รีวิว-เยี่ยมชมคอนโด มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี (Maestro 14 Siam-Ratchathewi)
วันนี้ CheckRaka.com จะพาไปชมคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ใจกลางเมือง
มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี (Maestro 14 Siam-Ratchathewi) จากบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นคอนโด Low-rise ในสไตล์ "โมเดิร์น-คอนเทมโพรารี่ ผสมสไตล์สแกนดิเนเวียน เรโทร" เดินทางสะดวกสบายเพียง 300 เมตร จากสถานี BTS ราชเทวี แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าชื่อดัง และสถานศึกษาชั้นนำของประเทศ ใกล้ทางด่วนเพียง 10 นาทีจากทางด่วนยมราช นอกจากนี้ยังเป็น Pet friendly เอาใจคนรักสัตว์ โดยสามารถเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย โครงการนี้สร้างเสร็จแล้วจะมีความน่าสนใจอย่างไรตามไปชมกันค่ะ
- เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการ : บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้งโครงการ : ซอยเพชรบุรี 12 ราชเทวี กรุงเทพฯ
- อาคารชุดพักอาศัย : 8 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 179 ยูนิต
- ขนาดที่ดินทั้งโครงการ : 1-1-59 ไร่
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
- ห้องชุด : มี 3 แบบ ได้แก่
- 1 ห้องนอน สวีท 26.72 - 30.91 ตร.ม.
- 1 ห้องนอน 32-35.66 ตร.ม.
- 2 ห้องนอน 60.55 - 64.81 ตร.ม.
- ที่จอดรถ : 36% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ราคาเริ่มต้น : 4.5 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 17 พ.ค. 61)
- วันที่เข้าเยี่ยมชม-รีวิวคอนโด : 17 พ.ค. 61
ถ้าพูดถึงทำเลที่ตั้งขอโครงการ "Maestro14 สยาม-ราชเทวี" ก็คงต้องบอกว่าเป็นทำเลที่สะดวกมาก สะดวกในที่นี้ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน แต่ถ้ามองถึงชีวิตนักศึกษาจุฬาฯ การอยู่คอนโดนี้ก็จะไปเรียนได้สะดวก เพราะตอนที่ไปรีวิวก็มีผู้ปกครองมาดูห้องให้น้องๆ ที่เพิ่งสอบติดจุฬาฯ ระยะทางเดินประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือถ้าขับรถไปผ่านแยกปทุมวันก็ประมาณกิโลเมตรนิดๆ นับว่าชิลมากๆ เพราะอย่างนี้ไง เลยทำให้คอนโดนี้เป็นที่สนใจของผู้ปกครองและนักศึกษา รวมถึงคนที่อยากลงทุนไว้ปล่อยเช่าด้วย นอกจากมหาลัยชื่อดังแล้วโครงการนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าระดับเอเชียอีกด้วย ทั้งสยามเซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน สยามพารากอน และ MBK ถัดจากนั้นก็มี เซ็นทรัลเวิลด์ บิ๊กซีราชดำริ ห้างเกษร เซ็นทรัลชิดลม รวมถึงเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ นอกจากนี้เดินทางด้วย BTS แค่ 2 สถานี ก็ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่เป็นแหล่งรวมโรงพยาบาลชั้นนำของกรุงเทพ
BTS สยาม
Siam Discovery
MBK Center
คณะทันตะฯ จุฬาฯ
การเดินทางด้วยรถยนต์
เส้นทางที่ 1 จากถนนพญาไท มุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ เมื่อถึง BTS ราชเทวี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาค และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเข้าซอยเพชรบุรี 12
เส้นทางที่ 2 ลงจากทางพิเศษศรีรัช แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง หรือไปเลี้ยวขวาที่แยกราชเทวี กลับรถใต้สะพาน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาคได้เลย
- การเดินทางขาออกจากโครงการ
เส้นทางที่ 1 ออกไปประตูน้ำ โดยใช้ถนนบรรทัดทอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าต่อประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงแยกประตูน้ำค่ะ
