นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้าน และทาวน์โฮม เปิดเผยว่าโครงการ
เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences) ถือเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับลักซ์ชัวรี่ โครงการแรก หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการรีเฟรชแบรนด์ (Brand Refresh) ภายใต้แนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ “PASSION FOR LIVING WELL” ใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ผสมผสานกับการพัฒนาเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
“โครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ ในรูปแบบ Freehold มูลค่าโครงการกว่า 2,016 ล้านบาท ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตน้อย เพียง 183 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ท่ามกลาง New Global Landmark Destination โดดเด่นด้วยทำเลที่เชื่อมต่อทุกความสะดวกสบายใจกลาง Hub of Bangkok Connections เชื่อมต่อทั้ง 2 CBDs ทั้งสุขุมวิท และสีลม-สาทร ซึ่งเป็นทำเลระดับ Ultra CBD และเป็นนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตใจกลางเมือง แต่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติจากวิวสวนขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ทั้ง 2 ฝั่ง ได้แก่ สวนลุมพินี และสวนเบญจกิติ ทั้งยังโอบล้อมด้วยวิวโค้งน้ำบางกระเจ้า เชื่อมต่อบรรยากาศรอบโครงการให้เติมเต็มทุกมิติของการใช้ชีวิต สะดวกสบายในทุกการเดินทาง ติดถนนพระราม 4 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทั้งสถานีคลองเตย ประมาณ 300 เมตร และสถานีลุมพินี ประมาณ 450 เมตร รวมถึงจุดขึ้น - ลง ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร เพียง 4 นาที และรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย
โครงการ เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences) ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “THE PARAMOUNT OF PARKSIDE LIVING” ซึ่งหมายถึงการใช้ชีวิตให้ใกล้ชิดสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมือง จึงเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการออกแบบห้องที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น 1 Bedroom SIGNATURE (DOUBLE PARK FRONTAGE) โดยเน้นความเป็นส่วนตัวที่เห็นทัศนียภาพธรรมชาติของสวนสาธารณะและแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมออกแบบ Façade โดยใช้เส้น Horizontal Shading ให้ทุกห้องรับวิวธรรมชาติด้วยการไล่ระดับของระเบียงสลับซ้าย-ขวา เพื่อเปิดรับวิวแบบ Utmost Park View ทำให้ระเบียงของทุกห้องสามารถมองเห็นและผ่อนคลายไปกับธรรมชาติอย่างเต็มความรู้สึกเหนือพื้นที่สวนกว่า 850 ไร่ ซึ่งทั้งโครงการมีจำนวนเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น และอีกหนึ่งความพิเศษกับห้อง 2 Bedroom UNLIMITED (PARKSIDE WIDE FRONTAGE) กับการรังสรรพื้นที่ให้สามารถใช้งานพร้อมกับเปิดรับวิว ด้วยดีไซน์ห้องหน้ากว้างแบบ Wide Frontage ที่ทำให้สามารถเห็นวิวได้อย่างต่อเนื่องแบบ unlimited ถึง 9 เมตร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน และให้ทุกช่วงเวลาคือความพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับวิวสวนสีเขียว และวิวโค้งน้ำ
ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยอดมงกุฏ จึงออกแบบให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อยู่บนชั้น 32 ซึ่งสูงที่สุดของตัวโครงการ เพื่อให้ได้พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศวิวสวนและวิวโค้งน้ำบางกระเจ้า แบบ 270 องศา พร้อมสรรพด้วยส่วนกลางที่รองรับไลฟ์สไตล์การพักผ่อนใจกลางเมืองใหญ่ ทั้ง
- Starry Night Rooftop Riverview พื้นที่ชั้นดาดฟ้าที่สามารถชมวิวสวนสาธารณะได้แบบพาโนรามา
- Starry Night Infinite Pool สระว่ายน้ำ ไร้ขอบ มาพร้อม Aqua Sunken Seat อ่างจากุซซี่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็ก
รวมไปถึง Crystal Lounge ที่ประกอบด้วยฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น
- Crown Bar
- All-Day Dining
- Fitness Club
- Lounge ทั้งฝั่ง Parkside & Riverside
ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกดีไซน์ให้เปิดมุมมองด้วยกระจกรอบด้าน ทำให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนที่โปร่งโล่ง และผ่อนคลาย นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีบริการพิเศษระดับโรงแรม (Concierge Services) ไม่ว่าจะเป็น บริการทำความสะอาด, บริการซื้อของชำ, บริการด้านข้อมูล, บริการขนย้ายเข้า, บริการต้อนรับ และบริการจองรถลีมูซีน / แท็กซี่ออนคอล, Doorman, Bellboy และ Food Pick-ups & Deliveries เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้อย่างแท้จริง” นายสุนทร กล่าว
ด้าน นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงย่านพระราม 4 เป็นหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพในด้านของแหล่งสำนักงานและที่อยู่อาศัย โดยปัจจุบันราคาที่ดินในทำเลย่านพระราม 4 ตั้งแต่ปี 2553 พบว่าราคาที่ดินที่มีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 180,000 – 375,000 บาท/ตารางวา และในปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดินขยับขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 1,400,000 บาท/ตารางวา ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง
ความพิเศษที่ทำให้ย่านพระราม 4 มีอัตราการเติบโตของที่ดินโดดเด่นขึ้นมาเนื่องจากที่ดินอยู่ใจกลางเมืองและเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากพอกับย่านสาทร โดยจุดเด่นของย่านพระราม 4 นั้นถือว่าเป็นย่านที่เชื่อมต่อระหว่างย่านธุรกิจที่สำคัญหลายย่านอันได้แก่ สาทร ลุมพินี และสุขุมวิท ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ โดยย่านพระราม 4 เป็นทำเลที่มีสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เช่น สวนเบญจกิติ สวนลุมพินี ซึ่งในอนาคตจะมี Sky Walk โครงการ Bangkok Super Connector เชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวให้เป็นพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในส่วนของการเดินทางโดยรถยนต์จากย่านพระราม 4 สามารถเลือกใช้ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานครเพื่อเชื่อมต่อไปยังรอบใจกลางเมืองและชานเมืองได้อย่างคล่องตัว และยังมีการเดินทางของระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิม รัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ที่วิ่งคู่ขนานไปกับเส้นถนนพระราม 4 สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองและชานเมืองได้สะดวกและรวดเร็ว และในอนาคตจะมีการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ต่างๆ ที่เป็นเมกะโปรเจคเกิดขึ้นรายล้อมทำเลย่านพระราม 4 ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของแหล่งงานและการเติบโตของที่ดินในย่านนี้ สะท้อนถึงการเพิ่มคุณค่าให้กับทำเล ให้กลายเป็นย่านธุรกิจที่น่าสนใจ อีกทั้งยังรายล้อมด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 2 แห่งที่เปรียบเสมือนปอดใจกลางของกรุงเทพฯ
การขยายตัวของอาคารสำนักงานจากย่านสาทรมายังย่านพระราม 4 นั้นทำให้เกิดกิจกรรมของแหล่งงานที่มากขึ้น เนื่องจากย่านพระราม 4 เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งใหม่หลายอาคาร เช่น การพัฒนาโครงการ วัน แบงค็อก ที่เป็นโครงการ เมกะโปรเจคมิกซ์ยูส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนพระราม 4 อีกทั้งโครงการ “สมาร์ทพอร์ต” บริเวณที่ดินท่าเรือกรุงเทพฯ ในย่านคลองเตย บนเนื้อที่ 2,353 ไร่ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่จะพัฒนาเป็นโปรเจคมิกซ์ยูสเช่นเดียวกัน รวมถึงการพัฒนาโครงการอื่นๆ ตลอดเส้นทางที่ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินบริเวณสถานีสามย่าน สีลม ลุมพินีและสถานีคลองเตย ซึ่งปัจจุบันก็มีโครงการใหม่เกิดขึ้นบริเวณนี้ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่กระจายอยู่รอบพื้นที่และในย่านที่ใกล้เคียง จากภาพรวมการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้อย่างต่อเนื่อง สื่อให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับย่านสาทร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาหลายอย่างของย่านพระราม 4 ทำให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยขึ้นหลายโครงการ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้ที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือหากมองไปถึงอนาคตในด้านการลงทุนของที่อยู่อาศัยก็สามารถให้ผลตอบแทนได้ดี เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ย่านนี้เป็นย่านธุรกิจที่อยู่ใกล้บริเวณสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ อีกย่านหนึ่ง และในอนาคตย่านนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่ง Global Landmark อย่างแน่นอน” นายณัฏฐา กล่าวทิ้งท้าย