RML (บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน) ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ ประกาศผลงานยอดขาย (Presales) 9 เดือนแรกของปี’66 อยู่ที่ 1,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 1,442 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% เผยผลตอบรับจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ดีเยี่ยม โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ (The Estelle Phrom Phong) คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ใจกลางสุขุมวิท โกยยอดโอนทะลุถึงประมาณ 4,300 ล้านบาท หรือประมาณ 92% ของจำนวนยูนิตที่ขายแล้ว และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ (Tait Sathorn12) คอนโดฯ ลักชัวรี่ใจกลางสาทร เพียง 2 เดือน กวาดยอดโอนไปแล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท หรือประมาณ 82% ของจำนวนยูนิตที่ขายแล้ว
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยให้ความสำคัญในการบริหารจัดการทางด้านการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ภาพรวมของ RML ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม - กันยายน 2566) บริษัทฯ สร้างยอดขายได้ดี โดยโครงการที่ขายอยู่ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ เห็นได้จากคอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ที่ขายเกือบหมดครบ 100% แล้ว เหลือขายเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น และมียอดขายลูกค้าต่างชาติเต็มโควต้า ในขณะที่คอนโดฯ ลักชัวรี่ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเพียงไม่นาน แต่กระแสตอบรับดีมาก ปัจจุบันมียอดขายถึง 97% เช่นเดียวกัน โดยมียอดขายโควต้าลูกค้าต่างชาติไปแล้ว 40% นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่าและบริการของอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทยอย่าง ‘โอซีซี’ (One City Centre) อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกรวมถึงความสนใจจากลูกค้าแล้วประมาณ 70%”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 จำนวน 3,081ล้านบาท โดยแผนธุรกิจต่อจากนี้ บริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะโอนได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ส่วนสำหรับพอร์ตด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ‘โอซีซี’ คาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าและบริการเข้ามาต่อเนื่อง โดยเมื่อสะพานเชื่อม (Sky bridge) ต่อกับบีทีเอสเพลินจิตสร้างเสร็จภายในปลายปีนี้ จะช่วยผลักดันให้ผู้เช่ามาเช่าพื้นที่ ‘โอซีซี’ เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้สำหรับไฮไลต์แผนธุรกิจปลายปีนี้จนถึงต้นปี 2567 บริษัทฯ เล็งเปิดขายโครงการแนวราบบนทำเลสุขุมวิท อย่างไม่เป็นทางการให้กับลูกค้ากลุ่มยอดซื้อสูงสุดในฐานข้อมูลของ RML เองก่อน โดยจะมีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งจะถือเป็นโครงการสุดพิเศษบนพื้นที่หายากที่สุดของวงการอสังหาฯ พร้อมการออกแบบที่หรูหรา รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านครบค รันเหนือระดับ สะท้อนความเป็นผู้นำวงการพัฒนาอสังหาฯ อัลตร้าลักชัวรี่ของ RML ได้อย่างชัดเจน เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นที่ต้องการทั้งจากตลาดต่างประเทศและในประเทศอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันถือว่าไม่มีคู่แข่งในตลาด
“สำหรับมุมมองต่อตลาดอสังหาฯ ในปี 2567 มองว่าเป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังคงต้องเผชิญกับสิ่งที่ท้าทายอยู่มาก จากปัจจัยลบหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.6% ในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะขยายตัวขึ้น 4.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.8% จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวรวมทั้งภาคการส่งออกที่กลับมาขยายตัว อีกทั้งจะได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯ จะต้องมีการปรับตัวให้เร็วและให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย RML เองถึงแม้จะพัฒนาโครงการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ได้รับผลกระทบต่ำ แต่บริษัทฯ ก็ติดตามสถานการณ์ตลาดต่อเนื่อง โดยมีการปรับรูปแบบของโครงการให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยน รวมถึงวางกลยุทธ์ราคาให้เหมาะสม เพื่อร่วมเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ ตลอดจนผลักดันให้บริษัทฯ เองยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานที่ดีไว้ได้ภายใต้ความท้าทายนี้ต่อไป” นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย