รีวิว 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์ (15 Sukhumvit Residences)
ภาพรวมโครงการ |
ประเภทโครงการ: คอนโดมิเนียมหรู 1 อาคาร สูง 25 ชั้น ระดับราคา: ประมาณตั้งแต่ 122,000 บาท/ ตร.ม. (มิ.ย 56) สถานที่ตั้ง: สุขุมวิทช่วงต้นระหว่างซอยสุขุมวิท 13 และ 15 เริ่มเปิดขาย: พฤษภาคม 2554 ได้รับ EIA Approval แล้วเมื่อ 21 มีนาคม 2554 สถานะรีวิว: วันที่รีวิว 22 พฤษภาคม 2556 งานโครงสร้างอาคารแล้วเสร็จกว่า 90% พร้อมส่งมอบห้องในเดือนกรกฎาคม 2556 ให้กับผู้ซื้อชุดแรก |
บริษัท วีเอสเอสแอล เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด เป็นบริษัทจำกัดที่มีทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 36 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เขตสาทร เป็นบริษัทในกลุ่มของ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศอย่าง "เดอะ โคโลเนียล เขาเต่า หัวหิน" และคอนโดใหม่ที่ยังเปิดขายอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ชื่อ "สาทร เฮอริเทจ คอนโดมิเนียม" โดยโครงการ 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์ มีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท และผู้ให้สินเชื่อโครงการนี้คือ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ส่วนผู้รับเหมาก่อสร้างคือ บริษัท คอนสตรัคชั่น ไลน์ จำกัด โดยผลงาน หรือโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ของผู้รับเหมารายนี้มีอยู่หลายโครงการพอสมควร เช่น โครงการบ้านแสนงามของแสนสิริ โครงการ Rhythm Sathorn ของ AP และ Crest Paholyothin 11 ของ SC Asset เป็นต้น
ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง: 4 ดาว
โครงการ 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่ช่วงต้นสุขุมวิท เป็นโครงการที่คร่อม 2 ซอยระหว่างซอยสุขุมวิท 13 กับซอยสุขุมวิท 15 (ซอยร่วมใจ) และสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ทั้งสองซอย โดยมีระยะทางจากปากซอยถึงโครงการประมาณ 280 เมตร
แผนที่แสดงที่ตั้งโครงการ 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์
เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ
สำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าจะค่อนข้างสะดวก เพราะทำเลที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา กับสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพชรบุรีได้อีกด้วย ดังนั้นทางเลือกของคนที่ไม่ต้องการใช้รถที่อยู่โครงการนี้ก็เลยหลากหลาย หากขี้เกียจเดินก็เรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ในซอย 13 ให้ไปส่งที่ปากซอยสนนราคาอยู่ที่ 15 บาท ถ้านั่งยาวๆ ไปลงปากซอย 19 เพื่อไปต่อรถไฟฟ้า BTS อโศก ก็คิด 30 บาท สะดวกสบายรวดเร็วดี แต่จริงๆ ระยะทางประมาณนี้ ถ้าไม่รีบร้อนก็สามารถเดินไปมาระหว่างคอนโดกับรถไฟฟ้าได้ แต่ต้องระวังนิดหน่อยเพราะทางเท้าทั้งในซอย 13 และ 15 ค่อนข้างแคบ ส่วนขนส่งสาธารณะอีกอย่างที่สามารถเลือกใช้ได้ก็คือเรือด่วน เพราะจากโครงการเดินเข้าไปสุดซอย 15 จะมีท่าเรือด่วนชื่อ "ท่านานาชาติ" ให้บริการตามเวลาอยู่ หลายคนที่เคยใช้บริการบอกว่าเดินทางได้รวดเร็วดี
ทำเลที่ตั้งที่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา (ประมาณ 550 เมตร) และสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก (ประมาณ 650 เมตร) |
ห่างจากโครงการประมาณ 700 เมตรจะมีบริการเรือด่วนคลองแสนแสบที่ท่าเรือ "นานาชาติ" ตรงสุดซอยสุขุมวิท 15
เดินทางเข้า-ออกด้วยรถส่วนตัว
ถนนในซอยสุขุมวิททั้ง 13 และ 15 กว้าง 2 เลน แบบวิ่งสวนไปมาได้พอดีๆ แต่โชคดีว่าซอยสุขุมวิทในช่วงต้นนี้มีทางเลือกในการใช้รถได้สะดวก เพราะเต็มไปด้วยทางลัดที่เชื่อมต่อกันให้เราสามารถวิ่งรถเข้า และออกจากซอยโครงการไปสู่ถนนเส้นทางอื่นๆ ได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นเส้นนานาเหนือ เพชรบุรีตัดใหม่ และอโศก
นานาเหนือ
ถ้าเราขับรถมาทางถนนประตูน้ำ-เพชรบุรี เราสามารถเข้าคอนโดได้โดยไม่ต้องวิ่งรถไปทางถนนสุขุมวิท เพราะเราสามารถเลี้ยวขวาตรงสี่แยกมักกะสันเพื่อเข้าสู่ถนนนานาเหนือ เมื่อเห็นอาคารมหาจักรให้เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่มีป้ายทางลัดไปอโศก จากนั้นก็ขับไปตามเส้นทางรูปข้างล่างไปเรื่อยๆ
รูปแสดงเส้นทางลัดเข้าสู่โครงการหากมาจากทางประตูน้ำ-เพชรบุรี
ถ้าจะขับรถออกจากคอนโด เราก็สามารถใช้เส้นทางเดิมข้างต้นได้โดยเวลาขับออกจากคอนโดด้านสุขุมวิท 13 ให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปจนถึงท้ายซอยสุขุมวิท 13 ก็วิ่งตามเส้นทางเดิมที่อธิบายข้างบนเป็น Short cut ไปจนถึงนานาเหนือได้ (ตามแผนที่ข้างล่าง) แล้ววิ่งไปตามทางวันเวย์ของนานาเหนือ ก็สามารถเลี้ยวขวาที่แยกไฟแดงเพื่อไปเพลินจิต และขึ้นทางด่วน หรือจะวิ่งเลยไปตรงๆ จนผ่านแยกชิดลมเพื่อไปแยกราชประสงค์ดงห้างดังก็ได้
รูปแผนที่แสดงเส้นทางเข้า-ออกโครงการจากทางถนนนานาเหนือ
อโศก
ถ้าเราขับรถมาจากทางแยกรัชดาภิเษก ให้วิ่งตรงผ่านแยกไฟแดงเข้าสู่ถนนเส้นอโศก-เพชรบุรี เมื่อเห็นตึกแกรมมี่ให้เตรียมเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 21 แยก 1 ก็จะสามารถขับรถมุ่งเข้าสู่คอนโดไปตามทางลัดได้เลย (ตามรูปข้างล่าง)
รูปแสดงเส้นทางลัดจากถนน อโศก-เพชรบุรี เข้าสู่โครงการ ถ้าเราขับรถออกจากโครงการจะไปอโศก ห้าง Robinson หรือไปห้าง Terminal 21 เราก็แค่ขับรถเลี้ยวขวาออกจากคอนโดไปทางต้นซอยสุขุมวิท 15 แล้วขับตามลูกศรข้างล่างนี้ก็จะไปถึงอโศก ห้าง Robinson หรือ Terminal 21 ได้เลย
รูปแผนที่แสดงเส้นทางลัดจากโครงการไปยัง Terminal 21 และถนนอโศก-เพชร
ถนนสุขุมวิท
ถ้าขับรถมาทางสุขุมวิทขาออก เราจะเข้าโครงการได้เลยโดยเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 13 แต่ถ้าวิ่งมาทางสุขุมวิทขาเข้า เราก็ไม่ลำบากเพราะโชคดีที่โครงการนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดกลับรถซึ่งอยู่ตรงช่วงซอยสุขุมวิท 11 พอดี ทำให้เราสามารถกลับรถแล้วชิดซ้ายเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 13 ที่อยู่ถัดไปได้เลย
ขับรถมาทางสุขุมวิทขาเข้าสะดวกเพราะสามารถกลับรถแล้วชิดซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 13 ได้เลย สภาพแวดล้อมใกล้เคียง: 4 ดาว
สุขุมวิทโซนนี้ถือเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูงทั้งอาคารสำนักงานอย่างอาคาร Time Square, อาคาร The Trendy โรงแรมอย่าง The Westin Grand Sukhumvit ห้างสรรพสินค้าทั้งโรบินสัน และ Terminal 21 ที่เต็มไปด้วยร้านค้า และศูนย์อาหารราคาไม่แพงให้สามารถฝากท้องในยามหิว หรือจะแวะเข้าซุปเปอร์เพื่อเลือกซื้อของใช้และของสดเข้าบ้าน ส่วนร้านค้าและแผงลอยริมฟุตบาทจะทยอยเปิดขายในช่วงสาย และยิงยาวไปถึงกลางคืน ดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเดินเล่นในย่านนี้เยอะแยะ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ละแวกนี้จึงไม่เปลี่ยว และมีคนพลุกพล่านตลอดวัน
สถานที่ใกล้เคียงคอนโดแบบเดินไปได้ในย่านสุขุมวิทช่วงต้น
สภาพแวดล้อมในซอยสุขุมวิท 13 ช่วงต้นซอยฝั่งซ้าย (ถ้าเดินเข้าจากถนนสุขุมวิท) กำลังล้อมรั้วก่อสร้างคอนโดโครงการ Hyde Sukhumvit ส่วนข้างทางด้านนี้จะมีแผงลอยขายอาหารตามสั่งตั้งอยู่ ส่วนด้านขวาของซอยเป็นโรงแรมขนาดเล็กชื่อ Miami Hotel ร้านสะดวกซื้อ เขยิบเข้ามาอีกหน่อยคืออาคาร The Trendy ที่เป็นทั้งตึกออฟฟิศ และคอนโด ส่วนชั้นล่างทำเป็น Plaza ร้านอาหาร และมินิมาร์ท ซอยสุขุมวิท 13 นี้เลยหาของกินได้สะดวก ช่วงเช้าคนไม่เยอะแต่จะเริ่มจอแจในช่วงเย็นจนถึงกลางคืนตรงบริเวณแถวๆ ต้นซอย ช่วงกลางซอย และปลายซอยคนจะไม่เยอะเหมือนช่วงต้นซอย
บรรยากาศซอยสุขุมวิท 13 ส่วนสภาพแวดล้อมของซอย 15 ที่เป็นทางเข้าอีกด้านนึง ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมอย่าง Four Points (เครือ Sheraton) หรือโรงแรม Royal Residence ที่อยู่ติดกับคอนโด 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ก็มีเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์อยู่อีกเยอะ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของสองโรงเรียนดังอย่างโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (ระยะทางประมาณ 500 เมตรถึงโครงการ) และโรงเรียนนานาชาติ NIST (ระยะทางประมาณ 530 เมตรถึงโครงการ) ทำให้โดยรวมในซอย 15 จะสงบกว่าซอย 13 ยกเว้นช่วงเวลาเช้า 6.30-8.00 น. และช่วงบ่าย 14.30-16.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเข้าเรียน และเลิกเรียนจึงอาจจอแจได้
บรรยากาศในซอยสุขุมวิท 15 รูปแบบตึกและตัวโครงการโดยรวม: 4 ดาว
โครงการนี้เป็นคอนโดอาคาร สูง 25 ชั้น จำนวนห้องรวม 500 ยูนิต มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัวแยกจากลิฟต์ขนส่ง 1 ตัว ตัวอาคารเป็นตึกเก่าของโรงแรม Ambassador ซึ่งทางบริษัทเจ้าของโครงการได้นำมารีโนเวทใหม่ โดยใช้โครงสร้างตัวอาคารเดิม แต่ตกแต่งเปลี่ยนพื้น เปลี่ยนฝ้า และปรับปรุงระบบใหม่หมด ทั้ง น้ำ ไฟ และทางเดินท่อน้ำทิ้ง ทำให้ยังคงความเป็นคอนโด High Rise ไว้ได้ (เพราะหากปลูกสร้างตึกใหม่ในซอยสุขุมวิทที่ไม่กว้างแบบนี้จะสร้างได้แต่ Low Rise แล้ว) ส่วนในเรื่องของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้นโครงการนี้ได้ EIA เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2554 ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-3-73 ไร่ ถือว่าที่ดินมีขนาดใหญ่พอควรสำหรับทำเลใจกลางเมือง ซึ่งหาที่ดินเปล่านำมาพัฒนาได้ยาก ตัวที่ดินมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบตั้งขวางกินบริเวณเนื้อที่ระหว่างสองซอยคือ สุขุมวิท 13 และ 15 ทำให้มีจุดเด่นคือสามารถเข้า-ออกโครงการได้ทั้งสองซอยนี้เลย
ขั้นล่างสุดปัจจุบันคือสำนักงานขาย เมื่อโครงการสร้างเสร็จจะถูกตกแต่งใหม่และใช้เป็น Lobby
รูปแบบจำลองอาคารอธิบายลักษณะห้องแต่ละชั้น - ชั้นที่ 3-6 เป็นที่จอดรถ มีพื้นที่รวมจอดซ้อนคัน 70% โดยลูกบ้านจะได้สิทธิในการจอดรถแบบไม่ระบุที่ยูนิตละ 1 คัน ยกเว้นยูนิตแบบ 2 ห้องนอนเป็นต้นไปจะได้รับสิทธิในการจอดรถแบบระบุที่จอด
- ชั้นที่ 7 - 10 มีจำนวนยูนิตมากสุด 58-60 ยูนิตต่อชั้น (ชั้น 7-8 มี 60 ยูนิต และ 9-10 มี 58 ยูนิต) โดยเป็นห้องแบบ Studio ขนาด 23.41 และ 28.21 ตร.ม., ห้องแบบ 1 ห้องนอน และห้องแบบ 2 ห้องนอน โดยห้องสตูดิโอขนาดเล็กจะเป็นห้องด้านในที่ไม่เห็นวิวเมือง แต่จะได้วิวสระน้ำตามรูปข้างล่างแทน
- ชั้น 11 เป็นชั้นที่มีความพิเศษอยู่ที่สี่ห้องมุมเป็นห้องแบบ Private Pool Villa ซึ่งมีขนาดพื้นที่ถึง 399.73-619.86 ตร.ม. ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นห้องแบบหนึ่ง สอง และสามห้องนอน รวมทั้งชั้นมีห้องอยู่ 11 ยูนิต
- ชั้น 12-24 มีห้องแบบหนึ่ง สอง และสามห้องนอน โดยจำนวนยูนิตจะน้อยลง อยู่ที่ 19-20 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น (ชั้น 24 มี 20 ยูนิตเพียงชั้นเดียว)
- ชั้น 25 เป็นห้องแบบ Penthouse ขนาด 225-275 ตร.ม. มีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น
เราสามารถดู Layout ของโครงการ 15 Sukhumvit Residences ได้โดยคลิกแต่ละรูปข้างล่างนี้
วิว 360 องศาของโครงการ
โดยรอบบริเวณตึกของคอนโดนี้มีตึกที่สร้างไว้ก่อน และกำลังก่อสร้างอยู่รอบด้าน ดังนั้นถ้าเลือกอยู่ในชั้นที่ไม่ค่อยสูงและมีจำนวนยูนิตเยอะ อย่างชั้น 7-10 เรื่องวิว และความเป็นส่วนตัวของ 3 ชั้นนี้ เราอาจต้องไปดูของจริงให้เห็นก่อนที่จะตัดสินใจ และควรลองให้เซลล์ลองเปิดดูวิวของแต่ละห้องดูว่าห้องไหนไม่โดนตึกบัง และมีความเป็นส่วนตัวบ้าง โดยห้องที่วิวดีๆ ไม่มีตึกบังคงต้องเป็นห้องที่อยู่เกินชั้น 10 ขึ้นไป ซึ่งขนาดห้องเล็กสุดก็จะเป็นห้องแบบหนึ่งห้องนอนขนาด 36 ตร.ม.เป็นอย่างต่ำ เพราะตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นไปจะไม่มีห้อง Studio ตึกที่รายล้อมโครงการอยู่ก็จะมีประมาณในรูปนี้
ภาพจำลองอาคารพร้อมทิศต่างๆ รอบโครงการ 15 สุขุมวิท เรสซิเดนซ์
- ทิศใต้ คือด้านต้นซอยสุขุมวิท ตัวอาคารทางฝั่งซอย 13 จะอยู่ติดกับอาคารของตึกส่วนเตี้ย ซึ่งตึก The Trendy นี้สูง 29 ชั้น และทางฝั่งซอย 15 จะติดกับตึกของโรงแรม Royal President ที่สูง 12 ชั้น
- ทิศเหนือทางด้านท้ายซอยสุขุมวิท ตัวคอนโดทางด้านซอย 13 อยู่ติดกับโรงแรม Citrus Hotel สูง 8 ชั้น และทางด้านซอย 15 จะอยู่เกือบติดกับ Ramada Hotel ที่กำลังสร้างใหม่ความสูงไม่น่าเกิน 8 ชั้น
- ห้องทางฝั่งทิศตะวันออกคือด้านข้างของซอยฝั่งสุขุมวิท 15 วิวฝั่งนี้เจออาคารของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยสูงนักวิวด้านนี้จึงค่อยข้างปลอดโปร่ง
- ทิศตะวันตกคือด้านข้างของฝั่งซอย 13 วิวฝั่งนี้มองไปเยื้องๆ จะเจอโรงแรม Ambasador ที่สูง 26 ชั้น
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก: 4 ดาว
ส่วนกลางของที่นี่ทางโครงการเค้าได้พยายามจัดสรรพื้นที่ และจัดส่วนกลางทุกอย่างมาให้ลูกบ้านได้ใช้อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ โดยมีคลับเฮ้าส์และห้องสมุดอยู่ที่ชั้น 7 ฟิตเนสลอยฟ้าพร้อมเครื่องออกกำลังกายที่ชั้น 8 และสระว่ายน้ำแบบน้ำล้น แยกกันกับจากุซซี่อยู่ที่ชั้น 9 สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดถูกจัดวางไว้ที่ฝั่งเดียวกันเพื่อให้เห็นวิวเมืองในส่วนที่โล่งอยู่ของทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก ถือเป็นการดึงเอาวิวส่วนกลางมาให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ภาพเปรียบเทียบคลับเฮ้าส์จริงกับภาพจำลองที่ชั้น 7 แต่งเสร็จคงหรูหราดีตามภาพจำลอง ภาพสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้น 9 ซึ่งดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80% ใกล้สวยเหมือนภาพจำลองแล้ว ภาพฟิตเนสลอยฟ้าชั้น 8 Roof Garden ที่ชั้น 9
Community Mall เล็กๆ 2 ชั้นล่างของคอนโดซึ่งจะมีร้านดังเช่น Gourmet Market และ Signor Sassi
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ที่จะมีภายในโครงการ
- บริเวณรอบนอก Lobby ด้านฝั่งซอย 15 จะมี เซเว่น อิเลฟเว่น
- เขยิบมาตรงกลางๆ คือ ร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารอินเดีย (น่าจะเปิดได้ปลายปี 2556)
- ส่วนชั้นล่างโซนฝั่งซอย 13 จะถูกสร้างเป็นคอมมิวนิตี้ มอลล์ ที่จะมี Gourmet market เน้นนำเข้าวัตถุดิบอาหาร และของสดจากต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ลูกบ้านสามารถเลือกซื้อและนำวัตถุดิบไปปรุงอาหารได้ที่ในส่วนชั้น 2 ซึ่งโซนนี้จะมีบันไดให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวกดี (น่าจะเปิดได้ปลายปี 2556)
- สำหรับใครที่ซื้อห้องแบบ Private Pool จะได้สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษคือสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย
- พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองทางเข้า-ออก และกล้องวงจรปิดดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ห้องและวัสดุภายในห้อง: 4 ดาว
คอนโดนี้มี Layout ห้องที่หลากหลายถึง 29 แบบ โดยมีประเภทห้อง และจำนวนยูนิตที่ยังมีขายอยู่ช่วงเดือน มิ.ย. 2556 ดังนี้
- ห้องแบบ Studio ขนาด 23.41 - 28.21 ตร.ม. รวม 144 ยูนิต ปัจจุบัน Sold-out
- ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 36.48 - 72.52 ตร.ม. รวม 202 ยูนิต ปัจจุบันเหลือ 70 ยูนิต
- ห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 65.42 - 94.91 ตร.ม. รวม 132 ยูนิต ปัจจุบันเหลือ 60 ยูนิต
- ห้องแบบ 3 ห้องนอน ขนาด 125 ตร.ม. รวม 14 ยูนิต
- ห้อง Pool Villa ขนาด 397 - 517 ตร.ม. รวม 4 ยูนิต ปัจจุบันเหลือ 2 ยูนิต
- ห้อง Penthouse ขนาด 225 - 275 ตร.ม. รวม 4 ยูนิต ปัจจุบันเหลือ 3 ยูนิต
สำหรับห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ไปรีวิวจะมีด้วยกันอยู่ 3 ห้อง 3 แบบ
- ห้องแบบ 2 ห้องนอน Type A1 ขนาด 89 ตร.ม.
- ห้องแบบ 2 ห้องนอน Type A2 ขนาด 80 ตร.ม.
- ห้องแบบ 1 ห้องนอน Type B8 ขนาด 53 ตร.ม.
โครงการนี้ขายห้องแบบตกแต่งครบ ดังนั้นห้องที่ได้จะตกแต่ง และใช้วัสดุประมาณแบบที่รีวิวนี้เลย ไม่ต้องไปจินตนาการคิดเอาเอง ยกเว้นเพียงบางรายการซึ่งแนะนำให้สอบถามเซลล์ให้ระเอียดอีกทีว่ามีรายการไหนบ้างที่ไม่ได้รวมอยู่ในนี้
ข้อมูลเบื้องต้นของทุกห้อง
- ผนังห้องทุกห้องของโครงการก่อด้วยอิฐมอญฉาบปูนและทาสี
- ส่วนความสูงของเพดานห้องอยู่ที่ 2.6 เมตร
- ประตูทุกบานใช้ไม้จริงปิดผิวพร้อมเดินเส้นสีเงินสองเส้นตามแนวขวางตัดกับแนวตั้งดูมีสไตล์ดี ส่วนมือจับประตูใช้มือจับแบบเขาควาย
1) รีวิวห้องแบบ 2 ห้องนอน Type A1 ขนาดพื้นที่ 89 ตร.ม. ราคาประมาณ 11.2 ล้านบาท
ภาพวัสดุต่างๆ ใน Pantry Area
ห้อง Layout A1 นี้เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอตู้วางรองเท้า แล้วจะเป็น Pantry Area ซึ่งเป็นครัวแบบเปิด ส่วนผนังอีกฝั่งติดตั้งกระจกบานใหญ่สูงจรดเพดานช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น บริเวณพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมอ่อนแผ่นใหญ่มีข้อดีคือทนทาน และดูแลทำความสะอาดง่าย ตัวห้องดูโปร่งและสว่างเพราะรับแสงจากระเบียง
ภาพวัสดุในโซนห้องนั่งเล่นและห้องทานข้าว
ในส่วนของห้องนั่งเล่น และส่วนทานข้าวที่อยู่ติดระเบียงนี้ สามารถเปิดประตูเลื่อนออกไปที่ระเบียงขนาดใหญ่ได้ พื้นห้องโซนนี้เป็น Engineer Wood หรือไม้สังเคราะห์ที่มีข้อดีคือให้ผิวสัมผัส และความรู้สึกคล้ายไม้จริง แต่ทนทานและดูแลง่ายกว่า นอกจากนั้นพื้นชนิดนี้ยังไม่มีปัญหาพื้นบวมเมื่อเจอความชื้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อย่างโซฟา โต๊ะวางทีวี โต๊ะทานข้าว และแอร์ติดผนัง 2 ตัว ของ SAMSUNG ก็จะได้ตามนั้น
ภาพวัสดุและการตกแต่งในห้องน้ำแขก
เดินตามทางเข้าไปจะเจอห้องน้ำแขก ที่มีประตูแยกส่วนเชื่อมต่อกับทางห้องนอนเล็กที่อยู่ท้ายสุด ภายในห้องน้ำ Built in ให้ผนังฝั่งนึงเป็นกระจกลอยตัวบานกว้าง ซ่อนหลอดไฟไว้ด้านล่างเพื่อให้แสงส่องลงมาที่ด้านใต้ขนานไปกับขอบไม้ด้านล่างที่ทำเป็นชั้นวางของเชื่อมต่อกับไม้ที่เป็นผนัง Built in ได้สวยดูมีมิติ ได้ประโยชน์ทั้งการใช้งานและทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ถัดลงมาเป็นอ่างล้างหน้าติดผนังแบบลอยพื้นของ Mogen ด้านข้างเป็นโถสุขภัณฑ์ และสายฉีดชำระ จบโซนแห้งด้วย shower box ที่ทำจากกระจกนิรภัยเทมเปอร์ แยกส่วนอาบน้ำด้วยฝักบัว และลดระดับพื้นแยกโซนเปียกออกจากโซนแห้ง พร้อมติดตั้งพัดลมระบายอากาศมาให้เรียบร้อยหมดปัญหาเรื่องเชื้อราและความอับชื้น
ภาพวัสดุและการตกแต่งในห้องนอนเล็ก
ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องนอนเล็กที่สามารถใช้ประตูอีกบานของห้องน้ำเปิดเชื่อมทะลุเข้าหากันได้ ภายในห้องด้านขวามือมี Built in ตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานมาให้ ส่วนที่นอนจัดวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตเหลือที่ว่างข้างเตียงพอให้ยืนเปิดม่านชมวิวเมือง และรับแสงจากบานกระจกที่สามารถดันให้เปิดรับลมได้ 2 บาน ส่วนข้างฝาอีกด้านของผนังห้อง Built in กระจกบานใหญ่สูงจรดเพดานช่วยลดมุมและทำให้ดูสว่าง
ในส่วนของ Master Bedroom ที่มีห้องน้ำส่วนตัว เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องตามรูปซ้ายจะเห็นว่าฝั่งนึง Built in ตู้เสื้อผ้าใหญ่และโต๊ะเครื่องแป้งมาให้เต็มพื้นที่ ส่วนทางปลายเตียงเป็นกระจกกว้างแบบสามส่วน สามารถเปิดกระจกได้ 2 บานที่บานริม ส่วนรูปขวามือเป็นภาพเต็มๆ อีกมุมของ Master Bedroom ที่หัวเตียงก็ Built in ผนังไม้ตกแต่งสีเข้ม เว้นที่ริมซ้าย ขวา ติดกระจกบานแคบแนวตั้งช่วยเพิ่มมิติ เพดานหัวนอนทำฝ้าหลืบซ่อนไฟเพื่อให้ได้แสงกำลังดี แต่แอบขัดใจกับตำแหน่งแอร์ติดผนังนิดนึงเพราะตำแหน่งดูตรงกับหัวนอนไปหน่อย คงต้องอาศัยปรับบานพับทิศทางลมให้เป่าไปทางปลายเท้าน่าจะดีกับสุขภาพคนนอนมากกว่า ส่วนรูปล่างเป็นห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ด้านใน ตกแต่งและให้อุปกรณ์ลักษณะเดียวกันกับห้องน้ำด้านนอก แตกต่างกันตรงที่ภายใน Shower Box สามารถเลือกยืนอาบน้ำด้วย Rain shower หรือจะลงนั่งยืดขาแช่น้ำเล่นในอ่างอาบน้ำก็ได้
2) รีวิวห้องแบบ 2 ห้องนอนType A2 ขนาดพื้นที่ 80 ตร.ม. ราคาประมาณ 9.9 ล้านบาท
ห้อง Type A2 นี้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนเหมือนกันกับห้อง A1 เพียงแต่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า และมีรูปแบบของการจัดวางผังห้องที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และฟังก์ชั่นของพื้นที่การใช้งานแตกต่างกันกับห้องแบบแรก
เปิดประตูห้องเข้ามาจะมีที่นั่งใส่รองเท้า ด้านหลัง Built in กระจกติดข้างฝา ส่วนตู้ไม้สีเข้มด้านซ้ายมือ Built in เป็นตู้เก็บของ ผ่านเข้ามาทางซ้ายมือเป็นห้องเตรียมอาหาร ซึ่งวางเคาน์เตอร์ครัวแบบเปิดรูปตัว L ไว้ให้ โดยครัวของห้อง Type นี้จะมีขนาดเล็กกว่าครัวของห้องตัวอย่างแบบแรก Built in ตู้ติดผนังก็เหลือแค่ฝั่งเดียว แต่เครื่องใช้ต่างๆ ในครัวยังได้เหมือนเดิม เช่น อ่างล้างจาน ก๊อกน้ำ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้าก็ยังได้เป็นของสเปคเดียวกันกับห้องแบบแรก
ถัดจากครัวแบบเปิดมาเป็นโต๊ะทานข้าวและค่อยเป็นโซนรับแขก สำหรับฟังก์ชั่นตรงนี้จะสลับลำดับกันกับห้องตัวอย่างแบบแรก แต่พื้นตั้งแต่โซนนี้ก็จะเปลี่ยนจากกระเบื้องแกรนิตโต้ตรงครัวเป็น Engineer Wood เหมือนกัน ห้องรับแขกอยู่ติดระเบียงใหญ่รับแสงเต็มๆ ทำให้ห้องดูสว่าง มองจากรูปข้างล่างจะเห็นห้องน้ำแขกกับทางเดินเข้าไปด้านใน
เดินเข้ามาตามทางเดินซ้ายมือจะเจอห้องน้ำแขกอยู่ตรงข้ามกับห้องนอนเล็ก ภายในห้องน้ำแขกตกแต่งเหมือนกันกับห้องตัวอย่างแบบแรก ระดับพื้นห้องสูงกว่าพื้นห้องน้ำยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม แต่เสียดายที่ห้องน้ำของ Type A2 จะไม่สามารถเปิดประตูทะลุเข้ามาจากห้องนอนเล็กได้เพราะห้องอยู่คนละฝั่งกัน
ห้องน้ำแขกเมื่อเดินออกมาฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนเล็ก มองจากรูปซ้ายมือคือมุมมองเมื่อเปิดห้องนอนเข้ามาการจัดวางเฟอร์นิเจอร์คล้ายกับห้องตัวอย่างห้องแรก แตกต่างกันตรงตำแหน่งหัวนอน และ Built in ตู้เสื้อผ้าที่ห้องนี้จะเอามาไว้ฝั่งเดียวกับโต๊ะ เหมือนการจัดวางจะสลับด้านกัน ส่วนรูปล่างถ่ายให้เห็นอีกมุมที่ Built in ตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานประตูมาให้
ห้อง Master Bedroom จะอยู่ในสุดและมีห้องน้ำในตัว โดยเมื่อเปิดประตูเข้ามาตามรูปบนจะเห็นทางฝั่งขวาทำ Built in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เข้ามุมไว้ให้อยู่ เขยิบเข้าไปหน่อยก็จะเป็นส่วนที่นอน ดูจากรูปล่างปลายเตียงเหลือที่ไม่เยอะมาก เลย Built in ผนังไม้เป็นชิ้นต่อกับโต๊ะและชั้นวางของแนวยาว ให้แขวนทีวีติดผนังประหยัดที่ดี ด้านในสุดเป็นกระจกห้องบานใหญ่รับแสงได้เต็มๆ สำหรับบานกระจกในห้องนี้จะสามารถเปิดรับลมได้สองบานที่ริมซ้าย-ขวา ส่วนตรงกลางเป็นกระจกบานตายเปิดไม่ได้มีไว้ให้รับแสงกะชมวิว
ห้องน้ำใน Master Bedroom ของแบบห้อง Type A2 นี้ตกแต่งแนวเดียวกันกับห้องแบบแรก แตกต่างกันตรงการจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆ ของห้องน้ำ Type A2 ยังลงตัวสู้ห้องแบบ A1 ไม่ได้ เพราะส่วนเปียก ส่วนแห้งแยกกันไม่ชัดเจน คงเป็นเพราะรูปทรงของห้องที่เป็นแนวลึกบังคับให้ต้องวางอ่างอาบน้ำไว้นอก Shower Box
3) ห้องแบบสุดท้ายเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน Type B8 ขนาดพื้นที่ 53 ตร.ม. ราคาประมาณ 6.6 ล้านบาท
ถ้าเรามองจากรูปซ้ายมือ เมื่อเปิดห้องเข้ามาจะเป็นตู้เก็บของ ที่นั่งสำหรับใส่รองเท้า และ Panty ครัว ซึ่งเว้นที่ว่างด้านล่างไว้ให้วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนทานข้าวตามรูปขวามือ
ส่วนตรงกลางยูนิตจะเป็นห้องรับแขก จากรูปซ้ายมือจะเห็นว่ามีการ Built in ผนังด้วยไม้เพื่อใช้แขวนทีวีจอแบน กับติดกระจกบานยาวเพิ่มมิติ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ และตรงขวามือเป็นประตูบานเลื่อนแยกส่วนห้องรับแขกออกจากห้องนอนเพิ่มความเป็นส่วนตัว และป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาทำครัว ส่วนรูปขวามือจะเป็นมุมมองอีกด้านของส่วนรับแขกที่มีโต๊ะกลางวางของตัวใหญ่และโซฟา 2 ที่นั่งจัดมาให้ ส่วนผนังด้านหลังเหลือที่ว่างระหว่างเสา เลยจัด Built in ชั้นวางของไม้สองชั้นมาให้ได้ประโยชน์ดี
