เส้นทางที่ 2 - ขาออกโครงการ
2. การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS (สถานีพร้อมพงษ์)
BTS พร้อมพงษ์เป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด มีระยะทาง 700 เมตร จากสถานีไปถึงตัวโครงการ
เริ่มต้นกันที่สถานีพร้อมพงษ์ ที่ไฮโซที่สุดในตอนนี้เลย ซึ่งปัจจุบันได้รับการตกแต่งให้ภายในสถานีดูโอ่อ่า
น่าเดินมากยิ่งขึ้น โดยรื้อเอาร้านค้าเช่าออก และปรับภูมิทัศน์ให้เป็นลานแสดงนิทรรศการและงานศิลปะต่อไปค่ะ เดินออกมาตาม Sky Walk ที่กลุ่มเดอะมอลล์ได้จับมือร่วมกันระหว่าง กทม.และ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ
ทำทางเชื่อมเข้าสู่ประตูของศูนย์การค้าทั้งสามภายใต้ชื่อ The Em District และ Noble BE33 ก็ใช้ทางเชื่อมนี้
เพื่อไปยังโครงการได้อย่างสะดวกสบาย โดยเลือกทางออกที่ 5 ค่ะ
เดินเลี้ยวไปตามทางเลยนะคะ
เดินลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เตรียมลุยกันเลยค่ะ
สิ่งแรกที่เห็นคือป้ายรถเมล์ ส่วนใหญ่รถเมล์ที่วิ่งจากจุดนี้จะไปสิ้นสุดที่ ปากคลองตลาด,
สมุทรปราการ, ม.รามคำแหง และกล้วยน้ำไทค่ะ
เดินเลียบฟุตบาทมาเรื่อยๆ จะเจอทางเข้า Japanese Town ตรงซอยสุขุมวิท 33/1 ค่ะ ซอยนี้มีความยาวเพียงแค่ 200-250 เมตรเท่านั้น แต่ความน่าสนใจก็คือกลิ่นไอแบบญี่ปุ่น ที่มีแต่คนญี่ปุ่นเดิน
สวนกันแทบทั้งวัน รวมถึงมีเด็กๆ ที่เดินมากับคุณแม่ หรือซ้อนท้ายจักรยานมาน่ารักทีเดียวค่ะ
ภายในซอยก็จะประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารเกี่ยวกับญี่ปุ่นทั้งหมด
กลับออกมาที่ริมถนนค่ะ ป้ายเหลืองคือร้านหนังสือญี่ปุ่น Sun Books
มีร้าน SUBWAY เปิด 24 ชม. ด้วยค่ะ
Villa Market เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายสินค้า, อาหารสำเร็จรูป และอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ
ถ้าไม่เสียเวลาไปกับการเดินซื้ออาหาร หรือขนมนมเนยต่างๆ ก็จะใช้เวลาเดินจากรถไฟฟ้ามาถึงปาก
ซอยสุขุมวิท 33 ประมาณ 5-6 นาทีเท่านั้นค่ะ ตรงปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการด้วยค่ะ
ระบุค่าบริการคิดเป็นระยะทางตามนโยบายของ คสช.
มีร้าน Family Mart ที่ปรับปรุงโฉมใหม่ภายในมีไก่ทอด Fami Chicken, กาแฟสด Famima Cafe,
ไอศกรีมการิการิคุง, Ice Candy นอกจากนี้ยังมี Mister Donut และเบเกอร์รี่อบสด รวมถึงข้าวปั้นโอนิกิริ
และKitchen-in อาหารสุด Premium จากครัว Betrago มีให้เลือกหลากหลายจริงๆ ค่ะ ทำให้น่าเข้าขึ้นเยอะเลย
ภายในซอยก็ยังมี CP Fresh Mart จำหน่ายอาหารสด และอาหารสำเร็จรูป
ประเภทเนื้อหมู เนื้อไก่ ไส้กรอก ข้าวสาร และอาหารแช่แข็งค่ะ
ซอยนี้เป็นถนน 2 เลน ที่ค่อนข้างแคบเลยค่ะ ช่วงกลางวันยังพอมีรถขับสวนกันได้ดี แต่ค่ำๆ จะแน่นหน่อย
เนื่องจากถนนทั้ง 2 ฝั่งมีร้านค้า ร้านอาหารแทบตลอดทั้งซอย จึงทำให้มีรถจอดแวะซื้อของกันบ่อยเลยค่ะ
ก่อนถึงตัวโครงการตึกสีเขียวนี้เป็น Beverly 33 คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น
ติดกันกับ Beverly 33 ก็ถึงสำนักงานขายและที่ตั้งของ Noble BE33 แล้วค่ะ สภาพแวดล้อมใกล้เคียงและการจราจร
สภาพแวดล้อมใกล้เคียง
ในส่วนของสภาพแวดล้อมใกล้เคียง คงจะต้องกล่าวถึงโปรเจค The EM District เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นศูนย์กลาง-ย่านช้อปปิ้งแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท และย่านการค้าขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของอาเซียน ที่จะรวมเอาโรงแรม ออฟฟิศและความบันเทิง มาไว้ที่เดียวกัน ดังนั้น Noble BE33 จึงอาจเป็นคอนโดมิเนียมที่น่าอิจฉามากที่สุดในขณะนี้ และเรียกได้ว่าเด่นในเรื่องของทำเลมากจริงๆ ค่ะ
บนเนื้อที่รวม 50 ไร่ ของอาณาจักร The Em District มีอะไรน่าสนใจบ้าง ที่เรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางของชาวสุขุมวิท (The Epicenter of Sukhumvit)
- The Emporium (ดิ เอ็มโพเรียม) เปิดตัวเมื่อปี 1997 เป็นศูนย์การค้าหลักในกลุ่มดิ เอ็มดิสทริค บริหารงานโดยกลุ่มเดอะมอลล์ เช่นเดียวกับเดอะมอลล์ และสยามพารากอน แบ่งออกเป็น 2 อาคาร แยกกันระหว่างศูนย์การค้า กับอาคารสำนักงานให้เช่า เน้นความสำคัญกับตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ และลูกค้าระดับสูง เปิดให้บริการเมื่อปี 2540
- The EmQuartier (ดิ เอ็มควอเทียร์) เป็นศูนย์การค้าแห่งที่สองในกลุ่มดิ เอ็มดิสทริค เปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา มี 3 อาคาร มีความสูง 11, 45 และ 7 ชั้น ตามลำดับ ซึ่งประกอบไปด้วยศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ และอาคารสำนักงาน หันหน้าชนกันกับดิ เอ็มโพเรียม เน้นความสำคัญกับตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ และลูกค้าระดับกลางถึงสูง เช่นเดียวกับสยามพารากอน
- The Emspere (ดิ เอ็มสเฟียร์) จะเป็นโครงการส่วนต่อขยายโครงการที่สาม และจะเป็นโครงการสุดท้ายของดิ เอ็มดิสทริค ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 24 และ ซอยสุขุมวิท 26 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการปรับพื้นที่เตรียมก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2560
แผนที่สภาพแวดล้อม และโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณรอบโครงการ
ถ้าหันหลังให้โครงการด้านหน้าจะเป็นอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น
ห้องที่อยู่มุมสุดทางขวามือเป็นร้านขายของชำ มีสินค้าหลากหลายเทียบเท่า 7-11 ได้เลยค่ะ
เราจะเดินไปทางซ้ายมือของโครงการกันนะคะ ร้านแรกที่เห็นบ้านอีสานเมืองยศ
ขายอาหารพื้นเมืองชวนแซ่บทุกเมนูค่ะ
ติดกันเป็น Top Up 33 เป็นร้านสไตล์ Lounge and Restaurant
โทโมเอะ คลับ และ ซึบากิ
คลับ เป็นร้านนั่งดื่ม+คาราโอเกะ เป็นร้านที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่นค่ะ The Fat Beagle Cafe & Bake Shoppe เป็นร้านเล็กๆ ขายขนมเค้ก และเครื่องดื่ม เมนูห้ามพลาดของที่นี่คือ
Peanut Butter Brownie Bite อร่อยจริงๆ ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็น Ap Apartments Suites ด้านล่างมี Tops Supermarket ด้วยค่ะ
รูปแบบตึก และตัวโครงการโดยรวม
โครงการ "Noble BE33" (โนเบิล บีเทอร์ตี้ทรี) เป็นคอนโด High-Rise สูง 31 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มียูนิตพักอาศียเพียง 277 ยูนิต พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน 5 ชั้น ตั้งอยู่บนขนาดที่ดิน 2-0-5.9 ไร่ ลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า อาคารรูปทรงตัว I ออกแบบสไตล์ Modern เรียบหรูตามแบบฉบับเฉพาะของโนเบิล ลักษณะห้องพักอาศัยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะเป็นวิวสุขุวิท และทิศตะวันตกซึ่งเป็นวิวอโศก ซึ่งทั้ง 2 ทิศค่อนข้างเป็นวิวเปิดโล่ง สิ่งอำนวยความสะดวกจะอยู่ที่ชั้น G และชั้นที่ 29 ของโครงการ มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และลิฟต์บริการ 1 ตัว อัตราการใช้ลิฟต์เฉลี่ยอยู่ที่ 138:1 เวลาเร่งด่วนอาจต้องรอนานหน่อย
โมเดลโครงการมุมมองจากทิศตะวันออก ติดถนนซอยสุขุมวิท 33
โมเดลโครงการมุมมองจากทิศเหนือ ติดร้านอาหารความสูงประมาณ 2 ชั้น
โมเดลโครงการมุมมองจากทิศตะวันตก ติดอาคารพักอาศัยสูงประมาณ 2 ชั้นเช่นกัน
โมเดลโครงการมุมมองจากทิศใต้ ติดคอนโด เบเวอรี่ 33 ความสูง 8 ชั้น
ย้ายมาดู Master Plan ของโครงการ Noble BE33 กันค่ะ มาดูซิว่าแต่ละชั้นมีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
Master Plan ชั้น G มี Lobby, Semi-Outdoor Lounge, ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว, ลิฟต์บริการ 1 ตัว และพื้นที่สวนสีเขียว
ส่วนที่จอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน (ชั้น B1 - B5) โดยทางขึ้น-ลงจะอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวอาคาร
Master Plan ชั้น 2-8 จะเป็นส่วนพักอาศัย มียูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 12 ยูนิต แบ่งเป็นห้องแบบ 2 ห้อง จำนวน 2 ยูนิต จะอยู่ด้านมุมอาคารฝั่งทิศใต้ของอาคาร และที่เหลืออีก 10 ยูนิตเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน
Master Plan ชั้น 9-17 จะเหมือนกันคือเป็นส่วนพักอาศัยมียูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 10 ยูนิต
แบ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน
Master Plan ชั้น 18-28 จะเหมือนกันคือเป็นส่วนพักอาศัยมียูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 9 ยูนิต
แบ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน
Master Plan ชั้น 29 เป็นส่วนของ Facility ประกอบด้วย ส่วนของสระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส, ห้องสตรีมแยกชายหญิง,
ห้องอเนกประสงค์ และ Semi-Outdoor Lounge
Master Plan ชั้น 30-31 จะเหมือนกันคือเป็นส่วนพักอาศัย ซึ่งเป็นห้องแบบ Penthouse มีเพียงชั้นละ 2 ยูนิตเท่านั้น
และนี่เป็นตัวอย่างภาพบรรยากาศวิวจากชั้น 31 ของโครงการ Noble BE33 ค่ะ ไปดูกันว่าวิวของแต่ละทิศเป็นอย่างไรกันบ้างเริ่มจาก
ภาพบรรยากาศ วิวฝั่งทิศตะวันออก
ภาพบรรยากาศ วิวฝั่งทิศเหนือ
ภาพบรรยากาศ วิวฝั่งทิศตะวันตก
ภาพบรรยากาศ วิวฝั่งทิศใต้
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกเรียกได้ว่าเป็นระดับพรีเมียมเลยทีเดียว ซึ่งทางโครงการจัดมาให้ลูกบ้านแบบพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป จะอยู่บริเวณชั้น G ซึ่งกระจายอยู่บริเวณรอบๆ โครงการ และบริเวณชั้น 29 ของอาคาร โดยสิ่งที่ทางโครงการให้มาประกอบด้วย
Lobby ด้านหน้า Lobby ด้านในแบบ Semi-Outdoor สวนส่วนกลางชั้น G, ชั้น 29 และชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ ห้องสตรีมแยกชายหญิง ห้องอเนกประสงค์ (Multipurpose) ห้องอบไอน้ำ (Steam Room) แยกชายหญิง ห้องจดหมาย ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และลิฟต์บริการ 1 ตัว ระบบควบคุมความปลอดภัยในการเข้า-ออกด้วยระบบคีย์การ์ด กล้องวงจรปิด CCTV พนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ที่จอดรถบริเวณชั้นใต้ดิน 5 ชั้น รวม 67% หรือประมาณ 187 คัน จากประตูทางเข้าขับตรงเข้ามาแล้วเลี้ยววนทางซ้ายมือเพื่อเข้าจุด Drop off บริเวณหน้า Lobby
ที่เป็นกระจกใสทรงโค้งนั้นคือส่วนของ Lobby ค่ะ ซึ่งสามารถมองเห็นพื้นที่สวนสีเขียวด้านนอก ส่วนที่เห็นทางขวามือนั่นเป็นส่วนของ Lobby ด้านใน ที่ดีไซน์ออกมาเป็นแบบ Semi-outdoor เชื่อมต่อกับสระน้ำด้านหน้าโครงการและสวนสีเขียว สำหรับเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนของโครงการ
จากมุม Drop off ขับตรงมาแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปจอดรถบริเวณชั้นใต้ดิน ซึ่งทางขึ้นลงจะอยู่ด้านหลังของอาคาร
ประตูทางขึ้น-ลงไปสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินชั้น B1-B5 แยกเป็น 2 ประตูแบบนี้ค่ะ
สระว่ายแบบ Lap Pool บนชั้น 29 ของอาคาร ด้านข้างสระมีเตียงสำหรับนอนอาบแดด และมีสวนหย่อมมาให้ด้วยอีก 2 จุด
นอกจากนี้ชั้น 29 ยังมีในส่วนของห้องสตรีม, ห้องฟิตเนส และห้อง Semi-Outdoor Lounge
ภาพจำลองสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool บนชั้น 29
ภาพจำลอง Sky Fitness พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครันบนชั้น 29 มองเห็นวิวอโศก
ภาพจำลอง Lobby ภายใต้กรอบกระจกใส
ภาพจำลองสวนสีเขียวมุมมองจาก Lobby
ภาพจำลอง Semi-Outdoor Lounge หรือส่วน Lobby ด้านใน
ภาพจำลองสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับส่วนของ Semi-Outdoor Lounge
ภาพห้องตัวอย่างและ Lay Out
ห้องของโครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วน อาทิ ชุดเคาน์เตอร์ครัวแบบ Built-in พร้อมกับเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน รวมทั้งไมโครเวฟ และตู้เย็นแบบ Built-in ด้วย (ยกเว้นเครื่องซักผ้า) วอลเปเปอร์ห้องจริงเป็นฉาบเรียบสีขาวนะคะ โดยห้องของโครงการนี้เค้าโดดเด่นกว่าโครงการอื่นตรงที่ เป็นห้องทีมีเพดานสูงถึง 2.75 เมตร มีระเบียงทุกห้อง ซึ่งประตูที่ระเบียงก็สูงจรดฝ้าเลยทีเดียว โดยมีความสูงอยู่ที่ 2.95 เมตร พร้อมทั้งซ่อนรางผ้าม่านมาให้ด้วย ทำให้ห้องของที่นี่ดูสูงโปร่ง มีแสงสว่างค่อนข้างมาก และดูสบายไม่อึดอัดค่ะ โดยห้องของโครงการนี้แบ่งออกเป็น 4 แบบ ด้วยกัน
- ห้องแบบ 1 ห้องนอน (1 ห้องนอน, 1 ห้องน้ำ, 1 ห้องครัว) พื้นที่ใช้สอย 34 - 43 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมตัวอย่างแปลนห้องขนาดใหญ่) - ห้องแบบ 2 ห้องนอน (2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 1 ห้องครัว) พื้นที่ใช้สอย 51 - 69 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมตัวอย่างแปลนห้องขนาดใหญ่) - ห้องแบบ 3 ห้องนอน (3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องครัว) พื้นที่ใช้สอย 76 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมแปลนห้องขนาดใหญ่) - ห้องแบบ Penthouse (2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 1 ห้องครัว) พื้นที่ใช้สอย 109 - 139 ตร.ม.
(คลิกเพื่อชมตัวอย่างแปลนห้องขนาดใหญ่)
ห้องตัวอย่างที่ Sale Office จะมีให้ชมด้วยกัน 2 ห้อง คือแบบ 1 ห้อง และแบบ 3 ห้องนอน เดี๋ยวเราไปสำรวจกันทีละห้องเลยนะคะ เริ่มจาก
1) ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34.72 ตร.ม.
Layout ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34.72 ตร.ม. มี 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และ 1 ห้องครัว (แบบเปิด)
ประตูหน้าห้องเป็นประตูลายไม้บานสูง ขนาด 2.4 x 0.9 เมตร
ระบบ Digital Door Lock ระบบ Access Control โดยใช้ระบบ Key Card ผ่านเข้าอาคารและลานจอดรถได้ในบัตรเดียว
ด้านในประตูเป็นมือจับแบบก้านโยก
พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้หนา 10 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริง
ด้านหลังประตูติดตั้งที่กันประตูกระแทกมาให้ด้วย ส่วนชั้นวางของสีขาวที่ผนังของจริงไม่มีให้นะคะ
ห้องจริงจะได้แอร์แบบฝังฝ้า 1 ตัว จะอยู่บริเวณประตูทางเข้าห้อง โดยจะ Drop ฝ้าลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร
นอกจากนี้ห้องแบบ 1 ห้องนอนยังได้แอร์แบบติดผนังให้อีก 1 ตัว
เปิดเข้ามาจะกับส่วนของเคาน์เตอร์ครัว Built-in โทนสีขาวเรียบหรูดูดีแบบนี้ค่ะ หน้า Top เป็นหินเทียม
พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าครบชุด ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว
และไมโครเวฟ พร้อมตู้เย็นแบบ Built-in (ยกเว้นเครื่องซักผ้า)
ตู้เย็น Built-in ของ Smeg เปิดมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ เรียบหรูดูดีมีดีไซน์สวยงามมากค่ะ
เหนือตู้เย็นเป็นช่องอเนกประสงค์อีก 1 ช่อง
เคาน์เตอร์ครัวมีช่องเก็บของมาให้ด้วยทั้งด้านบนและด้านล่าง ด้านบนเป็นตู้เก็บของแบบนี้
บานพับแบบ Soft Close จำนวน 3 บาน ด้านในเป็นพาร์ติเคิลบอร์ด หน้าบานเคลือบด้วยผิว PVC ดูแลค่อนข้างง่าย
Built-in ไมโครเวฟมาให้ด้วยแบบนี้
ด้านล่างเป็นแบบบานเปิด 2 บาน และมีลิ้นชักใส่ของอีก 3 ชั้น ตามนี้
อ่างล้างจานสแตนเลสแบบ 1 หลุมของ Smeg ก๊อกน้ำของ Mex
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว ของ Smeg
เครื่องดูดควันก็เป็นของ Smeg เช่นกันค่ะ
มีช่องเก็บถังขยะมาให้ด้วยแบบนี้ค่ะ
เยื้องๆ กับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นส่วนของมุมทานข้าว
สามารถวางโต๊ะทานข้าวได้แบบ 4 ที่นั่ง ส่วนแอร์ฝังฝ้าที่เห็นด้านบนห้องจริงไม่ได้ให้มานะคะ
ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area สามารถวางโซฟาแบบ L-Shape สำหรับ 4 ที่นั่งได้ ซึ่งมุมนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียง
เป็นประตูกระจกบานสไลด์ 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีดำ สูงจรดฝ้าซึ่งมีความสูงถึง 2.95 เมตร
ข้อดีคือสามารถซ่อนรางผ้าม่านเพิ่มความสวยงามและความเรียบร้อยให้กับห้อง
ตัวล็อคประตูกระจกตามนี้
ธรณีประตูบริเวณระเบียงนี้สูง 10 ซม. พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องโมเสคสีดำ
ราวระเบียงกันตกสูง 1.2 เมตร มีพื้นที่จัดเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านข้างของระเบียง เป่าลมร้อนออกนอกอาคาร
สามารถเปิด-ปิดได้ เพิ่มความสะดวกกรณีที่ต้องซ่อมบำรุง
ย้ายเข้าไปดูห้องนอนกันค่ะ ผนังกั้นห้องของจริงเป็นฉาบเรียบสีขาว ภายในห้องนอน ห้องขายจริงจะเป็นห้องเปล่า
แต่จะมี Walk in closet มาให้
เข้ามาในห้องจะเจอเตียงวางอยู่ตรงกลาง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต
ยังพอมีพื้นที่เหลือสำหรับเดินปลายเตียงอีกพอสมควร
