• แสนสิริ ประกาศความสำเร็จ เจ้าตลาดคอนโดทุกเซกเมนต์ เผยยอดขาย 10 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 16,800 ล้านบาท มองเซนติเมนท์ตลาดคอนโดมิเนียมฟื้นตัว สะท้อนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
• ล่าสุด Sold Out รวด 3 โครงการ ‘เอ็กซ์ที เอกมัย – เอ็กซ์ที ห้วยขวาง – โอกะ เฮาส์’ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ด้านคอนโดเปิดใหม่ กระแสตอบรับดีเยี่ยม สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮา ลูกค้าแห่ต่อคิวจองซื้อก่อนเปิดขาย ทั้ง ‘เวีย อารีย์ – ชูช์ ราชเทวี – เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต’ ดันยอดขายโครงการเป็นไปตามเป้า
• ลุยไตรมาส 4 กับ 8 โครงการ มูลค่า 11,600 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่ง #แสนสิริผู้นำคอนโด พร้อมเดินหน้าตามแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและดีมานด์ลูกค้า
• ไฮไลท์ 2 คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ‘ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง’ และ ‘ดีคอนโด ชายน์ รังสิต’ สานต่อความสำเร็จของแคมปัสคอนโดและกลุ่มคอนโดราคาเข้าถึงง่าย ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมปัจจุบันเป็นไปในทิศทางบวก สะท้อนจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรม โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายคอนโดมิเนียม 10 เดือน 16,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของเป้าคอนโดรวม 22,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยความสำเร็จมาจากการ Sold Out คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ได้แก่ เอ็กซ์ที เอกมัย (XT EKKAMAI), เอ็กซ์ที ห้วยขวาง (XT HUAIKHWANG), โอกะ เฮาส์ (oka HAUS) และคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถปิดการขายได้อีก 3 โครงการ ได้แก่ คุณ บาย ยู (KHUN by YOO), เดอะ มูฟ บางแค (THE MUVE Bangkhae) และ คอนโดมี อ่อนนุช-พระราม 9 (Condo Me Onnut-Rama9) ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้ ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม และได้สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮา ลูกค้าแห่ต่อคิวจองซื้อก่อนเปิดขาย อย่าง เวีย อารีย์ (Via ARI) สามารถปิดการขายห้องแบบ 1 ห้องนอนได้อย่างรวดเร็วในวันแรกที่เปิดพรีเซลล์ ด้าน ชูช์ ราชเทวี (SHUSH RATCHATHEWI) สร้างยอดขายรวมกว่า 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย โดยห้อง Simplex ขนาดใหญ่ 3 ห้องนอนได้ขายหมดเรียบร้อย และ เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต (THE BASE Bukit Phuket) กวาดยอดขายในช่วงพรีเซลล์ไปกว่า 50%”
“หลังจากสร้างสีสันให้กับตลาดคอนโด กับการเปิดตัวคอนโดลักซ์ชัวรี่บนสุดยอดทำเลศักยภาพที่มีดีมานด์ แต่ซัพพลายน้อยใจกลางกรุงเทพฯ ไปก่อนหน้านี้ ในช่วงไตรมาส 4 แสนสิริมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 8 โครงการใหม่มูลค่า 11,600 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแคมปัสคอนโดและกลุ่มคอนโดราคาเข้าถึงง่าย ผ่านแบรนด์ ‘ดีคอนโด’ เจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงานและมีดีมานด์ความต้องการคอนโดสูง กับไฮไลท์ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง และ ดีคอนโด ชายน์ รังสิต”
นายองอาจ กล่าวต่อ
ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง (dcondo air Ladkrabang) ภายใต้การร่วมทุนพัฒนาโครงการระหว่างแสนสิริและโตคิว คอร์ปอเรชั่น มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนลาดกระบัง ใช้เวลาเพียง 10 นาที ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ* และเพียง 7 นาทีถึง Airport Rail Link ลาดกระบัง โครงการได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘ชีวิตดีมีอยู่รอบด้าน’ (Stay Well-Rounded) เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวนยูนิตพักอาศัย 541 ยูนิต มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 23.50 – 46.50 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท* เปิดชมห้องตัวอย่าง 18-19 พฤศจิกายนนี้ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 190,000 บาท* และฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า* รายละเอียดเพิ่มเติม:
https://siri.ly/kgpRScB
ดีคอนโด ชายน์ รังสิต (dcondo shine Rangsit) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลยอดฮิตสำหรับนักศึกษา ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 อยู่ติดกับโครงการ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โครงการเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวนยูนิตพักอาศัย 542 ยูนิต มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 22 – 26 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท* โดย ดีคอนโด ชายน์ รังสิต เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับฟีดแบคทะลักจากกลุ่มลูกค้า จากความสำเร็จในการ Sold Out ทุกยูนิตที่เปิดขาย Online Booking ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้ กับ Soft Opening Promotion ลดสูงสุด 200,000 บาท* พร้อมเฟอร์ฯ* จองเพียง 1,999 บาท จองวันนี้ผ่อนดาวน์ปีหน้า* รายละเอียดเพิ่มเติม:
https://siri.ly/wyw07kB
“ในช่วงสุดท้ายของปี 2566 เราเดินหน้าตามแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อผลักดันให้มียอดขายคอนโดได้ถึง 22,000 ล้านบาทตามเป้าที่ตั้งไว้ และเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและดีมานด์ลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้น จากอานิสงส์ของการเติบโตเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม” นายองอาจ กล่าวสรุป