บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE โชว์ฟอร์มเจ๋ง! ประกาศงบ 9 เดือนแรกของปี 2566 โตเด่น กวาดรายได้รวม 7,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% YoY และกำไรสุทธิ 719 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 517% YoY รับตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้น หนุนโครงการพร้อมอยู่ขายดี พร้อมบุ๊กกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน 2 บริษัทร่วมทุนให้ PROUD เผยยอดขาย 10 เดือนแรกของปี 2566 ทำได้แล้วกว่า 12,288 ล้านบาท เดินหน้าต่อเนื่อง เล็งเปิดตัว 2 โครงการใหม่เพิ่มในช่วงปลายปีนี้ มูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท ย้ำสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องที่ดี
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,274 ล้านบาท เติบโต 54% YoY เป็นผลมาจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทฯ สามารถทยอยขายโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่มีในมือ ควบคู่กับการรักษาการขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังทยอยส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) ที่ในมือได้ตามแผน ซึ่งใน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการส่งมอบโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการประเภทคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น โครงการประเภทแนวราบจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ และโครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ ซึ่งเข้ามาหนุนรายได้ให้เติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 719 ล้านบาท เติบโต 517% YoY ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยหลักๆ จะมาจากกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นจากรายได้รวมที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่ได้รับในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) ค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee) อีกด้วย
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 2,796 ล้านบาท เติบโต 27% YoY และมีกำไรสุทธิที่ 535 ล้านบาท เติบโต 289% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการมีรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากโครงการร่วมทุน ประกอบกับการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน 2 บริษัทร่วมทุนเข้ามาหนุนด้วยเช่นกัน
สำหรับยอดขาย (Presale) ในช่วง 10 เดือนของปี 2566 (มกราคม-ตุลาคม) อยู่ที่ระดับกว่า 12,288 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายของโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน) ซึ่งเป็นผลมาจากสินค้าพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากด้วยรูปแบบโครงการและทำเลที่มีศักยภาพของโครงการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ล่าสุดในมือรวมมูลค่ากว่า 19,492 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ 3-4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังมีสินค้าพร้อมอยู่และกำลังพัฒนาในมือกว่า 35,253 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 17,100 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน 2.โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ 3.โครงการ โนเบิล อเวย์ ชะอำ 4.โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย 5.โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ และ 6.โครงการ ดิ เอ็มบาสซี่ ไวร์เลส นอกจากนี้ยังเล็งเปิดตัว 2 โครงการใหม่ส่งท้ายปีมูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีเปิดตัวโครงการรวมทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท
นายธงชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า ภาพรวมยังคงมี Momentum ที่ดี โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นการขายสินค้า Ready to Move ที่มีในมืออย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการอราวน์ อารีย์ เป็นต้น โดยโครงการรูปแบบคอนโดมิเนียมที่เป็น Ready to Move ในทำเลที่ตั้งอยู่ในเมือง ที่มีระดับราคา 5-6 ล้านบาทต่อยูนิต มียอดขายอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของลูกค้าต่างชาติที่ต้องการอยู่เอง ส่วนระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable) เช่น โครงการภายใต้แบรนด์นิว (NUE) ที่อยู่รอบสถานีรถไฟฟ้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ในโซนศรีนครินทร์ ก็มีการทยอยระบายสต็อกได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับโครงการแนวราบระดับไฮเอนด์ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย และโครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ มียอดขายอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้ว่าหากโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีจุดขายที่ชัดเจน ก็สามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้เรื่อยๆ ขณะที่โครงการแนวราบระดับ Affordable ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายควบคุมสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งทำให้มีผลต่อการขาย
ขณะที่สถานะทางการเงินของ NOBLE มองว่า ยังคงมีความแข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดในมือรวมเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเพื่อการชำระหุ้นกู้จำนวน 1,591 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E ratio) อยู่ที่ระดับ 2.16 เท่า หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นฉบับปรับปรุง (adjusted net IBD/E ratio หากรวมเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเพื่อการชำระหุ้นกู้) อยู่ที่ระดับ 2.05 เท่า สะท้อนถึงความสามารถในการขอกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกมากหากบริษัทฯมีความต้องการ หรือจำเป็นตั้งใช้ในการลงทุนต่างๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสถานการณ์ของตลาดเงินในปัจจุบันมีความผันผวนอย่างมาก การเตรียมความพร้อมและการมีสภาพคล่องที่ดีถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งด้วย