ด้านข้างเตียงมีระเบียงอีก 1 จุด ประตูสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.95 เมตร เช่นกัน
และซ่อนราวม่านเพื่อความสวยงามเช่นเคย
ด้านข้างของเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ด้วย ส่วน
ปลั๊กไฟที่เห็นบริเวณข้างหัวเตียง
ของจริงจะไม่ได้อยู่ที่พื้นแบบนี้นะคะ จะติดผนังมาให้แทน ธรณีประตูห้องนอนสูง 10 ซม. เช่นกัน ปูด้วยกระเบื้องโมเสค
นอกระเบียงมีพื้นที่จัดเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านข้างของระเบียงเช่นกัน
เดี่ยวเราไปดูในส่วนของ Walk in closet กันบ้างค่ะ ด้านหน้าทางเข้าที่เห็นเป็นเพียงของตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียนะคะ
ของจริงจะเป็นผนังสีขาวฉาบเรียบสีขาว ประตูสำเร็จรูปลายไม้ค่ะ
Walk in closet ที่ได้จะเป็นรูปทรง L-Shape แบบนี้ แต่วัสดุที่ได้จะเป็นกระจกสีขาวขุ่น กรอบพาวเดอร์โค้ท
ห้องน้ำที่ได้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ ยกเว้นผนังด้านหน้าของน้ำที่จะเป็นฉาบเรียบสีขาวเท่านั้น
พื้นห้องน้ำ Drop ลงไป 5 ซม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านลายไม้ขนาด 60 x 60 ซม.
สำหรับห้อง Master Bedroom โถสุขภัณฑ์จะพิเศษกว่าห้องอื่นๆ
ตรงที่จะได้เป็นแบบ Washless เหมือนชักโครกของญี่ปุ่น
ในห้องน้ำมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พร้อมไฟซ่อนทั้งด้านบนและด้านล่างของกระจก
กระจกเงาเปิดได้ด้วยนะคะ ด้านในจะเป็นชั้นวางของ สำหรับวางของใช้ในห้องน้ำ หรือเครื่องสำอางของคุณผู้หญิงได้เลย
หน้า Top ของเคาน์เตอร์ในห้องน้ำเป็นหินอ่อนทั้งแผ่นไร้รอยต่อ หรูหราแข็งแรง
และทำความสะอาดง่าย ส่วนอ่างล้างหน้าของ TOTO ค่ะ
นอกจากนี้ยังได้ฝักบัวแบบก้านแข็ง พร้อม Rain Shower ของ TOTO ด้วย
ฝักบัว และ Rain Shower หน้าตาแบบนี้ค่ะ
2) ห้องแบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76.82 ตร.ม.
Layout ห้องแบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76.82 ตร.ม. มี 3 ห้องน้ำ 3 ห้องนั่งเล่น และ 1 ห้องครัว (แบบเปิด)
ประตูลายไม้บานสูงขนาด 2.4 x 0.9 เมตร
ระบบ Digital Door Lock ระบบ Access Control ด้านในเป็นมือจับแบบก้านโยกเหมือนห้องที่แล้ว
ด้านหลังประตูมีตัวกันกระแทก
เปิดเข้ามาจะเจอกับโถงทางเดิน ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งตกแต่ง Built-in เป็นตู้เก็บของให้ดูเป็นไอเดียแบบนี้
เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของใช้ต่างๆ
ห้องครัวเป็นแบบครัวเปิด พื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก อยู่ทางฝั่งขวาค่ะ
พื้นที่ใช้สอยบริเวณครัวขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่มาก พร้อมชุดเครื่องครัว Built-in
รูปทรงตัว L ตามนี้ค่ะ มีลิ้นชักใส่ของทั้งด้านล่างและด้านบน อาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการทำครัวแบบจริงจัง หรืออาจจะซื้ออาหารจากข้างนอกเข้ามาอุ่นเล็กๆ น้อยๆ
เครื่องซักผ้าทางโครงการไม่ได้ให้นะคะ สำหรับเครื่องซักผ้าแนะนำให้ใช้เป็นแบบฝาหน้า และยิ่งมีระบบอบผ้าในตัว
จะยิ่งดีมากเลยค่ะ เพราะระเบียงสำหรับใช้งานของโครงการนี้อาจจะค่อนข้างเล็กไปซักนิด
ส่วนด้านข้างติดกันเป็นตู้เย็นแบบ Built-in ค่ะ
