นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML กล่าวว่า “ที่ RML เราให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน เพราะพนักงานคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเรา เราเชื่อว่าถ้าเราดูแลพนักงานดีจะส่งผลให้การทำงานดี ตลอดจนสามารถส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพและบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้าด้วย ปัจจุบันเรามีพนักงานภายใต้การดูแลประมาณ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในช่วงอายุ Gen Y ประมาณ 70% และ Gen X อีกประมาณ 20% จะเห็นได้ว่าช่วงอายุพนักงานของเราจะแตกต่างจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ในเซกเมนต์อื่น เนื่องจากตลาดลักชัวรี่ต้องการคนที่มีความชำนาญและประสบการณ์ นอกจากนี้ในองค์กรเราก็ยังมีคนรุ่นใหม่ในพนักงานระดับปฏิบัติการ ซึ่งคนรุ่นใหม่จำเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเป็นแรงสำคัญในการช่วยให้องค์กรปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะในตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่ที่มีพนักงานอยู่ไม่เพียงพอในขณะนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา พนักงาน RML ทุกคนได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ OCC การย้ายสำนักงานใหญ่มายังอาคารแห่งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ RML ในการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะก้าวเป็นแบรนด์อันดับ 1 ด้านผู้นำอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่
โดยออฟฟิศใหม่แห่งนี้ เราออกแบบคอนเซ็ปต์ Luxury Reimagined ซึ่งเป็น DNA ของ RML เน้นความหรูหรา เรียบง่าย แต่มีความทันสมัย พร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การทำงานที่ยืดหยุ่นและความหลากหลายของพนักงานในองค์กร รวมทั้งเรายังได้นำเอาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ เช่น แอปพลิเคชั่นมือถือสำหรับเข้า-ออกอาคาร ระบบไร้สัมผัสภายในอาคาร ระบบเรียกลิฟท์ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ และระบบ Face scan เข้า-ออกออฟฟิศ เพื่อให้พนักงานใช้ชีวิตสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น”
เชื่อมโยง Happiness กับ Workplace สู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
การย้ายสำนักงานจากอาคารรัจนาการ สู่บ้านใหม่ OCC เป็นการช่วยส่งเสริม Sense of Luxury ซึ่งเป็น Identity หลักของ RML ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการทำงานในทุกโครงการของ RML ที่เป็นโปรเจ็กต์ระดับ Iconic โดยความน่าสนใจของออฟฟิศแห่งใหม่ของ RML ที่ OCC นอกจากการได้อยู่ในสุดยอดอาคาร Iconic แล้ว ก็คือการออกแบบออฟฟิศที่สื่อความลักชัวรี่ไปพร้อมๆ กับเป็น Happy Workplace สำหรับคนทำงาน ในขณะเดียวกันก็สร้าง High Performance ของงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
RML ศึกษาข้อมูลพนักงานเป็นอย่างดีและออกแบบออฟฟิศให้เหมาะกับธรรมชาติและความต้องการของพนักงาน แทนที่จะเพียงแค่ทำออฟฟิศตามกระแส โดยที่ OCC มีจำนวนห้องประชุมมากกว่าออฟฟิศเดิม สามารถรองรับการคุยงานทั้งเล็กและใหญ่ที่เป็นทางการและไม่ทางการ ซึ่งห้องประชุมแต่ละห้องยังได้ตั้งชื่อจากแรงบันดาลใจด้านการท่องเที่ยว เพื่อลดความตึงเครียดเมื่อมีการจองห้องประชุม เช่น ห้องลอนดอน ปารีส เสมือนพนักงานได้ไปท่องเที่ยวเมืองดังระดับโลกทุกครั้งที่มีการประชุม รวมทั้งพื้นที่ทำงานก็ที่ไม่มีพาร์ทิชันปิดกั้น และมีมุมเพื่อสนทนาหรือนั่งจิบกาแฟแบบตัวต่อตัวหลายจุดทั่วทั้งออฟฟิศ เพื่อสร้างให้เกิดความร่วมมือ แลกเปลี่ยนความคิด ต่อยอดไอเดียใหม่ๆ ในการทำงาน ทว่าก็มีพื้นที่ส่วนตัวเพียงพอสำหรับพนักงานแต่ละคน นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่ Flexible Working Area ที่สามารถยกอุปกรณ์ไปนั่งทำงาน ประชุมอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมมองวิวเมืองแบบ 360 องศาได้ อีกทั้งยังมีห้องรับประทานอาหารที่เรียกได้ว่ามีวิว หมื่นล้านให้ได้มองกันทุกเที่ยงและเย็นระหว่างอิ่มอร่อย ซึ่งช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและรีดความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้เต็มที่
Well-being Workplace ของคนทุกเจนเนอเรชั่น
OCC ออกแบบโดยใส่ใจสุขภาวะที่ดีของพนักงานทุกคน มีพื้นที่สีเขียวกว่า 5,000 ตารางเมตรทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อความสดชื่นในการทำงาน อีกทั้งยังส่งเสริมประสิทธิภาพต่อการทำงาน ด้วยการมีกระจก 3 ชั้น Insulated Glazing Windows กรองแสงแดด และกรองเสียงได้ ทำให้บรรยากาศในการทำงานเงียบสงบ มีสมาธิ รวมถึงมีระบบ MERV14 ที่ช่วยกรองอากาศ และกรองฝุ่น PM 2.5 ให้พนักงานได้รับอากาศบริสุทธิ์ สมองโล่ง ปลอดโปร่ง นอกจากนั้น OCC ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ภายในอาคารมีร้านสะดวกซื้อ คาเฟ่ชื่อดัง และฟู๊ดคอร์ทที่รวมร้านอาหารชื่อดังมากมายในราคาที่จับต้องได้มาไว้ที่นี่ อีกทั้งที่ชั้นบนสุดยังมี Sky Bar ที่ชั้น 61 และร้านอาหาร ที่ชั้น 58 ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้พนักงานสามารถเติมความสุขได้ง่ายๆ ตลอดทั้งวัน
“พนักงานในโลกยุคหลังโควิด-19 ให้ความสำคัญกับการทำงานที่ยืดหยุ่น และสภาพแวดล้อมที่ทำงานที่มีความสุขไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ โดยนอกจากออฟฟิศที่ทำงานอย่างมีความสุขแล้ว RML ยังให้ความสำคัญกับ Work Life Balance ซึ่งเวลาทำงานของพนักงานที่ RML จะน้อยกว่าบริษัททั่วไป 30 นาที เพื่อเผื่อเวลาให้พนักงานได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ทุกคนสามารถออกความคิดเห็นได้ เราเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถมีโอกาสเติบโต ซึ่งเราหวังว่าการย้ายสำนักงานสู่ตึก OCC จะสามารถพาองค์กรสู่การเติบโตในวันข้างหน้า ภายใต้รูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม” นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย