นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทยังคงดำเนินตามแผนสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมแบรนด์ “ไอบิส” (ibis) โรงแรมระดับบัดเจ็ตโฮเทล ภายใต้เชนแอคคอร์ (Accor) จำนวน 3 แห่ง จำนวนห้องพักรวม 664 ห้อง จากบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW หนึ่งในผู้นำธุรกิจการลงทุน พัฒนา และบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทยและอาเซียน
สำหรับโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมไอบิส ภูเก็ต กะตะ (ibis Phuket Kata Hotel) โรงแรมขนาด 5 ชั้น จำนวนห้องพัก 258 ห้อง 2 .โรงแรมไอบิส หัวหิน (ibis Hua Hin) โรงแรมสูง 6 ชั้น จำนวนห้องพัก 200 ห้อง และ 3.โรงแรมไอบิส สไตล์ กระบี่ อ่าวนาง (ibis Styles Krabi Ao Nang) สูง 5 ชั้น จำนวนห้องพัก 206 ห้อง โดยโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ยังมีห้องอาหาร สระว่ายน้ำ และห้องสำหรับจัดงานประชุมและสัมมนา ให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยบริษัทจะเข้าบริหารจัดการโรงแรมทั้ง 3 แห่งภายใน 1 พ.ค. 2565
โรงแรมไอบิส หัวหิน (ibis Hua Hin)
“การเข้าลงทุนในโรงแรมแบรนด์ไอบิสทั้ง 3 แห่งนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้วัน ออริจิ้น เติบโตอย่างรวดเร็วในหลากหลายด้าน 1.เพิ่มจำนวนโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันทีอย่างรวดเร็ว 2.เพิ่มพอร์ตฟอลิโอในเซ็กเมนท์ใหม่อย่างกลุ่มบัตเจ็ท โฮเทล และ 3.เพิ่มโอกาสการบุกหัวเมืองท่องเที่ยวที่เป็นทำเลแม่เหล็กที่มีศักยภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างภูเก็ต หัวหิน และกระบี่ จากเดิมที่เราเน้นพัฒนาโครงการแถบกรุงเทพฯและอีอีซี” นายปิติพงษ์ กล่าว
โรงแรมไอบิส ภูเก็ต กะตะ (ibis Phuket Kata Hotel)
นายปิติพงษ์ กล่าวอีกว่า ภูเก็ต หัวหิน และกระบี่ ยังคงเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก บริษัทเชื่อมั่นว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายลงจนเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติ อัตราการเข้าพักภายในโรงแรมแต่ละแห่งจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลับมาสู่ระดับปกติได้ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Recurring Income ให้กับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ได้ในระยะยาว ตามแผนดำเนินการระยะ 5 ปีที่บริษัทตั้งเอาไว้
โรงแรมไอบิส สไตล์ กระบี่ อ่าวนาง (ibis Styles Krabi Ao Nang)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมองโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านรูปแบบการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ด้วยตัวเอง การเข้าซื้อกิจการ และมีแผนนำทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) รวมถึงมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2566