เล่นบิทคอยน์ได้เงินจริงไหม? รีวิวจากประสบการณ์จริง!

เนื่องจากบิทคอยน์เป็นการลงทุนที่ใหม่มากๆ สำหรับคนส่วนใหญ่ หลายคนคงยังกล้าๆ กลัวๆ เห็นเพื่อนได้กำไรกันเยอะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าบิทคอยน์มันใช่แชร์ลูกโซ่รึเปล่านะ? หรือจะเป็นคล้ายๆ หุ้นปั่น หรือจริง ๆ แล้วคือการเล่นสัญญาฟิวเจอร์ เพราะราคาเหวี่ยงเยอะเหลือเกิน

วันนี้...ทางทีมงานจะมาบอกว่าที่เขียนมาทั้งหมดน่ะผิดนะ! บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ และทำเงินได้จริง เอาเป็นว่าก่อนที่จะถามว่าบิทคอยน์เล่นได้เงินยังไง? มาดูกันก่อนว่าบิทคอยน์คืออะไร? โดยทางทีมงานจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพมากที่สุด

กาลครั้งหนึ่ง ... มีชายคนหนึ่งชื่อว่า Satoshi Nakamoto คิดค้นโปรแกรม ระบบการแลกเปลี่ยนเงินออนไลน์ที่ใช้ค่าธรรมเนียมน้อย รวดเร็ว และดำเนินงานโดยระบบคอมพิวเตอร์ของคนทั่วโลกจึงไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของระบบบิทคอยน์ 

เปรียบเทียบจะคล้ายๆ กับระบบ BitTorrent ที่เมื่อก่อนคนใช้โหลดหนัง และเพลงฟรี จากการแชร์ของคนในอินเทอร์เน็ตต่อ ๆ กันไปโดยไม่มีตัวกลางคนใดคนหนึ่ง ระบบของบิทคอยน์ทำงานคล้ายๆ แบบนี้ คือระบบคอมพิวเตอร์แทนที่จะแชร์ไฟล์หนังหรือเพลง กลายเป็นช่วยกันประมวลผลมูลค่าของบิทคอยน์จากการทำธุรกรรมของคนในระบบ

โดยใครก็ตามที่จะซื้อบิทคอยน์ต้องใช้เงินจริง เช่น เงินบาทไทย หรือเงินสหรัฐฯ ไปแลกบิทคอยน์มาจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ เช่น BitKub หรือ Zipmex ดังนั้นเมื่อบิทคอยน์ต้องใช้เงินจริงๆ ในการแลก ทำให้มูลค่าของบิทคอยน์คือมูลค่าที่เป็นจริง... เพราะมีคนเอาเงินจริงไป ซื้อ / แลกมานั่นเอง 

เปรียบเทียบคล้ายๆ พระเครื่อง หรือ ของสะสมที่มีราคาสูงเกินกว่าราคาต้นทุนที่ใช้ทำของชิ้นนั้นๆ และด้วย Concept แบบนี้แหละทำให้มีคนเริ่มบอกว่า "บิทคอยน์" คือสินทรัพย์ที่สามารถเก็บสะสมมูลค่าได้จริงคล้าย ๆ กับทองคำ ทำให้ตั้งแต่นั้นมา เลยทำให้คนเริ่มเห็นบิทคอยน์เป็น "ทองคำดิจิตอล" หลายๆ คนถึงกับมองว่าในอนาคตบิทคอยน์จะมาแทนที่ทองคำเลยด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงอีกมุมหนึ่งของบิทคอยน์ คือ การเป็นสกุลเงินประเภทหนึ่งที่ใช้ในโลกดิจิตอล ถ้าเรามีบิทคอยน์ และต้องการเงินเยน หรือยูโร เราสามารถเอาบิทคอยน์ไปแลกมาได้ตราบใดที่มีคนยอมแลกเปลี่ยนกันเรา ประเด็นของบิทคอยน์มันอยู่ตรงนี้แหละ ถ้ามีคนยอมแลกแปลว่าคนๆ นั้นต้องเห็นคุณค่าของบิทคอยน์ (ไม่งั้นเขาจะมาแลกทำไม)

ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่ใช่แค่คนธรรมดาที่จะรับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์แต่ร้านค้า และบริษัทหลายๆ ที่ก็ยอมให้จ่ายเงินค่าสินค้าด้วยบิทคอยน์ได้แล้ว เช่น KFC, Microsoft, Subway, Amazon, Home Depot และอีกหลายแบรนด์ในต่างประเทศ

 

 

การเทรดบิทคอยน์ให้เปรียบเทียบจะคล้าย ๆ กับการเทรดหุ้นหรือเทรดค่าเงินดีๆ นั่นเอง บิทคอยน์คล้ายกับการเทรดหุ้นเพราะราคาของบิทคอยน์เคลื่อนไหวขึ้นลงตามความต้องการซื้อ / ขายบิทคอยน์ในแต่ละช่วงเวลา ยิ่งมีคนต้องการซื้อมาก ราคาบิทคอยน์ก็ขึ้น หากมีคนต้องการขายมากกว่า ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มลง ถ้าเราซื้อบิทคอยน์มา และมีคนต้องการซื้อราคาที่แพงขึ้นเราก็จะได้กำไร และขาดทุนในทางกลับกัน

บิทคอยน์มีความคล้ายการเทรดค่าเงินตรงที่ พอเป็นสกุลเงินจะสามารถอ่อนค่า / แข็งค่าได้เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น ดอลลาร์ ถ้าธนาคารกลางของสหรัฐฯ มีการพิมพ์เงินออกมาย่อมทำให้มูลค่าเงินดอลลาร์ลดลง บิทคอยน์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เป็นต้น ดังนั้นการที่ราคาของบิทคอยน์จะขึ้นหรือลงไม่ได้อยู่ที่ความต้องการซื้อ / ขาย บิทคอยน์เพียงอย่างเดียว แต่อิงกับการแข็งค่าอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ด้วย

• จากข้อมูลของเว็บ Bitcoinmarketjournal.com มีคนมากกว่า 1 ล้านคนใช้บิทคอยน์ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
• เฉพาะในสหรัฐอเมริกาอย่างเดียวมีคนครอบครองบิทคอยน์ถึง 11% ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงแค่ในสหรัฐฯ อย่างเดียว มีคนเป็นเจ้าของบิทคอยน์มากกว่า 30 ล้านคน
• ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีคนที่เป็นเจ้าของ Cryptocurrency มากกว่า 200 ล้านคนแล้ว
• บริษัทการเงินขนาดใหญ่ เช่น Proshares ได้ออกกองทุน ETF ชื่อ Bitconi Strategy ETF (BITO) ซึ่งผ่านการอนุมัติจากกลต.ของสหรัฐเรียบร้อยแล้ว (ถ้ากลต.เห็นว่าเป็นแชร์ลูกโซ่น่าจะไม่ยอมอนุมัติเป็นแน่)
• Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ที่มีเจ้าของคือ Elon Musk ครอบครองบิทคอยน์อยู่มากถึง 2.48 พันล้านดอลลาร์ หรือ กว่า 8 หมื่นล้านบาท