เส้นทางที่ 2 ออกไปขึ้นทางพิเศษศรีรัช โดยเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาค จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 6 แล้ววนรถมาขึ้นทางด่วน หรืออีกเส้นทางคือ เลี้ยวขวาไปซอยพญานาคแล้วไปเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี แล้วเลี้ยวขวาไปกลับรถก็ขึ้นทางด่วนได้เลย
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
ใช้ทางออกที่ 1 เป็นทางที่ใกล้โครงการมากที่สุดค่ะ เดินเข้าไปในซอยพญานาคประมาณ 300 เมตรก็ถึงโครงการ
ตอนเดินชมทำเลนี้ บรรยากาศในซอยพญานาคช่วงเที่ยงๆ เหมือนอยู่โซนนอกเมือง เพราะรถที่สัญจรในซอยน้อยมาก โครงการ "Maestro14 สยาม-ราชเทวี" ตั้งอยู่ในซอยพญานาค หรือซอยเพชรบุรี 12 การเดินเข้าไปในซอยช่วงกลางวันถือว่าชิลมาก เพราะทางเท้าเดินได้สะดวก มีร้านค้าริมทางเท้ากระจายตัวอยู่เป็นระยะๆ ที่สำคัญระหว่างทางมีร้านอาหารและร้านกาแฟกระจายตัวอยู่ติดถนนเช่นกัน มีทั้งร้านอาหารไทย อาหารญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อ อาหารเกาหลีก็มี รวมถึงร้านสะดวกซื้อก็ตั้งอยู่ปากทางเข้าโครงการ เดินประมาณ 120 เมตรเอง เอาอย่างนี้ดีกว่า เดินไปพร้อมเราเลยแล้วกันเนาะจะได้เห็นภาพ
เริ่มจาก BTS ราชเทวี เลยดีกว่า ทางออกที่ 1 เป็นทางออกที่ใกล้ที่สุดแล้วค่ะ
เดินออกมาเจอนี่ก่อนเลย "โรงแรมเอเชีย"
ลงมาด้านล่างจุดนี้คือปากซอยพญานาค ที่ติดกับถนนพญาไท มีพี่วินและตุ๊กตุ๊กรอให้บริการอยู่จุดนี้ค่ะ
จุดรอรถเมล์ก็อยู่ไม่ไกลจากปากซอยพญานาค ห่างกันประมาณ 100 เมตรเองค่ะ
ราคาพี่วินตรงทางออกที่ 1 ค่ะ
เดินเข้าไปในซอยกันบ้าง ซอยพญานาคถือเป็นซอยที่เดินได้สะดวก มีทางเท้าสำหรับเดินคนเดียวเรียงแถวตอนลึก
ใช้เดินแบบหน้ากระดาน เดินคู่น่าจะแน่นเกินไป จะว่าไปก็เหมาะกับคนโสดนะ เดินคนเดียว สบายๆ (มองบวกมากกก)
เดินผ่านหน้าโรงแรมเอเชีย โรงแรมสูง 9 ชั้นที่สร้างตั้งแต่ปี 2509 สมัยนั้นน่าจะเป็นโรงแรมที่สวยมาก
จนวันนี้ก็ยังดูสวยคลาสสิกอยู่
เข้ามาในซอยพญานาคอีกนิด ก็มีร้านอาหารค่อนข้างเยอะนะคะ หลากหลายดีด้วย
อย่างร้านนี้เป็นร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่ ชื่อ
"The Fork Eatery" เมนูเด่นของเขาก็น่ารักๆ อย่าง Spaghetti Carbonara with homemade cream sauce ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 09.00-20.00 น. เลยค่ะ
เดินถัดมาอีกนิดหน่อย ก็มีร้านอาหารไทยชื่อร้าน "เพื่อน"
ด้านในมีโรงแรมอีกที่นึงนะคะ คือ "Siam Swana"
ติดกันกับโรงแรมจะมีร้าน
"Sushi Masa" ชื่อเสียงเรียงนามเค้าดี มีคนรีวิวไว้เยอะว่าอร่อย เลยต้องลองชิมดูสักหน่อยค่ะ
ที่นั่งในร้านมีไม่เยอะมากค่ะ เมนูซูชิของที่นี่ปลาสดชิ้นใหญ่ เมนูยำแซลม่อนก็แซ่บถูกปากคนไทยมากๆ
ติดๆ กันเลยจะมีร้าน
"Lazy Mary" ร้าน
กาแฟน่ารักๆ เมนูของร้านนี้น่ากินมาก อย่างแก้วแรกคือ "Doppio Uanilla Latte" (120฿) ตบด้วยไอศกรีมวานิลา 2 ลูกเน้นๆ
ส่วน "Homemadebrownies" ที่ทางร้านทำเองก็นุ่มฟูละมุนลิ้น จัดว่าดีทีเดียว
บรรยากาศช่วงเที่ยงในซอยพญานาคก็ดูสงบดีนะคะ ส่วนช่วงเช้าและช่วงเย็นก็มีรถติดนิดหน่อย
แต่ส่วนใหญ่คนที่นี่ก็จะใช้ BTS กัน รถเลยไม่แน่นเท่าโซนในเมือง
ร้านค้าแผงลอยในซอยนี้ก็มีกระจายตัวอยู่หลายๆ จุดค่ะ ราคามิตรภาพอยู่นะ
ตรงข้ามกับร้าน
Lazy Mary เป็นโรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ ช่วงเช้ากับช่วงเย็นนักเรียนและผู้ปกครองก็จะคึกคักกันพักหนึ่ง ติดกับโรงเรียนก็มีร้านอาหารเกาหลีด้วยนะ ชื่อร้าน
"Seoulchon" เป็นร้านไก่ทอดพร้อมซอสรสแซ่บถูกใจคนไทยนะ
เมนูมีให้เลือกเยอะ Cheesy Chicken (Without Set) ก็เลือกไซส์ เลือกรสชาติได้ตามใจชอบเลย
บรรยากาศของร้าน
Seoulchon สาขานี้น่ารักดี ทั้งพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องสีขาวตัดขอบด้วยสีดำ
อารมณ์ตอนนี้เหมือนข้ามไปอยู่ที่เกาหลีจริงๆ อ่ะ เดินถัดมาอีกหน่อยก็มีร้านขายลูกชิ้นทอดด้วยนะ
มองไปด้านนี้จะเห็นว่าเป็นสี่แยก ที่ทางขวาจะเป็นซอยเพชรบุรี 12 ซึ่งซอยนี้สามารถทะลุกับถนนเพชรบุรีได้
