x
icon-filter ค้นหาคอนโด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

ซื้อคอนโดครั้งแรก มีขั้นตอน และค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เตรียมให้พร้อม จะได้ไม่พลาด

icon 28 ส.ค. 66 icon 70,769
ซื้อคอนโดครั้งแรก มีขั้นตอน และค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เตรียมให้พร้อม จะได้ไม่พลาด
ใครที่กำลังมีแผนที่จะซื้อคอนโด แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง อาจจะพอรู้มาคร่าวๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มทำอะไรก่อน ต้องเตรียมตัวเตรียมใจด้านไหนบ้าง รวมไปถึงต้องเก็บเงินไว้เท่าไหร่ ถึงจะเริ่มซื้อคอนโดได้ วันนี้เรามีขั้นตอนการซื้อคอนโดตั้งแต่เริ่มมองหาคอนโดไปจนถึงย้ายเข้าคอนโดมาฝากกันค่ะ โดยจะเน้นไปที่มือใหม่ที่กำลังมองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นครั้งแรก โดยการยื่นกู้ผ่านธนาคาร พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์สมมติมาให้ดูเป็น Case Study ด้วยค่ะ ทั้งนี้เป็นการซื้อแบบพื้นฐานทั่วไป ไม่ได้รวมโปรโมชั่น หรือมาตรการพิเศษใดๆ นะคะ

ขั้นตอนการกู้ซื้อคอนโดที่กำลังก่อสร้าง สำหรับมือใหม่

1.เลือกคอนโดที่ถูกใจ
ขั้นตอนแรกก็ไม่ยากเลยค่ะ สำหรับใครที่มีโครงการอยู่ในใจแล้ว ก็ตั้งมั่นไว้เลยค่ะว่าเราจะซื้อที่นี่ แต่ถ้าใครยังมองหาที่ถูกใจไม่ได้ ก็เข้ามาชมได้ที่เว็บไซต์ Checkraka.com เรามีลิสต์โครงการคอนโดให้เลือกมากกว่า 1,700 กว่าโครงการทั่วประเทศไทย โดยสามารถ Filter เลือกตามทำเลก็ได้ เลือกที่ติดรถไฟฟ้าก็ได้ ตามงบประมาณที่เรามีอยู่ได้เลยค่ะ
เหตุการณ์สมมติ: เราอยากได้คอนโดห้องนึง ตั้งสเปกไว้เป็นห้องแบบ 1 bedroom ราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท ทำเลใกล้รถไฟฟ้า
2.เดินเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ
ก่อนซื้อจำเป็นมากที่จะไปดูของจริง หากเป็นโครงการเสร็จแล้วเราก็จะได้เห็นห้องจริงวิวจริง แต่ถ้ายังไม่เสร็จเราจะได้เห็นแค่ห้องตัวอย่างก่อนค่ะ ขั้นแรกเดินเข้าไปเยี่ยมชมโครงการแบบไม่ต้องเขิน เมื่อเข้าไปด้านในสำนักงานขายแล้วก็จะมีพนักงานขายออกมาต้อนรับเราค่ะ โดยเขาก็จะถามความต้องการของเราว่า ต้องการห้องขนาดเท่าไหร่ แบบไหน ตำแหน่งไหน เป็นต้น อาจจะมีการแนะนำยูนิตพิเศษที่ไม่ได้ประกาศขายตามหน้าเว็บไซต์ พร้อมกับส่วนลดพิเศษที่ไม่ได้มีในโปรโมชั่นทั่วไปก็เป็นได้ค่ะ ลองสอบถามกับพนักงานขายดู อาจจะได้อะไรที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ อย่าลืมดูหลายๆ โครงการเปรียบเทียบกันด้วยนะคะ เผื่อโครงการอื่นเราชอบมากกว่าจะได้ไม่เสียใจทีหลัง
