2. Service Excellence การดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจรทั้งกิจกรรมสิทธิพิเศษจาก Grand Unity Family การสนับสนุนการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในโครงการต่างๆ ของ แกรนด์ ยูนิตี้ บริการโฮมแคร์ หรือ Home-Friendly ที่สามารถแจ้งรับบริการได้อย่างสะดวกสบายผ่าน Grand Unity Application ไปจนถึง บริษัท เซนเซส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SENSES) ที่สามารถดูแลและบริหารจัดการอาคารที่พักอาศัยได้อย่างมืออาชีพ
3. People Excellence การเสริมความรู้และทักษะให้กับพนักงานภายใต้แนวคิด Customer-Centric Mindset ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่จะสร้างคุณค่าที่ไม่มีสิ้นสุดทั้งสำหรับตัวพนักงานและลูกค้าของ แกรนด์ ยูนิตี้ โดยกลยุทธ์นี้ยังถือเป็นหนึ่งในแผนงานพัฒนาความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทในเครือยูนิเวนเจอร์อีกด้วย”
นอกจากนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ ยังได้เสาะแสวงหาทำเลศักยภาพซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมที่สะดวกสบาย เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค Now Normal และที่สำคัญต้องเกิดความคุ้มค่ากับผู้บริโภคมากที่สุด รวมถึงครอบคลุมความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในทุกเซ็กเมนต์ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริงทั้งในด้าน Sustainability และ Living Standard Excellence
“ในปีนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ เดินหน้าลุยตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวอีกหนึ่งแบรนด์คอนโดมิเนียมน้องใหม่ล่าสุดภายใต้ ‘BLUE Series’ อย่างแบรนด์ “blue” ที่มาพร้อมกับ คอนเซ็ปต์ “Explore Your Area ค้นพบความสุขที่ไม่ต้องไปไหนไกล” โดยถือเป็นแบรนด์ที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ GEN ใหม่ และมีราคาที่จับต้องได้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการในกลุ่ม Middle to High มาโดยตลอด ซึ่งคำว่า “blue” นั้นหมายถึง สีที่แสดงถึงตัวตน ให้ความอิสระ รวมถึงการผสมผสาน เพื่อสื่อถึงตัวแทนของวัยเริ่มต้นที่มีความอิสระ ร่าเริง และมีความสร้างสรรค์ โดยโครงการภายใต้แบรนด์ “blue” ประกอบไปด้วย 3 โครงการ บน 3 ทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ที่จะมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้ครอบคลุมยิ่งกว่า
ในส่วนของการออกแบบโครงการฯ ได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายในยุค Now Normal โดยเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับ Function ของ Space ที่มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ Adaptive Design ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะโครงการ blue เท่านั้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ GEN ใหม่ และสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้น ยังได้สร้างสรรค์พื้นที่ส่วนต่างๆ ไว้อย่างครบครัน และครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 ชั้น โดยสามารถเชื่อมต่อกันตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นไปถึงชั้นบน พร้อมออกแบบ Space ทางเชื่อมแบบ Sky Bridge ที่เชื่อมส่วนกลาง ทั้ง 2 อาคาร ให้มีฟังก์ชันใช้งานที่หลากหลายและไม่จำเจ ไม่ว่าจะเป็น Co-Working Space, Game Room, Fitness, Yoga Room, และ Central Pool รวมไปถึง Greenery Space สวนภายใน Court ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศในการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีพื้นที่จอดรถทั้งโครงการรวม 40% ดูแลด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ควบคุมการเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access และ Touchless Access สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมระบบ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง