SC ASSET อวดโฉม "SALADAENG ONE" Limited Luxury Condo สุดหรูบนทำเลศาลาแดง
โครงการ
SALADAENG ONE พัฒนาโดย
บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ นายประยงค์ยุทธ อิทธิรัตน์ชัย รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง ของ
SC ASSET กล่าวว่า "โครงการ SALADAENG ONE ก่อสร้างแล้วเสร็จไป 90 % แต่ก็พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์จริงความเป็น THE ONE THE MATTERS ที่สุดของคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บนทำเลสุดยอดอย่างศาลาแดงที่ แทบไม่เหลือโอกาสให้ได้เป็นเจ้าของโครงการที่อยู่อาศัยใดได้อีกในอนาคต โดยจัดงาน
Open House ขึ้นใน วันที่
24-25 มีนาคม 2561 ณ ที่โครงการ
Saladaeng One"
"เราอยากให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่า จากปี 2558 ที่ทีมงานตั้งปณิธานว่า จะสร้าง Flagship ให้กับ SC CONDO มาวันนี้ปี 2561 โครงการแม้เสร็จ 90% แต่เราพร้อมที่จะอวดโฉมความเป็น craftsmanship ในวงการก่อสร้าง ที่ทุกพื้นที่ผ่านการคิด ผ่านการวางแผน ผ่านการก่อสร้างอย่างตั้งใจให้งานออกมาดี ทั้งจากทีมงาน SC ASSET และ Partners พร้อมชม Exhibition "The One that Matters" ณ บริเวณ Open well Hall ชั้น 5 บอก เล่าทีมงานเบื้องหลังงานคุณภาพ ว่าทุกท่านและทีมงานทำงานด้วย passion อย่างไร ในการสร้างมาตรฐาน ใหม่ให้ Saladaeng One เป็น Residential Condominium ที่ดีที่สุด ตามแบบฉบับ "THE ONE" หนึ่งใน Property Collection อสังหาริมทรัพย์ที่ลูกค้าภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ"
โครงการดังกล่าวพัฒนาภายใต้แนวคิด THE ONE THAT MATTERS ที่สะท้อนความเป็น THE ONE ของ SALADAENG ONE ได้ชัดในแง่มุมต่างๆ ดังนี้
ทำเล (location) ของทำเลศาลาแดง ทำเลที่ "Facility ครบครัน" ตามแบบฉบับชีวิตคนเมืองยุคใหม่ที่มี work-life Balance ตอกย้ำ Lifestyle คนเมืองยุคใหม่ใจกลาง CBD กรุงเทพฯ ที่ในอนาคตจะหาที่ดิน Free hold บนทำเลนี้มาพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ยาก และยิ่งเป็นทำเลที่ตั้งบนถนนศาลาแดงซอย 1 เพียง 80 เมตรจากถนนพระราม 4 การเดินทาง เข้า-ออก ได้หลายเส้นทางทั้งถนนพระราม 4 สาทรและสีลมได้ อย่างสะดวก อีกทั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินี และ MRT สีลม เพียง 400 เมตรและ 600 เมตร (ตามลำดับ) กับไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง อีกทั้งโครงการยังมีระยะห่างจากสวนลุมพินี เพียง 120 เมตร ทำให้ห้องส่วนใหญ่สามารถเปิดรับวิวสวนลุมพินีแบบเต็มๆ
รูปแบบอาคารสะท้อนความเป็น THE ONE ความสง่างามในสไตล์ Modern Contemporary ที่คงคอนเซปต์ Timeless Beauty In Stillness ออกแบบในลักษณะ Horizontal Design การใช้ Facade Treatment ที่เป็น Horizontal slab เปรียบเสมือนชั้นหินที่เรียงตัวสลับ หนาบาง ก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยใช้วัสดุเป็น Aluminum Composite ลายหินอ่อนสีขาว และ Horizontal Facade Element นี้ ยังทำหน้าที่เป็นชายคากันแดดและฝน และการใช้กระจกแผ่นใหญ่แต่ละห้อง สร้าง Reflection แสงแดดยามตกกระทบ ลงอาคารได้อย่างแตกต่างในแต่ละช่วงเวลา สะท้อนถึงความหรูหราที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี
ให้ความสำคัญกับการวางผังอาคารอย่างพิถีพิถัน กลางอาคารเป็น double atrium ทางเดินคล้ายรูปตัว S ตั้งแต่ชั้น 6 -24 จะต้องเดินข้ามทางเดินระหว่าง Atrium เพื่อเข้าห้องตัวเอง ทำให้เป็น single loaded corridor ที่มีมิติและ privacy ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ในเรื่อง Ventilation system ให้หน้าต่างระบายอากาศมากถึง 4 จุดต่อ 1 ชั้น และยังติดตั้งพัดลมดูดอากาศด้านบน เพื่อการระบายอากาศที่ดีขึ้นเหมาะกับสภาพอากาศในกทม.