ให้เตาอบอยู่ทางฝั่งซ้ายของครัว เหนือตำแหน่งเครื่องซักผ้า ด้านบนมีตู้เก็บของให้มาด้วย แต่อยู่ค่อนข้างสูงไปซักหน่อย สำหรับผู้หญิงตัวเล็ก อาจจะหยิบจับไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
บานพับเป็นแบบ Soft Close เปิดออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ปลั๊กและสวิตช์ไฟของ Bticino
ที่ดูควันของ Smeg
ล้างจานเป็นแบบหลุมเดียว ยี่ห้อ Smeg ก็อกน้ำ ยี่ห้อ Mex พร้อมผนังเคาน์เตอร์ครัวแบบกระจกง่ายต่อการทำความสะอาด
เดินเข้ามาบริเวณกลางห้องจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทานข้าว ซึ่งสามารถวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้
ส่วนห้องนอนจะแยกอยู่ที่แต่ละมุมห้องตามนี้ค่ะ
นี่เป็นห้องนอนเล็กค่ะ วางเตียงแบบ 3.5 ฟุต สำหรับเป็นห้องนอนของแขกที่มาเยี่ยมที่บ้าน
หรือจะตกแต่งทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่นก็ได้ ห้องนี้มีตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย 1 ใบ พร้อมระเบียง
เชื่อมต่อกับส่วนของห้องน้ำแบบ Double Access สามารถเข้าจากในห้องได้เลย
ห้องน้ำในจุดนี้จะเป็นแบบ Double Access คือสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากฝั่งของห้องนอนเล็ก
และจากฝั่งของส่วนรับแขกด้านนอก พื้นห้องน้ำ Drop ลงไป 3 ซม.
สุขภัณฑ์ของ TOTO เหมือนห้องที่แล้ว ต่างกันตรงโถสุขภัณฑ์ห้องนี้จะเป็นแบบธรรมดาไม่ใช่แบบ Washless
ห้องนี้มี Shower Box มาให้ด้วย ของจริงจะ Drop พื้นลงไปอีก 5 ซม.
ประตูแบบเปิดเข้าด้านในเวลาที่เปิดประตูระวังก้านจับชนกระจกนิดนึงนะคะ ได้ Rain Shower และฝักบัว แบบนี้ค่ะ
ตรงข้าม Shower Box เป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อน
กระจกสามารถเปิดออกได้เช่นกัน
ย้ายไปดูห้องนอนใหญ่กันบ้างค่ะ
ระหว่างห้องนอนใหญ่กับห้องนอนแบบ Master Bedroom จะเป็นส่วนของ Living Area ค่ะ
จุดนี้ก็มีระเบียง ความสูงของประตู 2.95 เมตร พร้อมซ่อนรางผ่าม่านให้เหมือนกัน
เข้ามาจะเจอกับเตียงนอนซึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้องด้านนี้
ผนังปลายเตียงห้องจริงเป็นฉาบเรียบสีขาวนะคะ
ข้างเตียงมีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะหัวเตียง
ระเบียงด้านนอกเหมือนกันกับห้องที่แล้ว มีคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่ทางด้านขวาของระเบียง
ย้ายเข้าไปดูในห้องน้ำกันค่ะ ด้านหน้าที่เห็นเป็นตู้เสื้อผ้าเป็นเพียงของตกแต่งที่ทางโครงการออกแบบให้ดูเป็นไอเดียเท่านั้น
เพราะว่าห้องจริงตู้เสื้อผ้าจะอยู่ฝั่งเดียวกับหัวเตียงประมาณตรงนี้ค่ะ
สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ TOTO พร้อมอ่างอาบน้ำ และกระจกเงาเปิดได้เหมือนกัน
ไปดูห้องสุดท้ายกันค่ะ นั้นคือห้อง Master bedroom
ด้านหัวเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กๆ ได้ทั้ง 2 ข้าง
มีคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของระเบียง
ได้ตู้เสื้อผ้าตามแบบนี้เลย เปิด-ปิดออกมาหน้าตาประมาณนี้
สุขภัณฑ์มาตรฐานเหมือนกัน แต่ได้โถสุขภัณฑ์แบบ Washless
ได้ฝักบัวตามนี้
และห้องนี้ก็ยังได้อ่างอาบน้ำด้วยเช่นกัน
ราคาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยประมาณ (26 พ.ค. 58)