อยากใช้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม ต้องทำยังไง? ที่นี่มีคำตอบ!!
ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ที่หลายคนต้องการนั้น แน่นอนว่าไม่ได้มาจากแค่การทำงานประจำแล้วนั่งรอเงินเดือนทุกเดือนเพียงอย่างเดียวแน่ๆ แต่มันต้องมาจากการวางแผนการใช้เงินของเราด้วย ถ้าเรามีเงินแล้วเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการทำให้เงินนั้นงอกเงย หรือมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้เรามีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นตามไปด้วย และวิธีที่ทาง
CheckRaka.com จะขอแนะนำในครั้งนี้ คือ การให้เงินทำงานผ่าน "กองทุนรวม" ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นใช้เงินทำงาน เพราะมันสามารถทำให้เงินของเรางอกเงยมีผลต่อเนื่องได้ในระยะยาว แถมเรายังคงสามารถทำงานประจำได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วย
5 ขั้นตอนสร้างความมั่งคั่งผ่านกองทุนรวม
1. กำหนดเป้าหมายการสร้างความมั่งคั่ง
การตั้งเป้าหมายระยะสั้นนั้นควรบริหารรายรับ-รายจ่ายให้เหมาะสม หาโอกาสเพิ่มรายรับให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มเงินออม ส่วนในระยะยาวควรมีการวางแผนการเงิน และการลงทุนให้มีเงินใช้ได้อย่างเพียงพอในยามเกษียณ โดยคำนวณว่าเราจะต้องใช้เงินหลังเกษียณเท่าไหร่ และหากเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้ ต้องออมเดือนละกี่บาทเพื่อนำเงินออมไปลงทุนให้ได้ตามผลตอบแทนที่คาดหวัง จนสามารถบรรลุเป้าหมายได้ใช้ชีวิตสบายในวัยเกษียณ
2. ศึกษาประเภทกองทุนรวม และความเสี่ยงต่างๆ
เนื่องจากกองทุนนั้นมีหลากหลายประเภท ความเสี่ยง และนโยบายการลงทุน ก็ไม่เหมือนกัน โดยปกติแล้วกองทุนรวมหุ้นจะมีความเสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนสูงเฉลี่ยปีละ 10 - 15% ต่อปี ในขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเฉลี่ยปีละประมาณ 2 - 5% แต่ความเสี่ยงไม่มากก็มีโอกาสขาดทุนน้อยกว่า
3. ประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ดูว่ารับขาดทุนได้มากขนาดไหน และควรกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนในกองทุนรวมแต่ละประเภทในสัดส่วนที่เหมาะสมกับตนเอง หากรับความเสี่ยงได้สูงอาจจะจัดพอร์ตการลงทุนโดยเน้นไปในกองทุนตราสารทุนมากกว่าตราสารหนี้ เช่น จัดสรรเงินลงทุน 10,000 บาท (100%) แบ่งลงทุนในกองทุนรวมหุ้น 7,000 บาท (70%) และลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ 3,000 บาท (30%) เป็นต้น
4. เลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย
เพราะจะได้ประโยชน์ 2 เด้ง เด้งแรกคือ ได้ประหยัดภาษีทันที เด้งที่สองคือ มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งส่วนต่างราคาและเงินปันผลอีกด้วย เช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งมีเงื่อนไขให้ลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เช่น หากมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีปีละ 600,000 บาท ก็สามารถซื้อ LTF และ RMF ได้อย่างละไม่เกิน 90,000 บาท เป็นต้น
5. ตรวจสอบผลตอบแทนและผลการดำเนินงานของกองทุนรวม
เปรียบเทียบหลายๆ กองทุน ทั้งในระยะสั้นประมาณ 1 ปี และระยะยาวประมาณ 3 - 5 ปี เพื่อติดตามความคืบหน้าว่าผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ และควรปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างไร
การสร้างความมั่งคั่ง มั่นคงทางการเงินให้กับชีวิตนั้น มีหลากหลายวิธี การลงทุนในกองทุนรวมที่ทางเราแนะนำนั้นก็เป็นแค่วิธีหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจลงทุนในรูปแบบไหน เพื่อนๆ อย่าลืมที่จะศึกษารายละเอียดในสิ่งนั้นๆ ก่อนนะคะ ควรประเมินความเหมาะสม และวางแผนให้ดีเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเราเองค่ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.set.or.th