ความใส่ใจในเรื่องของ space planning ทำให้จุดเด่นของห้องพักคือการออกแบบพื้นที่ให้เป็นห้องขนาด หน้ากว้างพิเศษ เพราะการจัดสรรพื้นที่ Space planning เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การซื้อคอนโดคุ้มค่า และมีคอนโดหรูในกรุงเทพฯ โดยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร จะมีหน้ากว้างถึง 8.1 เมตร และส่วนที่เปิดรับวิวใน ห้องนั่งเล่นกว้างถึง 4.5 เมตร เฉพาะระเบียงรับวิวยาว 4.8 เมตร รวมกับกระจก Full height สูง 3 เมตร เลื่อนเปิดได้ 2 ทางซ้ายขวา ทำให้บานกระจกไม่มีเส้นกลาง สามารถรับวิวภายนอก สร้างความรู้สึก เหมือนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น Uniqueness design พร้อม Bay window ทำมุมพิเศษในห้องนอน ที่สามารถไปนั่งบนขอบหน้าต่างมองวิวได้
ส่วนห้องพักแบบ 2 ห้องนอน ขยายพื้นที่ใช้สอยของห้องให้กว้างขึ้น เริ่มจากห้องหน้ากว้างถึง 7.85 เมตร ที่กว้างกว่าคอนโดทั่วไป แบ่งพื้นที่ชัดเจนระหว่าง Living Area และ Private Area ที่แยกจาก ส่วนห้องนั่งเล่นทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
จัดสรรการใช้สอยที่สมบูรณ์แบบ มากกว่า Fully Fitted ทุกพื้นที่ใช้สอยออกแบบจากความต้องการของคนที่อาศัยในคอนโดจริง ที่มักประสบปัญหาในเรื่องการจัดเก็บข้าวของ เพราะคอนโดไม่เหมือนบ้านที่มีอาณาบริเวณกว้าง ห้องเก็บของจึงสำคัญ ที่นี่จึงมี Storage Room ค่อนข้างเยอะ ออกแบบให้กลมกลืนไปกับห้องในลักษณะบิวท์อิน จะได้มากกว่าคอนโด Fully Fitted ทั่วไป
ความประณีตและความเป็น Detailed Luxury เช่น ทางเข้าห้องที่ประตูยังทำเป็นหลืบหลบเข้าไป ไม่ให้เห็นวงกบประตูยื่นมา การออกแบบ Grill Air Design แบบ Seamless ทาสีให้กลมกลืนไปกับฝ้า ประตูทางเข้าและแม้แต่ประตูห้องนอนสูง 2.7 เมตร การเน้นคุม Theme สีวงกบประตู หน้าต่าง เป็น น้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกัน และการใช้ Indirect lighting ที่ระเบียง
ในวันนี้
SALADAENG ONE พร้อมเปิดให้ชมสมกับการรอคอย ความเป็น THE ONE THE MATTERS ที่สุดของคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บนทำเลศาลาแดง ในวันที่
24 - 25 มีนาคม นี้ SALADAENG ONE จัดงาน
Open House และชม Exhibition "The One that Matters" ณ บริเวณ Open well Hall ชั้น 5
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 1749 หรือ
www.saladaengone.com