เหตุการณ์สมมติ: เยี่ยมชมโครงการแล้วถูกใจโครงการหนึ่ง ห้อง 1 bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาขาย 2,800,000 บาท
3. ทำการจองกับพนักงานขาย
พอเราเริ่มถูกใจห้องๆ หนึ่งแล้ว ตรงนี้ก็จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายแล้วค่ะ ซึ่งก็คือค่าจองนั่นเอง พนักงานขายจะให้เราทำการจองโดยการวางเงินไว้จำนวนหนึ่ง ในแต่ละโครงการจะไม่เท่ากัน โดยปกติก็จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 50,000 บาท แล้วแต่มูลค่าของห้องเรา และโครงการนั้นๆ ซึ่งค่าจองจะนำไปรวมกับค่าเงินดาวน์ในภายหลัง
เหตุการณ์สมมติ: โครงการให้วางเงินจอง 30,000 บาท จ่ายในวันจอง ได้รับใบเสร็จกลับมาเป็นหลักฐาน
4. ทำสัญญาซื้อขาย พร้อมวางเงินดาวน์
หลังจากจองแล้วอาจจะ 7 วัน หรือมากกว่านั้นแล้วแต่โครงการ ทางโครงการจะเรียกเราเข้าไปทำสัญญาจะซื้อจะขาย จุดนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา และให้วางเงินดาวน์ในขั้นตอนนี้เลย แต่ถ้าหากโครงการยังสร้างไม่เสร็จ เราจะสามารถผ่อนดาวน์ได้เรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่โครงการกำหนด ส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่เกิน 10 เดือนค่ะ สำหรับค่าทำสัญญาและการวางเงินดาวน์ จะคิดรวมกับค่าจองในขั้นตอนที่ 3 โดยทั้งหมดรวมกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10% ของราคาค่าห้อง เช่น ห้องราคา 3,000,000 บาท เงินจอง+ทำสัญญา+เงินดาวน์ รวมกันประมาณ 300,000 - 600,000 บาท เป็นต้น แต่ก็มีบางโครงการที่มีโปรโมชั่นที่ไม่ถึง 10% หรือ ฟรีจอง+ทำสัญญาไปเลย หรือบางที่ก็มีฟรีดาวน์ให้ด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์สมมติ: พนักงานขายโทรมาเรียกให้ไปทำสัญญาพร้อมวางเงินดาวน์ มีค่าทำสัญญาอีก 50,000 บาท เงินดาวน์อีก 200,000 บาท (รวมค่าจองก็ 280,000 บาท พอดี)
5. รอคอนโดสร้างเสร็จ ผ่อนดาวน์ไปด้วย
ระหว่างนี้ก็ได้แต่รอ ร้อ รอ ค่ะ ถ้าเราไปจองไว้ตอนโครงการใกล้เสร็จแล้ว ก็คงจะรอไม่นาน แต่ถ้าเราไปจองไว้ตั้งแต่วัน Pre-sale ก็รอไปประมาณ 2-3 ปีค่ะ ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของโครงการ แต่ข้อดีคือช่วง Pre-sale เราก็จะได้ราคาที่พิเศษกว่าชาวบ้าน หรือโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าหน่อยๆ ระหว่างนี้เราก็จะผ่อนดาวน์ไปด้วย ระยะเวลาไม่เกิน 10 เดือน แต่ถ้าใครมีเงินโปะก็โปะได้เลยค่ะ ไม่ต้องผ่อนดาวน์ก็ได้ ส่วนนี้เราจะยังจ่ายให้กับโครงการนะคะ ยังไม่เกี่ยวกับธนาคาร
เหตุการณ์สมมติ: ระหว่างที่รอคอนโดสร้างไปด้วย ก็จ่ายค่าผ่อนดาวน์ไปด้วย เงินดาวน์ 200,000 บาท ผ่อนดาวน์แบบปกติ 0% 10 เดือน = เดือนละ 20,000 บาท (บางโครงการมีให้ผ่อนบอลลูน ดูรายละเอียด ผ่อนบอลลูนคืออะไร ?)
6. เมื่อโครงการสร้างใกล้เสร็จ พนักงานขายจะโทรมาให้เราเลือกธนาคารที่จะกู้
แล้วก็มาถึงขั้นตอนสำคัญแล้วค่ะ เมื่อห้องของเราใกล้เสร็จโครงการใกล้ให้เข้าอยู่ ก็ได้เวลาที่จะโอนห้อง พนักงานขายที่ดูแลเราตอนแรก เขาก็จะโทรมาเรียกเราให้ไปดูเอกสารเตรียมพร้อมสำหรับยื่นกู้ หากเรามีธนาคารที่มองหามาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็สามารถแจ้งกับพนักงานขายได้เลยว่าสนใจจะกู้กับธนาคารนั่นนู่นนี่ แต่ถ้ายังไม่ได้คิด โครงการก็จะมีลิสต์แต่ละธนาคารพร้อมดอกเบี้ยและโปรโมชั่นในขณะนั้น มาให้เรานั่งเลือก บางที่เขาจะให้เราเลือกไว้ 2 ธนาคารค่ะ เผื่อมีที่ๆ กู้ไม่ผ่าน เมื่อเราเลือกได้แล้ว พนักงานขายจะติดต่อกับธนาคารให้เป็นการเบื้องต้น หลังจากนั้นทางธนาคารก็จะโทรมาติดต่อกับเราโดยตรงอีกทีค่ะ
เหตุการณ์สมมติ: พนักงานขายติดต่อมาให้เราเข้าไปที่โครงการ เพื่อทำการเลือกธนาคารที่จะยื่นกู้
7. รอทางธนาคารอนุมัติ แล้วไปทำสัญญากู้คอนโดที่ธนาคาร
ในระหว่างที่รอธนาคารพิจารณา เราอาจจะได้รับสายจากทางธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ระยะเวลาการพิจารณาของแต่ละธนาคารจะไม่เท่ากันค่ะ บางที่ก็เร็วภายใน 1 อาทิตย์ก็ติดต่อเรากลับมาแล้ว บางที่ก็รอเป็นเดือนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อกลับมา แต่ถ้าผ่านแล้วเขาก็จะโทรมาหาแล้วบอกวงเงินกับเราทันทีค่ะ ซึ่งถ้าเราพอใจกับวงเงินเราก็สามารถตอบตกลงกับธนาคารเพื่อเลือกธนาคารนั้นแล้วเตรียมไปทำสัญญากู้เงินกับธนาคารอีกครั้ง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคือ ค่าอากรแสตมป์ (0.05% ของวงเงินกู้) และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย นอกจากนี้อาจจะมีค่าประเมินราคาห้อง ประมาณ 2-3 พันบาท (แต่อาจจะไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารกับทางโครงการ)
ซึ่งขั้นตอนนี้การคุยกับทางธนาคารมักจะมีการเสนอทำประกันสินเชื่อเพิ่มเติม เป็นประกันที่เราเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้
เหตุการณ์สมมติ: ทางธนาคารได้ประเมินค่าห้องที่ 2,700,000 บาท และอนุมัติวงเงินมาที่ 2,800,000 บาท
8. ตรวจรับห้องก่อนโอน
เมื่อเรากู้ผ่านและทำสัญญากับทางธนาคารเรียบร้อยแล้ว โครงการจะทำการนัดหมายให้เราเข้าไปตรวจรับโอนห้อง ซึ่งจะให้เราเตรียมเอกสารไปด้วย แต่! ข้อควรระวังเลยค่ะ เราควรตรวจเช็คสภาพห้องก่อนเซ็นรับโอนค่ะ อันนี้สำคัญมาก เพราะเมื่อโอนมาเป็นชื่อเราแล้ว เราจะขอให้ทางโครงการแก้ไขอะไรเพิ่มเติมนั้นเป็นเรื่องยากมากทีเดียวค่ะ ถ้าหากเราไม่มั่นใจที่จะตรวจเองสามารถจ้างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจห้องก่อนโอนได้ ส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 บาท สำหรับห้องขนาดไม่เกิน 30 ตร.ม. เป็นต้น ซึ่งถ้าเราขึ้นไปตรวจเช็คห้องแล้วพบจุดที่ต้องแก้ไข (Defect) เราสามารถที่จะยังไม่โอน และแจ้งให้ทางโครงการแก้ไขก่อน และรอให้ทางโครงการนัดหมายวันโอนอีกครั้งในครั้งที่สอง เราสามารถตรวจเองเลยก็ได้ หรือถ้าไม่มั่นใจก็จ้างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาตรวจอีกครั้ง (ปกติแล้วหากจ้างผู้เชี่ยวชาญจะมีการตรวจ 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะถูกลง) ซึ่งถ้าครั้งต่อไปการตรวจห้องโอเคแล้ว ในวันนั้นเราก็สามารถไปเซ็นโอนกรรมสิทธิ์ห้องได้เลย
เหตุการณ์สมมติ: พอกู้ผ่านแล้ว เราต้องไปทำเรื่องโอนที่โครงการต่อ แต่ก่อนที่เราจะโอน เราต้องตรวจเช็คสภาพห้องก่อน เราเลยไปจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจให้ ในราคา 1,500 บาท
9. สภาพห้องสมบูรณ์แบบแล้ว เตรียมไปโอนกรรมสิทธิ์กับโครงการ
มาถึงขั้นตอนโอนกรรมสิทธิ์กันแล้ว ซึ่งราคาห้องส่วนที่เหลือต้องจ่ายจะเป็นราคาห้องที่หักกับค่าจอง+ทำสัญญา+เงินดาวน์ ไปแล้ว และจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในวันโอนอีก สำหรับคนที่ได้วงเงินกู้น้อยกว่า จำเป็นต้องมีเงินสดอีกก้อนหนึ่งเพื่อจ่ายในวันโอน แต่ถ้าใครวงเงินสูงกว่า ทางโครงการเขาจะหักค่าใช้จ่ายวันโอนออกจากเงินกู้นั้นเลยค่ะ ซึ่งแต่ละโครงการก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปค่ะ บางโครงการก็จะมีโปรโมชั่นฟรีค่าโอน ค่าจดจำนองก็จะทำให้เราประหยัดไปได้อีกเยอะเลยทีเดียว แต่โดยพื้นฐานแล้วจะมีค่าใช้จ่ายประมาณนี้ค่ะ
9.1 ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า
9.2 เงินกองทุน คิดเป็นตารางเมตร จ่ายครั้งเดียวในวันโอน
9.3 ค่าส่วนกลาง คิดเป็นตารางเมตรตามขนาดห้อง เก็บปีละครั้ง ค่าส่วนกลางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามมติที่ประชุมเจ้าของร่วม
9.4 ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
9.5 ค่าเบี้ยประกันภัยอาคารชุด (ของโครงการ ไม่เกี่ยวกับธนาคาร)
9.6 ค่ารักษามาตรวัดน้ำประปา (เก็บล่วงหน้า 1 ปี)
9.7 เงินประกันการใช้น้ำประปา (จ่ายครั้งเดียว)
9.8 ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินสินเชื่อ
9.9 ค่าธรรมเนียมการโอน 1% ของราคาประเมิน
เหตุการณ์สมมติ: ในวันโอนเราจะมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายก่อนเข้าอยู่ ตามรายการที่บอกข้างต้น แจกแจงออกมาได้ประมาณนี้ค่ะ
  • ค่าธรรมเนียมการโอน 1% จากราคาประเมิน (1% ของ 2,700,000 = 27,000 บาท)
  • ค่าจดจำนองคิด 1% จากวงเงินสินเชื่อ (1% ของ 2,800,000 = 28,000 บาท)
  • ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 4,000฿
  • ค่าประกันการใช้น้ำประปา 500฿ (ชำระครั้งเดียว)
  • เงินกองทุน (1,000฿/ตร.ม.) 30,000฿ (ชำระครั้งเดียว)
  • ค่าส่วนกลาง (55฿/ตร.ม.) 19,800฿ (จ่ายล่วงหน้า 12 เดือน)
  • ค่าเบี้ยประกันภัยอาคารชุด 3,000฿
  • ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 500฿
  • ค่าประเมินทรัพย์สิน 3,000 บาท
  • รวมวันโอนเราต้องจ่ายอีก 115,800 บาท
เพราะฉะนั้น: วงเงินที่เรากู้ได้คือ 2,800,000 บาท หักค่าห้องที่หักเงินดาวน์แล้วเหลือ 2,520,000 บาท หักค่าโอนไปอีก 115,800 บาทได้ จะเหลือเงินคืนเข้าบัญชีเรา 164,200 บาท
10. เข้าอยู่ได้เลยจ้า
ทีนี้เราก็ได้ห้องคอนโดเป็นของตัวเอง พร้อมเข้าอยู่ได้เลยจ้า แต่อย่าลืมนะคะว่า สำหรับห้องเปล่าที่ไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ใดๆ มาด้วยเลยนั้น เราก็ต้องมีเงินสำหรับตกแต่งห้อง ซื้อของเข้าห้อง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งก็ต้องใช้เงินอีกก้อนใหญ่เลยทีเดียวค่ะ ยิ่งถ้าจะ Built-in ด้วยนั้น ต้องมีงบหลักแสนขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าหากใครจะตกแต่งห้องแบบ Built-in มีการเจาะ ตอก ที่กระทบกับโครงสร้างอาคารจำเป็นที่จะต้องแจ้งกับทางนิติบุคคลก่อน และส่งแบบที่เราจะต่อเติม หลังจากนั้นก็จะมีการวางเงินมัดจำค่าเสียหายของส่วนกลางระหว่างตกแต่งต่อเติม เพราะบางทีช่างอาจจะทำสีหกบริเวณโถงทางเดิน ทำผนังส่วนกลางเป็นรอยจากการขนย้ายสิ่งก่อสร้างเป็นต้น
และยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นโครงการที่มีคนเข้าอยู่แล้ว (ต้องรักษาความปลอดภัยและควบคุมเรื่องเสียงและกลิ่น) ช่างที่เข้ามาตกแต่งต่อเติมจะต้องขออนุญาตเข้าโครงการทุกครั้งกับนิติบุคคล มีช่วงเวลาทำงานกำหนดที่ชัดเจน เช่น จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 12.00 และ 13.00-16.00 เป็นต้น หลังจากนั้นห้ามทำงานเด็ดขาดมิฉะนั้นจะโดนปรับได้ค่ะ ส่วนวันหยุดหากไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน อาทิ ไฟดับ น้ำรั่ว สามารถซ่อมได้ นอกเหนือจากนี้ไม่มีสิทธิ์ เพราะวันหยุดเป็นวันที่ลูกบ้านต้องพักผ่อน
อย่างไรก็ตามก็มีหลายโครงการที่มีโปรโมชั่นให้ฟรีหลายรายการ ก็จะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกเยอะ เพราะฉะนั้น ก่อนเราจะซื้อคอนโด เราต้องมีเงินก้อนอยู่ประมาณนึงก่อนค่ะ และโปรโมชั่นดีๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดเหมือนกันค่ะ
สรุปเหตุการณ์สมมติทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มค้นหาโครงการ เข้าเยี่ยมชมโครงการ จอง ทำสัญญา ยื่นกู้ วันโอนกรรมสิทธิ์ มาจนถึงย้ายเข้าอยู่ มีค่าใช้จ่ายหลักๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 395,800 บาท
หมายเหตุ
  1. เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติตัวเลขตามขั้นตอนปกติเท่านั้น ในเหตุการณ์จริง อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของโครงการ กรุณาสอบถามรายละเอียดจากพนักงานขายของโครงการนั้นๆ อีกครั้งหนึ่ง
  2. ค่าใช้จ่ายในบางส่วนของแต่ละโครงการ อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการตกลงกันกับทางโครงการและธนาคาร
  3. เหตุการณ์นี้ใช้กับคอนโดใหม่ที่กำลังก่อสร้างเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งจะไม่มีการผ่อนดาวน์
  4. เหตุการณ์นี้เหมาะสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรก เพราะสามารถกู้ได้ 90-100% ของราคาขาย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางการเงินของผู้กู้ด้วยเช่นกันค่ะ (อ่าน กู้ซื้อบ้าน-คอนโด หลายหลัง ปีหน้าต้องวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้นแค่ไหน ?)
แท็กที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการซื้อคอนโด ซื้อคอนโดครั้งแรก
Condo Guru
เขียนโดย พชรธรณ์ ถิ่นสอน Condo Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)