"เอพี ไทยแลนด์" พาสื่อบุกแดนหมีขาว "รัสเซีย" เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังเน้น "บ้าน" และ "ทาวน์โฮม"
AP Thailand พาสื่อมวลชน และทีมงาน CheckRaka.com ชมดินแดน "รัสเซีย" ก่อนเริ่มฟุตบอลโลก พร้อมแถลงข่าวกลางกรุง "Moscow" เดินหน้าสร้างนิวไฮครั้งใหม่ด้วยแผนรุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เปิดตัว 35 โครงการใหม่ มูลค่า 54,380 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 5 เดือนแรกกว่า 14,640 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกมิติ ทั้งขยายและสร้างฐานใหม่หลังครองใจครอบครัวรุ่นใหม่กว่า 60% สินค้าคอนโดเตรียมชูไฮไลต์เด็ด "THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี" เจาะตลาด Super Luxury ด้านนวัตกรรมกับธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เชื่อความสำเร็จของนวัตกรรมอาจไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ แต่คือการสร้าง "กระบวนการ" ที่พลิกเกมธุรกิจ และเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปในสู่วิถีชีวิตใหม่อย่างยั่งยืน
คณะสื่อเดินทางถึงสนามบิน Domodedovo กรุงมอสโก
บรรยากาศกรุงมอสโกก่อนงานแถลงข่าว
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า "ปี 2561 นี้เป็นปีที่บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการมากที่สุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา ซึ่งจากการปรับแผนทั้งปีเอพีจะเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบ 38 โครงการ มูลค่า 39,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท เปิดตัว ในครึ่งปีแรก จำนวน 8 โครงการ พร้อมเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 35 โครงการ มูลค่า 54,380 ล้านบาท"
แถลงข่าวโดยคุณภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ
และคุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม
ผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก ณ วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 14,640 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 44% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม (รวม 51% โครงการร่วมทุน) สูงถึง 6,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 5,127 ล้านบาท
ภาพรวมธุรกิจ
นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า "หนึ่งใน key success ของการพัฒนาโครงการแนวราบเอพี คือ การมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องของโมเดลบ้าน และจำนวนโครงการที่ครอบคลุมในทุกทำเลรอบกทม. ซึ่งจากวันนี้ไปเอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบครึ่งปีหลังในทุกมิติ ด้วยแผนการพัฒนาโครงการใหม่ที่มากถึง 32 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 33,980 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 18,600 ล้านบาท โฟกัสตลาดครอบครัวคนเมือง โดยมี fighting brand อย่าง CENTRO บ้านเดี่ยวสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มสร้างครอบครัว และ THE CITY บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ราคาเฉลี่ย 5 - 15 ล้าน และสินค้ากลุ่มทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 15,380 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2 - 10 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบ้านกลางเมืองจากเอพีถือครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าทาวน์โฮม 3 ชั้นมากสุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเอพีได้ต่อยอดความชำนาญไปสู่การพัฒนาทาวน์โฮม 2 ชั้น แบรนด์พลีโน่ (PLENO) ซึ่งจะเป็น fighting brand ของสินค้ากลุ่มทาวน์โฮมต่อไป ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะการขยายทั้งตลาดเดิมที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้วในทำเลต่างๆ เช่น ย่านสุขสวัสดิ์ พระราม 3 ลาดพร้าว พระราม 9 วัชรพล ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ รวมถึงการสร้างฐานลูกค้าใหม่ในทำเลอื่นๆ เช่น อ่อนนุช บางนา รังสิต เป็นต้น"
ปีนี้จะเน้น Low Rise โดยแต่ละแบรนด์จะมี Range ราคาตามรูปนี้
โดย Fighting Brand แนวราบจะเน้นแบรนด์ Pleno และ Centro
"ภาพรวมตลาดสินค้าแนวราบในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลเอพีย้อนหลัง 5 ปี กลุ่มคนที่ตัดสินใจซื้อมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 18 - 35 ปี มากถึง 60% รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดแนวราบเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าแนวราบของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องใน ทุกไตรมาส แม้แต่ยอดขายเดือนเมษายนที่ถือเป็นเดือนเทศกาล ก็ยังสามารถสร้างยอดขายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ 400 ล้านบาท ซึ่งถ้าโมเมนตั้มยอดขายไปได้เฉลี่ยประมาณ 350 - 400 ล้านต่อสัปดาห์เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายอย่างแน่นอน" นายภมร กล่าวย้ำ
สำหรับแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า "สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมดีมานด์ให้การตอบรับดี โดยเฉพาะตลาดคอนโดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งจากยอดขายที่ผ่านมาประกอบกับการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน และสำหรับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ เอพีเตรียมเปิดตัว 3 คอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่างเอพีและมิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) มูลค่ารวมประมาณ 20,400 ล้านบาท โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวสินค้าระดับ super luxury ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภค อย่างแบรนด์คอนโด THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท และ LIFE Condo อีก 2 ทำเลศักยภาพ คือ LIFE LADPAO VALLEY มูลค่าประมาณ 6,400 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลในเดือนสิงหาคม และ 3) LIFE ASOKE HYPE มูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาท พร้อมเปิดขายประมาณไตรมาส 4 ปีนี้" นายวิทการกล่าว