ส่วนด้านซ้ายก็เป็นทางเข้าไปยังโครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี ค่ะ
ร้านอาหารไทยฟิวชั่น พร้อมตู้ ATM แบบนี้น่าจะเป็นร้านที่รองรับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในไทยด้วย
อย่างที่บอกว่าซอยเพชรบุรี 12 เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีได้ แต่เป็นเส้นที่เดินรถทางเดียวค่ะ
กลับมาดูที่ทางเข้าโครงการกันบ้าง หน้าทางเข้ามาร้านเซเว่นตั้งอยู่ก็ถือเป็นเรื่องสะดวกสำหรับชีวิตมนุษย์คอนโดมาก
จุดนี้ก็มีพี่วินคอยให้บริการอยู่
ราคาพี่วินจุดนี้ ไปพันธุ์ทิพย์ สยาม ก็ราคาประมาณ 40 บาท
เดินเข้ามาหน่อยก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวหมู เส้นเล็กเส้นใหญ่หรือจะเส้นอะไรก็ราคาย่อมเยาอยู่
ในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านคนและอาคารพาณิชย์เก่าแก่ ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
มองภาพนี้แล้วเหมือนย้อนไปถึงรุ่นพ่อยุค 90 ประตูเหล็กแบบนี้ มอเตอร์ไซค์ก็เก๋ามาก
มาถึงโครงการแล้วค่ะ ข้อดีของการอยู่ในซอยก็คือ ผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไปนี่แหละ
บ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับโครงการค่ะ ส่วนตึกสีส้มด้านขวาคือ อาคารสภาคริสตจักรในประเทศไทย สูงประมาณ 10 ชั้นค่ะ
รูปแบบตึก และตัวโครงการโดยรวม
มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low-Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร รูปทรงตัว U ตั้งอยู่บนแปลงที่ดินขนาด 1-1-59 ไร่ มียูนิตพักอาศัยไม่มากเพียง 179 ยูนิตเท่านั้น ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 - 8 โดยที่ชั้น 1 มีจำนวนยูนิตน้อยสุดอยู่ที่ 5 ยูนิต และชั้น 3-8 มีจำนวนยูนิตมากสุดอยู่ที่ 25 ยูนิต/ชั้น ห้องที่นี่จะมีวิวให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือวิวสระว่ายน้ำ และวิวเมือง ออกแบบมาในสไตล์คอนเทม-มินิมอลิซึม (Contemp-Minimalism) ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบ โมเดิร์น-คอนเทมโพรารี่ และแบบสแกนดิเนเวียน เรโทร แต่โดยรวมก็ยังคงคอนเซปต์ในสไตล์ "Classic Inspired Modern Twist" ที่มีความคลาสสิกผสมผสานกับความเป็นโมเดิร์นตามแบบฉบับของแบรนด์มาเอสโตร
โครงการนี้เค้าค่อนข้างใส่ใจกับรายละเอียดเล็กน้อยๆ อยู่พอสมควร อย่างผนังภายนอกตัวอาคารจะสังเกตเห็นบางส่วนมีการเซาะร่องที่ผนังให้มีลวดลาย ส่วนตัวระแนงบังสายตาออกแบบให้มีความโค้งมนเน้นการดีไซน์ทำให้ดูไม่เรียบจนเกินไป โดยรวมของโครงการยังคงใช้สี Copper หรือสีทองแดงซึ่งเป็นสีของแบรนด์มาเอสโตร
พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้า เป็นการกระจายจำนวนลูกบ้านกรณีที่มาใช้งานเวลาเดียวกันจะได้ไม่รวมตัวกันอยู่ที่จุดเดียว ส่วนบนชั้นดาดฟ้าจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วนมีทั้งแบบ Indoor และแบบ Outdoor โดยแบบ Indoor จะมีในส่วนของห้องคาราโอเกะและห้องฟิตเนส ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศแบบชิลล์ๆ ด้านนอก ก็จะมีในส่วนสกายเลาจน์ และลานบาร์บีคิว สวนหย่อมสำหรับนั่งเล่น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Pet Zone โดยโครงการของมาเอสโตรทุกโครงการจะเป็น Pet Friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แต่ก็จะมีเงื่อนไขในการเลี้ยงอยู่เหมือนกัน ประมาณนี้
กฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุด
1. การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูลโดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์)
2. ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง)
3. สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้
- 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม.
- 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร
- 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป
(จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น)
4. สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง
กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ
สำหรับที่จอดรถอยู่ที่ชั้นใต้ดินและชั้น 1 รวมที่จอดรถทั้งโครงการประมาณ 36% (ไม่รวมซ้อนคัน) ไม่ฟิกซ์ตำแหน่งที่จอด 1 ยูนิตต่อ 1 สิทธิ์ที่จอดรถ ถึงแม้จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนก็ได้ 1 สิทธิ์เหมือนกัน มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว แบบล็อคชั้น อัตราส่วนการใช้ลิฟต์อยูที่ 89.5 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว
โดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 3-4 ชั้น และบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 2 ชั้น จะมีเพียงฝั่งด้านหน้าโครงการเท่านั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของสภาคริสตจักรที่เป็นอาคารสูง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด โดยมีระยะห่างระหว่างตัวโครงการกับสภาคริสตจักรประมาณ 15 เมตร
มาดูในส่วนของ Master Plan ของโครงการกันค่ะ ดูสิว่าแต่ละชั้นเค้ามีอะไรบ้าง
Master Plan ของชั้น G จุด Drop off, ป้อม รปภ., ที่จอดรถ, ที่จอดจักรยาน, ล็อบบี้, สระว่ายน้ำ, เลาจน์อ่านหนังสือ, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้องสตีม, ห้องซาวน่า, ห้องจดหมาย, ลิฟต์โดยสาร และห้องพักอาศัยอีกจำนวน 5 ยูนิต
Floor Plan ชั้น 2 : สวนเพื่อการเรียนรู้ และห้องพักอาศัยจำนวน 24 ยูนิต
Floor Plan ชั้น 3-8 : จะคล้ายกันค่ะ คือจะมีห้องพักอาศัยจำนวน 25 ยูนิต/ชั้น
Floor Plan Rooftop : จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด ซึ่งจัดมาแบบเต็มพื้นที่
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
สิ่งอำนวยความสะดวกถือว่าโครงการนี้จัดมาให้ค่อนข้างเยอะและหลากหลาย เมื่อเทียบกับคอนโด Low-rise ทั่วไปที่มักจะมีเพียงแค่สระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนสขนาดเล็กๆ มาให้เท่านั้น โดยสิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่จะอยู่บริเวณชั้น G, ชั้น 2 และบนชั้นดาดฟ้าของอาคาร โดยสิ่งที่ทางโครงการให้มาประกอบด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกชั้น G
- ล็อบบี้
- กล่องรับจดหมายแบบส่วนตัว
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ
- พื้นที่อาบน้ำก่อนลงสระ
- ห้องน้ำส่วนกลาง และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
- ห้องสตีม และห้องซาวน่า
- เลาจน์อ่านหนังสือ
- WIFI อินเทอร์เน็ต
- แร็คจอดจักรยาน
- ระบบรักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
- จุดจอดรับส่ง
- กุญแจระบบคีย์การ์ด
- ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
สิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้น 2
เดี๋ยวเราไปดูภาพบรรยากาศของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ชั้นใต้ดิน, G และชั้น 2 กันค่ะ
หน้าโครงการมีป้าย MAESTRO 14 มองเห็นเด่นชัดเจน
ขับรถเข้าจะมาเจอกับป้อมยามทางด้านขวามือ มีไม้กระดกกััน เข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ด และมีกล้องวงจรปิด
จำกัดความสูงของรถเข้าออกไม่เกิน 2.10 เมตร
ขับเลยไม้กระดกเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับ Visitor
จากพื้นที่จอดรถมีประตูที่สามารถเดินเข้ามายังภายในตัวอาคารได้ด้วย เข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ด
ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน ไม่ต้องเดินอ้อมผ่านบริเวณล็อบบี้ เวลาแดดออกหรือฝนตกจะได้ไม่ต้องเปียก
ส่วนที่จอดรถของลูกบ้านจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดิน
พื้นที่จอดรถบริเวณชั้นใต้ดินตีเส้นแบ่งช่องจอดชัดเจน ติดไฟส่องสว่างมาให้หลายดวง
บริเวณลานจอดรถจะมีลิฟต์สำหรับขึ้นไปยังล็อบบี้ และส่วนพักอาศัยได้เลย
ล็อบบี้ของโครงการเป็นแบบ Double Volume ตกแต่งด้วยกระจกรอบด้านมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ
พื้นที่สำหรับอาบน้ำก่อนลงสระ
สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 15 x 7.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร โอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัย
อาจจะดูว่าไม่ค่อย Private แต่ข้อดีคือง่ายต่อการดูแลรักษาและป้องกันปัญหาเรื่องน้ำรั่วน้ำซึมได้
และข้อดีของสระว่ายน้ำระบบเกลือคือ ไม่ทำร้ายผิว และเส้นผม
มีเตียง Sundeck ริมสระสีขาวมาให้ 4 ตัว
เดินขึ้นบันไดมาชั้น 2 จัดเป็นมุมอ่านหนังสือได้วิวสระว่ายน้ำ
นอกจากนี้ยังมีชุดโซฟาสำหรับนั่งเล่นมาให้อีก 2 ชุด
ติดกับล็อบบี้จะเป็นห้อง Reading Room
ภายในห้องจัดพื้นที่มาขนาดค่อนข้างใหญ่มีมุมให้ลูกบ้านมานั่งอ่านหนังสือ หรือมานั่งทำงานหลายมุม
ตกแต่งห้องบางส่วนด้วยโลหะโทนสี Copper
มุมนี้ติดตั้งปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับมานั่งทำงานได้
อีกมุมหนึ่งของห้อง Reading Room
โถงทางเดินบริเวณชั้น G กว้างกว่ามาตรฐานทั่วไปเดินสวนกันได้สะดวก
ห้องน้ำส่วนกลางบริเวณชั้น G แยกชายหญิง
ภายในห้องน้ำมีตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของมาให้ด้วยประมาณ 14 ช่อง
ในห้องน้ำชายจะมีห้องซาวน่า ส่วนในห้องน้ำหญิงจะมีห้องสตีม
ผนังห้องน้ำเป็นกรุด้วยกระเบื้องเล่นลวดลายทำออกมาได้สวยงาม
ทางเข้าส่วนพักอาศัยเข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ด
พื้นที่สำหรับตู้จดหมายของลูกบ้านออกแบบมาเป็นลายไม้มีเลขที่ห้องระบุชัดเจน
ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวแบบล็อคชั้น สกรีนโลโก้มาเอสโตรไว้ที่ประตูลิฟต์
ลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่เพดานสูงเทียบเท่าโครงการ High-rise ติดกระจกรอบด้านให้ความรู้สึกกว้าง
สิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้นดาดฟ้า
- สวนลอยฟ้า
- ลานปาร์ตี้
- ห้องฟิตเนส
- ห้องคาราโอเกะ
- สกายเลาจน์
- สกายคาบาน่า
- ลานบาร์บีคิว
- ลานสัตว์เลี้ยง
ตามไปดูสิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้นดาดฟ้ากันต่อเลยค่ะ
บรรยากาศโดยรวมบนชั้นดาดฟ้าค่อนเป็นวิวแบบเปิดโล่ง ตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียว แบ่งโซนกิจกรรมต่างๆ ไว้แต่ละมุม
ลานปาร์ตี้ จัดชุดโต๊ะและเก้าอี้หวายสีขาวไว้ให้ 2 ชุด
ด้านหลังปลูกต้นไม้เป็นสวนแนวตั้งเพิ่มความสดชื่น ส่วนด้านบนทำเป็นหลังคาสำหรับช่วยบังแดดบังฝน
พื้นด้านหน้าห้องฟิตเนสเพิ่มลูกเล่นด้วยการปูกระเบื้องลวดลายดูแปลกตา
ห้องฟิตเนสขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก จัดเครื่องเล่นมาให้ 6 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์สำหรับเล่นเวทอีกนิดหน่อย
ถัดมาเป็นห้องคาราโอเกะอยู่ติดกับห้องฟิตเนส
บรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะ มีชุดเครื่องเสียงสำหรับร้องคาราโอเกะมาให้พร้อมใช้งาน
จัดชุดโซฟาตัวยาว และเก้าอี้แขวนเพดานรูปทรงครึ่งวงกลมสไตล์โมเดิร์นไว้รองรับลูกบ้านที่จะขึ้นมาใช้บริการห้องนี้
เวลาที่จะใช้บริการอาจจะแจ้งทางนิติบุคคลล่วงหน้าไว้หน่อยก็ดี เพื่อที่เวลาใช้จะได้ไม่ชนกับลูกบ้านท่านอื่น
วิวเมืองสวยๆ จากบนชั้นดาดฟ้า
โซนสกายเลาจน์ ปลูกเป็นสวนแนวตั้งและมุงหลังคามาให้เช่นกัน
แต่ก็แนะนำว่าควรขึ้นมาใช้ช่วงเย็นหรือรอให้แดดร่มหน่อย เพราะกลางวันแดดค่อนข้างร้อน
พื้นที่สกายคาบาน่า ลานนั่งเล่นอีกมุมบนชั้นดาดฟ้าสำหรับนั่งเล่นพักผ่อนในวันชิลล์ๆ
สำหรับลานบาร์บีคิวปาร์ตี้ ก็มีเตาบาร์บีคิว อ่างล้างจาน และมีชุดเก้าอี้สำหรับนั่งปาร์ตี้มาให้พร้อม
กรณีจะใช้พื้นที่ลานบาร์บีคิวก็แนะนำให้แจ้งทางนิติบุคคลล่วงหน้าเช่นกัน
มุม Pet Zone ปูด้วยหญ้าเทียม สามารถปลดสายจูงและให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นบริเวณนี้ได้
โถงทางเดินกว้าง 1.5 เมตร ไฟที่โถงทางเดินเป็นระบบเซ็นเซอร์ เดินผ่านก็จะติดเอง ช่วยประหยัดไฟได้ดี
ติดตั้งกล้อง CCTV ระบบไฟฉุกเฉิน และป้ายบอกทางหนีไฟไว้ให้เรียบร้อย
มีบันไดหนีไฟกระจายอยู่ 3 จุดอำนวยความสะดวกเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน
มีช่องแสงระหว่างโถงทางเดิน
ภาพห้องตัวอย่างและ Lay out
ห้องของโครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished ตกแต่งห้องมาให้ในสไตล์ "Malvina" โทนสีพาสเทลอมเทาผสมผสานกับโลหะสี Copper ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวของ Modernform พร้อมแอร์ ยี่ห้อเทรน (TRANE) ขนาดของ BTU จะขึ้นอยู่กับ Type ของห้อง เรียกว่าสิ่งที่ทางโครงการไม่ได้ให้มามีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า (ไมโครเวฟ ทีวี เครื่องซักผ้า ตู้เย็น) ผ้าม่าน ฟูกที่นอน และของตกแต่งเท่านั้น
- แบบ 1 ห้องนอน สวีท - เนื้อที่ 26.72 - 30.91 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมแปลนห้อง) - แบบ 1 ห้องนอน - เนื้อที่ 32.00 - 35.66 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมแปลนห้อง) - แบบ 2 ห้องนอน - เนื้อที่ ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมแปลนห้อง)
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างด้วยกัน 2 Type คือห้องแบบ 1 ห้องนอน สวีท ขนาดประมาณ 29.65 ตร.ม. และห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 35.10 ตร.ม. ซึ่งห้องตัวอย่างทั้งหมดตั้งอยู่บนชั้น 3 ของอาคารพักอาศัย เดี๋ยวเราไปดูกันทีละห้องเลยค่ะ เริ่มจากห้องแรก
1) ภาพห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน สวีท ขนาด 29.65 ตร.ม.
ประตูจะเป็น HDF ลายไม้ เป็นกลอนแบบธรรมดา มือจับแบบก้านโยก
พื้นยกสูงจากโถงทางเดินประมาณ 3 ซม.
เปิดเข้ามาโซนแรกจะเป็นห้องครัว ห้องนี้ได้ครัวแบบปิด ถัดไปเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น
ความสูงจากพื้นถึงฝ้าห้องครัว และห้องน้ำสูง 2.2 เมตร ส่วนห้องนอนและห้องนั่งเล่นสูง 2.45 เมตร
พื้นห้องทั้งหมดปูด้วยลามิเนตสีน้ำตาลอมเทาหนา 8 มม. ผนังห้องแบบฉาบเรียบทาสี
ทางซ้ายมือเป็นพื้นที่วางตู้เย็น ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์ครัวได้ชุดครัว Built-in ครบเซ็ต หน้าบานปิดผิวด้วย Hi-Gloss
ที่ผนัง Backsplash กรุด้วยกระเบื้องโทนสีขาวดูสวยงามและทำความสะอาดได้ง่าย
วางเครื่องซักผ้าใต้เคาน์เตอร์ครัว ช่องวางไมโครเวฟก็อยู่ด้านล่างเช่นกัน
บานพับตู้เป็นแบบ Soft Close ทั้งหมด
ด้านล่างติดตั้งถังขยะมาให้ ลิ้นชักแบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับวางช้อนส้อมมาให้เรียบร้อย
ท็อปครัววัสดุเป็นหินควอตช์ทนความชื้นและการกระแทกได้ดี
ได้เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Electrolux
อ่างล้างจานแบบฝังขนาดไม่ใหญ่มากของ Hafele
เครื่องดูดควันระบบดูดออกด้านนอกช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นได้ค่อนข้างดี ของ Electrolux
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง
ด้านหลังของประตูห้องติดตัวกันกระแทกมาให้
ฝั่งตรงข้ามกับตู้เย็นได้ตู้ Built-in สูงจรดฝ้าสำหรับเก็บรองเท้าหรือจะเก็บของใช้อื่นๆ ได้อีกพอสมควร
ชั้นวางของภายในตู้สามารถปรับระดับได้ทั้งหมดตามต้องการ
ประตูห้องน้ำมือจับลูกบิดทรงกลมมาตรฐาน พื้นที่ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้าง
ห้องน้ำลดระดับลงประมาณ 2 ซม.
พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนโทนสีคล้ายไม้ทำให้ดูกลมกลืนกับลามิเนต
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่อยู่ทางขวามือ
ผนังกรุกระเบื้องสูงจรดฝ้าได้ตามแบบนี้เลย ได้กระจกเงาบานไม่ใหญ่มากตกแต่งดีไซน์ลวดลายโทนสีดำ
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Lavenz มีพื้นที่วางของที่ขอบอ่างนิดหน่อย ก๊อกน้ำของ Hafele
ทางโครงการเดินระบบน้ำร้อนน้ำเย็นไว้ให้ สามารถซื้อเครื่องทำน้ำร้อนมาติดตั้งได้ที่บริเวณใต้อ่างล้างหน้า
ได้ฉากกั้นอาบน้ำกระจกเทมเปอร์ ยกธรณีสูงประมาณ 5 ซม.
ประตูบานสวิงผลักเข้าด้านใน ตัวจับรูปตัว U สามารถแขวนผ้าขนหนูได้
ที่วางสบู่สามารถวางสบู่ได้ 2 ก้อน เจาะผนังมาให้บางส่วนสำหรับเป็นพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ
ฝักบัวของ Kohler ทรงกลม ก๊อกหัวผสมแยกระบบน้ำร้อนกับน้ำเย็น
ได้พัดลมดูดอากาศของ Panasonic
ระหว่างห้องครัวกับห้องนอนกั้นแบ่งเป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนสีเขียวตัดแสง เปิดจากซ้ายไปขวา
เวลาทำอาหารปิดประตูเพื่อช่วยป้องกันกลิ่นรบกวนได้
ตัวล็อคมาตรฐาน
พื้นห้องนอนและโซนนั่งเล่นปูด้วยลามิเนตสีเดียวกับพื้นห้องครัว
ได้เตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูก ฐานเตียงเป็นลิ้นชักสามารถเก็บของได้ เป็นแบบ Soft Close
ตำแหน่งโซฟาจะอยู่ชิดกับปลายเตียง
ได้โต๊ะข้างเตียงมาด้วยอีก 1 ตัว ส่วนข้างเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเหลือพื้นที่ประมาณ 50 ซม.
ตู้เสื้อผ้า Built-in เรียบเนียนกับผนัง ความสูงจากพื้นจรดฝ้าช่วยลดปัญหาเรื่องของฝุ่นบนหลังตู้
เป็นแบบบานเปิด 3 ตอน หน้าบานปิดผิวด้วย Hi-Gloss ไฟภายในตู้เป็นระบบอัตโนมัติ
ได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะกลาง พร้อมชั้นวางทีวี ด้านล่างมีลิ้นชัก 2 ช่อง ระยะดูทีวีประมาณ 140 ซม.
ในห้องได้ไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยม
ประตูบานเลื่อน 2 ตอน สีเขียวตัดแสง ส่วนราวระเบียงสูงประมาณ 110 ซม.
ธรณีระเบียงยกสูงป้องกันปัญหาน้ำรั่วน้ำซึมเวลาฝนตก หรือเวลาซักล้างบริเวณระเบียงได้ดี
คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ด้านข้างของระเบียง เป่าลมร้อนออกด้านนอกอาคาร มีประตูเป็นระแนงบังสายตาไว้
พื้นที่ด้านล่างสามารถวางอุปกรณ์ทำความสะอาดได้อีก ติดตั้งท่อน้ำดีน้ำทิ้ง และก๊อกน้ำไว้ให้สำหรับซักล้างที่ระเบียง
เหนือประตูติดไฟโคมสี่เหลี่ยมสีดำมาให้ 1 ดวง
ได้หน้าต่างขนาดใหญ่แบบเข้ามุมสำหรับเป็นช่องให้แสงธรรมชาติเข้าห้องได้อย่างเต็มที่
ทำให้ห้องดูสว่างช่วยประหยัดไฟเวลากลางวัน ทางโครงการติดตัวบังรางม่านมาให้ตามแบบนี้ได้เรื่องความสวยงาม
เหลือพื้นที่ด้านข้างประมาณ 60 ซม. เป็นมุมทำงาน ซึ่งทางโครงการให้
โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้สีขาวมาให้ตามแบบนี้เลย สวิตช์ไฟของ siemens
และปลั๊กไฟของ siemens เช่นกัน
2) ภาพห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35.10 ตร.ม.
