วิกฤตโรคระบาดในปี 2020 ทำให้การท่องเที่ยวของไทยอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หุ้นท่องเที่ยวที่นักลงทุนไทยรู้จักกันดีหลายๆ ตัวตกลงอย่างหนักจนถึงปัจจุบันยังไม่กลับมาที่ราคาเดิมก่อนวิกฤต
- หุ้น AOT สนามบินของไทย วันที่ 2 มกราคม 2020 อยู่ที่ราคา 72.25 บาท ตกลงไปต่ำสุดที่ 42.25 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ราคา 61.75 บาท ยังไม่กลับไปที่จุดเดิม
- หุ้น MINT เครือโรงแรมอนันตารา และอวานี วันที่ 2 มกราคม 2020 อยู่ที่ราคา 35.25 บาท ตกลงไปต่ำสุดที่ 13.25 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ราคา 29 บาท
- หุ้น ERW เจ้าของโรงแรมแกรน์ไฮแอทเอราวัณ และเครือโรงแรม Hop Inn วันที่ 2 มกราคม 2020 อยู่ที่ราคา 3.56 บาท ตกลงไปต่ำสุดที่ 1.22 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ราคา 3.06 บาท
- หุ้น CENTEL เครือโรงแรมเซนทารา วันที่ 2 มกราคม 2020 อยู่ที่ราคา 24.50 บาท ตกลงไปต่ำสุดที่ 13 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ราคา 32.00 บาท ถือเป็นหุ้นโรงแรมไม่กี่ตัวที่ราคาฟื้นตัวและทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ปี 2020
*ราคาปัจจุบัน ณ วันที่ 14/12/21
จะเห็นว่าหุ้นท่องเที่ยวเริ่มทยอยฟื้นตัว และกำลังจะทำจุดสูงสุดใหม่แล้ว แม้ปัจจุบันจะปรับฐานลงมาจากข่าวการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ OMICRON แต่หุ้นสนามบินอย่าง AOT ถือว่าน่าสนใจเพราะจะได้รับผลประโยชน์เต็มๆ จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในฐานะผู้ให้บริการสนามบินหลักของประเทศไทย ถ้าอยากลงทุนในหุ้น AOT นักลงทุนต้องรู้อะไรบ้าง?
1. เริ่มต้นกับเรื่องร้ายๆ ก่อนตั้งแต่วิกฤตม๊อบปิดสนามบินก็มีวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ที่ AOT โดนผลกระทบหนักที่สุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมา จากรายได้ 64,384 ล้านในปี 2019 มาเหลือรายได้เพียง 33,129 ลบ. ในปี 2020 ล่าสุด 9 เดือน ปี 2021 AOT มีรายได้เพียง 6,073 ลบ. ขาดทุนอีก 11,164 ลบ. ในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ ราคาฟื้นตัวก็ต้องมาเจอกับผลกระทบจาก OMICRON อีก
สาเหตุที่ทำให้รายได้ตก และขาดทุนหนักคือการปิดประเทศ ปิดเมือง ปิดสนามบิน ทำให้ไม่มีเครื่องบินลงจอด ไม่มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินค่าภาษีสนามบินก็เก็บไม่ได้ ร้าน Duty Free ก็ขายของไม่ออก AOT ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้จากร้านเหล่านั้น เท่านั้นยังไม่พอยังต้องช่วยเหลือค่าเช่าร้านค้าที่เช่าที่ในสนามบินอีก เรียกได้ว่าเป็นมรสุมครั้งใหญ่
2. แต่ข่าวดีคือตอนนี้ประเทศไทยกำลังเริ่มต้นเปิดประเทศแล้ว เริ่มมีนักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศกลับมาเดินทางกัน จึงพอบอกได้ว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมากำลังจะผ่านไป และ AOT จะกลับมามีรายได้เติบโตอีกครั้ง หากการแพร่ระบาดของ OMICRON ไม่มากจนเกินไปจนประเทศไทยต้องกลับไปปิดประเทศอีกครั้ง
3. ตอนนี้ต้องเจอกับวิกฤตหนัก หลายคนเป็นกังวลแทน AOT แต่อยากจะบอกว่า AOT นั้นแข็งแกร่งมาก สถานะทางการเงินเข้มแข็ง บริษัทมีสินทรัพย์สูงถึง 197,000 ลบ. มีหนี้เงินกู้ธนาคารเพียง 9,500 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AOT คือกระทรวงการคลัง ถือหุ้นอยู่ 70% เรียกได้ว่าการซื้อหุ้น AOT คือการร่วมลงทุนธุรกิจสนามบินกับกระทรวงการคลัง ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาด้านการเงินเลย
4. ในปี 2022 นี้ AOT กำลังเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่เพิ่งสร้างใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม เรียกได้ว่ากลับมาเปิดได้ทันเวลา จังหวะเหมาะเจาะพอดีกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งพอเปิดแล้วจะรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง ปีละ 60 ล้านคน
5. ที่ต้องสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เพิ่มเติมเพราะว่าปริมาณนักท่องเที่ยวล้นสนามบินสุวรรณภูมิมาโดยตลอด (นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การเดินทาง และบริการที่สนามบินล่าช้า) โดยในปี 2019 ก่อนวิกฤต มีนักท่องเที่ยวใช้สนามบินสุวรรณภูมิมากถึง 64 ล้านคน แต่สนามบินถูกออกแบบไว้เพื่อรองรับผู้โดยสารเพียง 45 ล้านคนเท่านั้น จะเห็นว่า แม้จะร่วมสุวรรณภูมิเฟส 2 แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวยังดีว่าล้นอยู่ดี
6. นอกจากสุวรรณภูมิแล้ว AOT ยังเป็นหุ้นที่เป็นเจ้าของสนามบินอื่นๆ ด้วย เช่น สนามบินดอนเมือง, สนามบินภูเก็ต, สนามบินหาดใหญ่, สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินเชียงราย เรียกได้ว่ากุมจุดยุทธศาสตร์การบินที่สำคัญๆ ของประเทศไทยไว้ทั้งหมดแล้ว และสนามบินที่กล่าวมาทั้งหมดกำลังมีแผนในการขยายสนามบินในอนาคตเช่นกัน
7. ปัจจุบันสนามบินทั้งหมดของ AOT สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 101 ล้านคน แต่ทาง AOT ก็มีแผนในการขยายสนามบินอย่างต่อเนื่อง โดยจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมดสูงถึง 243 ล้านคนต่อปีในปี 2035 เมื่อขยายสนามบินรายได้และกำไรก็จะมีแนวโน้มโตตาม
ความเสี่ยงของหุ้น AOT อยู่ที่จำนวนนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งอาจไม่กลับมานิยมท่องเที่ยวไทยอย่างในอดีตก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามประเทศไทยถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เรามีวัฒนธรรมที่ดี มีทะเล และชายหาดที่สวย ค่าใช้จ่ายไม่แพง คนไทยก็เป็นคนที่เป็นมิตรมาก ดังนั้นถ้าเชื่อว่าประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของโลกอยู่ การมีหุ้น AOT ซึ่งทำสนามบินติดไว้ในพอร์ตถือว่าเป็นไอเดียการลงทุนที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ราคาปัจจุบันของหุ้น AOT ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงนัก และถือเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาปี 2018 (เมื่อ 4 ปีที่แล้ว) ดังนั้นในความเป็นจริง การมาของวิกฤตในปี 2020 และ OMICRON ทำให้หุ้นท่องเที่ยวรวมถึง AOT ตกลงมากันหมด เหตุการณ์นี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการเก็บหุ้น AOT ไว้ ก่อนที่การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเติบโต รายได้ และกำไรของ AOT กลับมา แถมปีหน้าเปิดสุวรรณภูมิเฟส 2 ถึงตอนนั้นราคาหุ้น AOT อาจไม่อยู่รอตรงนี้แล้วก็เป็นได้