ปี 2018 นี้ AP จะมีเปิดโครงการครบในทุกแบรนด์ รวมถึง
The Address ที่หายไปนาน
ชมครั้งแรกภาพโครงการ
The Address Siam-Ratchatewi เผยโฉมโครงการ
Life Ladprao Valley เผยโฉมครั้งแรกโครงการ
Life Asoke Hype ปัจจุบัน เอพีมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (ongoing projects) จำนวน 23 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 12,100 ล้านบาท โดยในปีนี้เอพีมีคอนโดที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,400 ล้านบาท ได้แก่
1. LIFE อโศก (โครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษายน
2. VITTORIO มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสสอง
3. RHYTHM เอกมัย (โครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท และ
4. ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ประมาณไตรมาสสี่ของปีนี้
12 ปีที่ผ่านมาโครงการคอนโดที่นำมาขาย Online ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเฉลี่ย 1.21 นาทีต่อโครงการ
ทั้งนี้ สำหรับประเด็นเรื่องของนวัตกรรมกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คุณวิทการกล่าวว่า "ความสำเร็จของนวัตกรรมอาจไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นครั้งแรกในอุตสาหกรรม แต่ความสำเร็จของนวัตกรรมคือการสร้าง "กระบวนการ" คิดเพื่อเข้าถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อนำไปในสู่วิถีชีวิตใหม่อย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมาการพัฒนาสินค้าทั้งแนวราบและแนวสูง เราได้นำแนวคิด STANFORD DESIGN THINKING มาใช้เพื่อค้นหาความต้องการแฝงของผู้บริโภคในอนาคต โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ทีมคอนโดได้นำมาประยุกต์ใช้ให้เห็นผลและเกิดขึ้นจริงอย่างเร่งด่วนนั้น คือ การปรับกระบวนการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ด้วยการนำเทคโนโลยี AI BIM (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ซึ่งคิดค้นขึ้นโดย Prof. จากมหาวิทยาลัย Stanford มาใช้อย่างครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทย โดยจุดต่างของ AI BIM คือ มิติที่ 7 ที่ครอบคลุมไปถึงกระบวนการบริหารจัดการอาคาร (AI BIM for Facility Management) ที่จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการสืบค้นงานระบบและงานโครงสร้างทั้งหมด เพื่อการซ่อมบำรุงและรักษาสภาพของอาคารให้สมบูรณ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ"
คุณวิทการ จันทวิมลกำลังกล่าวถึงว่า AP (Thailand) กำลัง Transform ระบบการออกแบบและบริหารจัดการหลังการขายคอนโดทั้งหมดด้วยการนำระบบ Artificial Intelligence Building Information Modeling (AI BIM) มาใช้
"บทเรียนหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับ Prof. จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดคือ กระบวนการทำความเข้าใจในความต้องการแฝงของลูกค้า และการนำข้อมูลเหล่านั้นมาหาจิ๊กซอว์ตัวพิเศษ ที่จะสร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าแนวราบของเอพี ถึงแม้วันนี้เรามีแบบบ้านที่อยู่ในระบบมากกว่า 70 โมเดลแล้ว แต่จากอายุของผู้ซื้อโครงการแนวราบที่ลดน้อยลง ถือเป็นสัญญาณที่บอกให้เราต้องลุกขึ้นตั้งรับกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งจากข้อมูลเราพอจะสรุปออกมาเป็นเทรนด์ในการพัฒนาโครงการแนวราบในอนาคตเป็น 3 เรื่องหลักๆ คือ
1) Multi Generation Living แนวโน้มการอยู่อาศัยร่วมกันของหลายช่วงอายุ ตั้งแต่เจเนเรชั่นรุ่นเบบี้ บูม ไปจนถึงเด็กเล็ก ดังนั้น บทบาทของพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านต้องคิดมากกว่าพื้นที่พักผ่อน ทุกพื้นที่ต้องได้รับการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจในเรื่อง human scale และพฤติกรรมที่แตกต่างกันของคนแต่ละวัย
2) Healthy Living การให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ครอบคลุมความต้องการทั้งพื้นที่ส่วนกลางและภายในบ้าน และ
3) Smart Home Living คงเป็นเรื่องที่หลีกหนีไม่ได้กับการประยุกต์เอาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายในบ้าน ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าให้คุณค่าเป็นอันดับแรกคือ บทบาทของเทคโนโลยีกับการเฝ้าระวัง หรือช่วยเหลือคนที่รักให้ปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นอย่างทันถ่วงที" นายภมรกล่าวเสริม
"สรุปจากการปรับเพิ่มแผนการเปิดตัวโครงการ ในปี 2561 จะเป็นปีที่บริษัทเปิดตัวโครงการมากที่สุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา โดยเปิดตัวทั้งสิ้น 43 โครงการมูลค่า 64,750 ล้านบาท คงเหลือพร้อมเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 35 โครงการ มูลค่า 54,380 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 15 โครงการ มูลค่า 20,700 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 20 โครงการ มูลค่า 33,680 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน" นายภมร กล่าวทิ้งท้าย
ปิดท้ายกันด้วยภาพรวมโครงการคอนโดใหม่ที่ เอพี (ไทยแลนด์) จะเปิดตัวในปี 2018 ที่เหลือนี้
บรรยากาศโดยรวมงานแถลงข่าวที่กรุง Moscow ของเอพี (ไทยแลนด์)