ออริจิ้น โชว์ผลประกอบการ 61 ตามเป้ากวาดยอดขายคอนโดกว่า 2.7 หมื่นล้านขึ้นแท่นท็อปอสังหาฯ
ออริจิ้น เปิดผลประกอบการปี 2561 คว้ากำไรสุทธิ 3,338 ล้านบาท เติบโตกว่าภาพรวมทั้งตลาด พร้อมรายได้ 16,638 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่งตามเป้า กวาดยอดขายกว่า 27,500 ล้าน ขึ้นแท่นท็อปธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 เร่งสร้างโอกาสใหม่ในธุรกิจแนวราบ-โรงแรม-บริการ พร้อมโชว์แบ็คล็อกคุณภาพกว่า 34,000 ล้าน ทยอยโอนต่อเนื่อง เคาะจ่ายปันผลรอบสิ้นปีหุ้นละ 0.30 บาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2561 ถือเป็นอีกปีที่ภาพรวมของทั้งบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่ด้านกำไรสุทธิที่สามารถทำได้ถึง 3,338 ล้านบาท เติบโตจากภาพรวมปี 2560 กว่า 65.2% เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 20.1% ขณะเดียวกันรายได้ทั้งปี 2561 อยู่ที่ 16,638 ล้านบาท เติบโตจากภาพรวมปี 2560 กว่า 66.6%
"ในปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 25,500 ล้านบาท โดยยอดขายเฉลี่ยในปีที่ผ่านมาอยู่ที 72-75% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ทำได้ราว 40-50% โดยปัจจัยสำคัญมาจากบริษัทมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาได้ตอบโจทย์ความต้องการ ทำให้ทั้งยอดขายใหม่ และยอดโอนจากแบ็คล็อกคุณภาพ สามารถขายและโอนได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ให้ความไว้วางใจกับคุณภาพสินค้าและบริการของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้" นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับยอดขายในปี 2561 สามารถทำได้ถึง 27,552 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 กว่า 86.7% โดยแบ่งเป็นยอดขายจากธุรกิจคอนโดมิเนียม 26,378 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการบ้าน 1,174 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมียอดขายอยู่ในระดับท็อปของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมา
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2562 นั้น บริษัทจะยังคงเดินหน้ารักษาเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจคอนโดมิเนียมไว้ในระดับเดิม ควบคู่กับการกระจายการเติบโตไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัท ทั้งธุรกิจโครงการแนวราบ ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ออฟฟิศ คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการมิกซ์ยูส และธุรกิจบริการ ผ่านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ จะค่อยๆ มีบทบาทมากขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง-ยาว