อยากซื้อทองมาเก็บไว้ออมเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ควรเลือกซื้อในรูปแบบและช่องทางไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด!!

icon 15 ต.ค. 64 icon 20,261
อยากซื้อทองมาเก็บไว้ออมเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ควรเลือกซื้อในรูปแบบและช่องทางไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด!!

อยากซื้อทองมาเก็บไว้ออมเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ควรเลือกซื้อในรูปแบบและช่องทางไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด!!

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีทั้งโรคระบาด (โควิด-19) ทำมาหากินยากลำบาก เงินทองฝืดเคือง หลายคนเริ่มมองเห็นแล้วว่า การออม การเก็บ จะทำให้เรามีเงินทองเหลือเผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็นแบบนี้ได้ ดังนั้น ยังไม่สายนะคะที่เราจะเริ่มทำการออม การเก็บ ตอนนี้เลย ซึ่งหลายคนมองหาการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ที่จะสามารถเพิ่มรายได้ หรือรายรับ ให้เหลือเก็บออมไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งในวันนี้ CheckRaka ก็จะขอนำทางเลือกการเก็บออมในรูปแบบของการซื้อทองเก็บเป็นสินทรัพย์ในอนาคต เพราะ "ทองคำ" เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างน้อย มูลค่าก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยจัดได้ว่า "ทองคำ" เป็นเครื่องมือดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจอีกด้วย ดังนั้น มาทำความรู้จัก และเข้าใจกับการออมทอง ไปพร้อมกันเลยค่ะ
"ทองคำ" คืออะไร?...ดียังไง?...ทำไมจึงควรมีเก็บไว้เป็นสมบัติในอนาคต!
"ทองคำ (GOLD)" เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ถือเป็นเครื่องวัดความมั่งคั่ง และดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ เนื่องจากความพิเศษของทองคำที่ต่างจากโลหะมีค่าชนิดอื่นๆ ด้วยความงดงาม คงทน หายาก และยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน จึงทำให้ทองคำเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมสูงสุด และนอกจากนี้ยังสามารถเก็บออมไว้เพื่อความมั่งคั่งในระยะยาวได้อีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และรวมถึงอนาคต การลงทุนในทองคำยังเป็นที่นิยมอยู่และมีแนวโน้มมากขึ้น ในปัจจุบัน "ทองคำ" มีอยู่ 2 ประเภท คือ 1) ทองคำแท่ง และ 2) ทองคำรูปพรรณ
ประโยชน์ของการมี "ทองคำ" เป็นสินทรัพย์ ก็คือ...
  • ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เพราะทองคำเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ความต้องการจึงสูง ส่งผลทำให้ผลตอบแทนเรื่องราคาสูงขึ้นได้ในระยะยาว
  • ลดความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะราคาทองคำจะมีการขยับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หรือบางครั้งอาจมีราคาที่ขยับขึ้นสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อก็เป็นได้ จึงส่งผลทำให้สามารถรักษาอำนาจการซื้อไว้ได้
  • การออมทองลดความเสี่ยงได้ เนื่องจากการออมทองเป็นการกระจายการลงทุน เพราะราคาทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
"ทองคำ" มีช่องทางในการซื้อแบบไหนบ้าง?
การลงทุน "ทองคำ" ที่ง่าย และสะดวกที่สุด ก็คือ การซื้อทองคำมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง หรือทองคำรูปพรรณ โดยในส่วนของช่องทางการซื้อทองในปัจจุบันก็มีด้วยกัน 3 ช่องทาง ดังนี้ค่ะ
"ทองคำ" เลือกซื้อแบบไหนดี และเหมาะกับเราที่สุด
หลังจากรู้ช่องทางการซื้อทองแล้วทั้ง 3 ช่องทางข้างต้นแล้ว เรามาดูต่อกับเลยค่ะว่า เราสามารถซื้อทองคำแบบไหนได้บ้าง และการซื้อทองคำแบบไหนที่เหมาะกับเราที่สุด ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า แต่ละช่องทาง แต่ละแบบก็มีจุดเด่น และจุดด้อยต่างกัน ซึ่งต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน ดังนั้น เรามาดูรายละเอียดแต่ละช่องทาง พร้อมรูปแบบการซื้อทอง แบบข้อต่อข้อกันเลยค่ะ
1. การซื้อทองด้วยเงินสด
วิธีนี้สามารถไปที่ร้านทองในเวลาทำการ และทำการซื้อได้ทันที ซึ่งการไปซื้อทองที่ร้านทองด้วยเงินสดนี้จะดีตรงที่เราสามารถเลือกละเห็นทองที่เราจะซื้อ พร้อมนำทองคำที่ซื้อกลับบ้านได้จริง สามารถตรวจสอบหรือเช็กน้ำหนักทองให้ครบ รวมถึงการที่เรากำหนดวัน และเวลาในการซื้อได้ หากจะซื้อก็ควรซื้อตอนที่ราคาทองลง เพราะจะได้ซื้อในราคาที่ถูก แต่ข้อด้อยของการซื้อทองแบบนี้เราจะต้องมีเงินก้อนพอในจำนวนที่เราต้องการจะซื้อ ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่ร้านทอง ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องรอคิวเพื่อซื้อทอง และที่สำคัญจะต้องเสียค่าบล็อกสำหรับทองคำแท่ง และค่ากำเหน็จสำหรับทองคำรูปพรรณ ทั้งการซื้อ และขายทองที่ร้าน อ้อ! แล้วก็อย่าลืมพกบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนด้วยนะคะ
2. การซื้อทองเงินผ่อน
การซื้อทองในรูปแบบนี้จะเป็นการตกลงราคากันไว้ก่อน ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แล้วค่อยทยอยจ่ายหรือที่เรียกว่า "ผ่อนจ่าย" ทีหลัง ซึ่งการซื้อทองคำนี้เราสามารถเลือกรูปแบบ ลวดลาย และน้ำหนักทองไว้ล่วงหน้าได้ โดยการผ่อนทองจะมีอยู่ 2 แบบ คือ
แบบที่ 1..."ผ่อนทองกับร้านทอง" เป็นการซื้อทองคำ และผ่อนจ่ายชำระกับร้านทองโดยตรง แบบ “ผ่อนครบ รับทองทันที “ คือ ชำระราคาทองคำจนครบตามจำนวนที่ตกลงไว้ จึงค่อยนัดรับทองคำที่ร้านทอง โดยจะได้ราคาทอง ณ วันที่ทำการซื้อ, ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาผ่อนที่กำหนดไว้คือ 3 เดือน หรือ 6 เดือน เป็นต้น และหากยกเลิกการผ่อนก็จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย ซึ่งข้อดีของการผ่อนทองกับร้านทองคือไม่ต้องกังวลเรื่องทองหาย แต่ข้อเสียคือจะไม่ได้ทองคำในทันที
แบบที่ 2..."ผ่อนทองกับบัตรเครดิต"  เป็นการใช้ "บัตรเครดิต" รูดซื้อทอง เหมือนรูดซื้อสินค้าทั่วไป  แล้วผ่อนจ่ายคืนผ่านทางธนาคาร โดยเราจะได้รับทองคำก่อน แล้วค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง คือได้สินค้าไปใช้ก่อนแล้วแบ่งชำระเป็น "งวด" (รายเดือน) ตามเงื่อนไข และข้อตกลงกับธนาคาร โดยมี "อัตราดอกเบี้ย" ในการผ่อนชำระ คิดเป็น % ต่อเดือน และอาจจะมีค่าบริการเพิ่มด้วย ซึ่งมีระยะเวลาในการผ่อนก็จะมีตั้งแต่ 6 เดือน 10 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน และหากเป็นช่วงการจัดแคมเปญ หรือสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตใบนั้นๆ บางบัตรถึงขั้นมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ 0% เลยทีเดียว (เป็นไปตามกำหนดเงื่อนไขของธนาคาร) หรืออาจมีส่วนลดค่ากำเหน็จ ค่าพรีเมี่ยม และฟรีค่าธรรมเนียมในการรูดซื้อ เป็นต้น โดยข้อดีของการผ่อนกับบัตรเครดิตคือสามารถซื้อทองคำตามที่เราต้องการได้ แต่ก็ต้องระวังวงเงินในบัตรเครดิตด้วยนะคะ
3. การซื้อทองออนไลน์
เป็นการซื้อขายทองคำผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องเดินไปที่ร้านทอง เราสามารถสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซต์หน้าร้านทอง หรือในช่องทางโซเชียล มีเดีย ต่างๆ เช่น อินสตาแกรม เฟสบุคเพจ และแอปพลิเคชันไลน์ เป็นต้น โดยเราจะต้องบันทึกหลักฐานสลิปการโอนเงินด้วย และถ้าต้องการขาย ก็จะต้องนำทองคำไปขายที่ร้านทองเท่านั้น ไม่ควรนำส่งทางไปรษณีย์เพราะอาจเกิดการสูญหายได้
4. การซื้อทองเงินออม
การซื้อทองคำในรูปแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนทั้งจำนวนตามมูลค่าของทองคำ แต่จะเป็นการซื้อทองคำด้วยเงินจำนวนน้อยๆ เพียงหลักร้อย หลักพันได้ จะเป็นลักษณะการทยอยซื้อทองคำสะสมไปเรื่อยๆ เป็นสะสมแบบรายเดือน คือ มีการกำหนดจำนวนเงินที่จะซื้อทองในแต่ละเดือน ซื้อโดยไม่ต้องสนใจราคาทอง และเมื่อออมครบตามน้ำหนักหรือราคาทองคำที่ต้องการก็สามารถเบิกทองคำมาเก็บไว้เองได้ ข้อดีของวิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง เพราะเราไม่ต้องไปที่ร้านทอง แต่สามารถซื้อ-ขายทองคำได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และด้วยการซื้อทองแบบนี้เป็นการซื้อผ่านระบบออนไลน์ การออมจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของ "ทองคำออนไลน์" ถ้าเราทำการซื้อขายทองคำออนไลน์ เราก็จะไม่ต้องเสียค่าบล็อกหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จึงเป็นการดีสำหรับคนที่ต้องการซื้อทองเพื่อเก็งกำไร แต่การซื้อทองแบบนี้จะมีข้อด้อยตรงที่เราไม่สามารถถือทองคำจริงๆ ได้ในทันที โดยเราจะต้องออมทองให้ครบตามเงื่อนไขของบริษัทก่อนจึงจะสามารถถอนทองคำจริงออกมาได้ และทองคำที่ถอนออกมาจะมีเพียงทองคำแท่งเท่านั้น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการถอนทองออกมา เป็นค่าประกัน ค่าขนส่ง ค่า Vat และยังมีค่าบล็อกเหมือนซื้อที่ร้านทองอีกด้วย
สรุป...สิ่งที่จะบอกได้ว่า เราควรจะเลือกซื้อทองในรูปแบบและช่องทางไหนถึงจะเหมาะที่สุดนั้น ก็อยู่ที่เราเองว่าเราต้องการหรือสะดวกแบบใด หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลของรูปแบบและช่องทางการซื้อทองคำข้างต้นแล้วคงจะพอให้เพื่อนๆ เห็นความจำเป็นและข้อจำกัดของแต่ละคนได้ พร้อมกับเลือกวิธีและช่องทางการสะสมทองคำในรูปแบบของตัวเองได้แล้วนะคะ สุดท้ายนี้ GURU ขอแนะนำให้สำหรับคนที่ต้องการจะเริ่มออมให้เริ่มกันได้เลยนะคะ เพราะยิ่งเราออมเร็วเท่าไหร่ ผลของการออมก็จะยิ่งเห็นผลเร็วเท่านั้น เพื่อความมั่นคงในอนาคตขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จค่ะ
แท็กที่เกี่ยวข้อง ผ่อนทอง ทองรูปพรรณ ออมทอง ซื้อทอง ทองแท่ง
Economy Guru
เขียนโดย สินีนาฏ มากทองหลาง Economy Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่



เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)