ประตูแบบกลอนธรรมดา มือจับแบบก้านโยก
ห้องนี้เป็นครัวเปิด ฝั่งซ้ายมือเป็นเคาน์เตอร์ครัว ได้ชุดครัว Built-in คล้ายห้องที่แล้ว
แต่จะสั้นกว่ามีพื้นที่เตรียมอาหารน้อยกว่าห้องที่แล้ว
มองย้อนกลับไปที่ประตู จะเห็นว่าเครื่องซักผ้าไม่ได้อยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัวเหมือนห้องที่แล้ว
จากภาพทางซ้ายมือได้ตู้เก็บของหรือเก็บรองเท้า Built-in แบบบานกดกระเด้งความสูงจรดฝ้า
ตู้เก็บของเหนือเครื่องซักผ้าเป็นบานเปิด บานพับตู้เป็นแบบ Soft Close
วางโต๊ะทานอาหารแบบเข้ามุมพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่งไว้ที่ห้องนั่งเล่น
ได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ระยะดูทีวีกว้างประมาณ 160 ซม.
ได้แอร์ 2 ตัว ที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน
ห้องนั่งเล่นติดกับระเบียง ประตูแบบบานเลื่อน 2 ตอน
คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ทางซ้ายมือมีประตูปิดเป็นสัดส่วน เป่าลมร้อนเข้าพื้นที่ระเบียง
แนะนำให้ติดกริลเพิ่มเพื่อเปลี่ยนทิศทางลมออกไปด้านนอกอาคาร
ไปดูในห้องนอนกันต่อค่ะ
ประตูห้องนอนแบบบานทึบกั้นมิดชิดเป็นสัดส่วนชัดเจนกว่าห้องที่แล้ว มือจับก้านโยกพร้อมตัวล็อค
พื้นที่ห้องนอนได้ขนาดใหญ่ขึ้นวางเตียงไว้ทางซ้ายมือ ได้โซฟาเบดขนาด 2 ที่นั่ง ด้านข้างเตียงได้ทั้งโต๊ะทำงาน
ได้กระจกขนาดใหญ่ เปิดรับช่องแสงได้อย่างเต็มที่ ทำให้ห้องสว่าง ถ้าอยู่ช่วงกลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็ยังได้
ที่ฐานเตียงเป็นลิ้นชัก 2 ช่องสามารถเก็บของได้ เป็นแบบ Soft Close
ที่ข้างเตียงโต๊ะขนาดกะทัดรัดสำหรับวางของ
ปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 30 ซม. ผนังปลายเตียงติดตั้งปลั๊กไฟ
ได้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิด 3 ตอน ปิดผิว Hi-Gloss ฝั่งขวาสุดสามารถแขวนเดรสยาวได้เลย
ตำแหน่งห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอน พื้นลดระดับลงนิดหน่อย
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้เหมือนห้องที่แล้ว
ตำแหน่งโถสุขภัณฑ์อยู่ทางซ้ายมือ อ่างล้างหน้าโซนกลาง และทางขวาเป็นฉากกั้นอาบน้ำ
ติดตัวกันกระแทกมาให้ 2 จุด
ราคาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยประมาณ (17 พ.ค. 61)
- ห้องแบบ 1 ห้องนอน สวีท ขนาด 29.65 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.5 ล้าน
- ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35.10 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.7 ล้าน
- ห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 64.81 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10.7 ล้าน
- ราคาเฉลี่ย 170,000 บาท/ตร.ม.
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ค่าส่วนกลาง: 65 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ) ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- เงินกองทุนแรกเข้า: 650 บาท/ตร.ม. (เก็บครั้งเดียว) ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: ผู้ซื้อและผู้ขายแบ่งชำระค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง
- ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า: ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าเงินประกันมิเตอร์น้ำ: ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
โปรโมชั่น
- ส่วนลด 100,000 บาท สำหรับ 1 ห้องนอน
- ส่วนลด 200,000 บาท สำหรับ 2 ห้องนอน
สถานะปัจจุบันของโครงการ (17 พ.ค. 61)
โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ก่อสร้างแล้วเสร็จปลายเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 70% โดยห้องที่อยู่วิวสระว่ายน้ำขายไปเกือบหมดแล้ว ยกเว้นห้องแบบ 2 ห้องนอน ส่วนห้องฝั่งซิตี้วิวยังคงมีให้เลือกอยู่ค่ะ
ติดต่อโครงการ โทร. 02-116-1111 หรืออ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่
www.mde.co.th