Tencent Music บริษัทให้บริการเพลงที่ได้ชื่อว่าเป็น Spotify เมืองจีน
สุดท้ายอย่าลืมว่าการลงทุน SSF เป็นการลงทุนระยะยาว 10 ปี ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องนึกภาพต่อว่าถ้าเราต้องถือกองทุนที่เราเลือกในวันนี้ไปอีก 10 ปี เราจะสบายใจไหม? ทั้งขาขึ้น และขาลง เพราะบอกได้เลยว่าถ้าลงทุน 10 ปี ต้องมีเจอขาลงสักครั้งแน่ๆ การเลือกกองทุนที่ถูกจริตกับตัวเราเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ Concept ของกองทุน และผลตอบแทน