ภายในห้องน้ำตกแต่งสไตล์เดียวกันกับห้องอื่นๆ แต่วางฟังก์ชั่นของเครื่องใช้ในห้องน้ำเหมือนกันกับห้องตัวอย่าง Type A2 เพียงแต่สลับตำแหน่ง Shower Box ให้ยืนอาบน้ำด้วย Rain Shower มาก่อนอ่างอาบน้ำเท่านั้น
ส่วนอีกด้านถัดมาจากห้องรับแขกคือห้องนอนซึ่งสามารถเปิด-ปิดประตูเลื่อนแยกสัดส่วนห้องรับแขกออกจากห้องนอนได้ จากรูปซ้ายมือจะเห็นว่าทางปลายเตียงจัดโต๊ะทำงานมาให้ และห้องนี้จะรับแสงจากทางระเบียงขนาดใหญ่ที่มีประตูบานเลื่อนให้เปิดออกไปที่ระเบียงได้ ส่วนอีกรูปเป็นมุมภาพจากปลายเตียงถ่ายให้เห็นการตกแต่งที่หัวนอนและตู้เสื้อผ้า Built in ขนาด 3 บานประตูติดข้างฝามาให้เรียบร้อย
ราคาล่าสุด (มิถุนายน 2556)
เราได้รับแจ้งมาล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2556 ว่าสำหรับยูนิตที่ยังเหลืออยู่นั้น ตอนนี้ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ต่ำสุดตกประมาณ 122,000 บาท ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ถือเป็นราคาที่ไม่สูงมาก และพอจะซื้อได้อย่างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับว่าโครงการนี้เป็น Fully Furnished และตั้งอยู่ในไพรม์โลเกชั่นสุขุมวิทช่วงต้นที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ถึง 3 สถานี ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นตัวอย่างและได้ไอเดียคร่าวๆ เกี่ยวกับราคา เราขอยกตัวอย่างมาสองห้อง เช่น ห้องชั้น 8 ขนาด 1 ห้องนอน 44.83 ตารางเมตร ราคาปกติทั้งยูนิตตกประมาณ 5.5 ล้านบาท (ซึ่งเฉลี่ยออกมาก็ประมาณ 1.22 แสนบาทต่อ ตร.ม.) หรือห้องชั้น 15 ขนาด 1 ห้องนอน 58.93 ตารางเมตร ราคาปกติทั้งยูนิตตกประมาณ 7.3 ล้านบาท (ซึ่งเฉลี่ยออกมาก็ประมาณ 1.23 แสนบาทต่อ ต.ร.ม.) แต่ CheckRaka.com เข้าใจว่าในงาน Luxury Living 2013 By Bangkok Post ที่ Central World ระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย. 56 นี้ ทางโครงการอาจมีเสนอส่วนลด หรือโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติม ซึงใครที่สนใจก็สามารถไปแวะชมสอบถามกันได้ นอกจากในเรื่องของราคาแล้ว จำนวนเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยูนิตในโครงการนี้ มีข้อมูลโดยย่อดังนี้
- เงินจองจะเท่ากับ 20,000 หรือ 50,000 หรือ 100,000 บาทขึ้นอยู่กับราคายูนิตที่ซื้อ
- เงินทำสัญญาประมาณ 25% ของราคายูนิต (รวมเงินจองแล้ว)
- เงินกองทุนส่วนกลาง (Sinking Fund) 500 บาทต่อ ตร.ม. ชำระวันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าส่วนกลาง (Common Area / Maintenance Fee) 40 บาทต่อ ตร.ม.
โครงการคอนโดนี้เป็นโครงการที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว (ณ มิถุนายน 2556) ดังนั้น ความเสี่ยงเรื่องโครงการจะไม่ผ่าน EIA หรือสร้างไม่เสร็จจึงสามารถตัดทิ้งไปได้เลย ส่วนเรื่องโครงสร้างคอนโดที่เป็นโครงสร้างเดิมของตึกโรงแรม Ambassador เลยอาจทำให้ชั้น 7-10 อาจดูหนาแน่นไปนิดตามดีไซน์ของโรงแรมที่แบ่งซอยห้องค่อนข้างเล็ก
สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของโครงการนี้คือโลเกชั่นที่อยู่ช่วงต้นสุขุมวิท และใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สถานี และ MRT 1 สถานีประกอบกับใกล้โรงเรียนถึง 2 แห่ง (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และโรงเรียนนานาชาติใหม่แห่งประเทศไทย (NIST)) รวมถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่อีก 2 แห่ง (Terminal 21 และ Robinson) ดังนั้น การใช้ชีวิตทั่วไปไม่ว่าจะใช้รถ ไม่ใช้รถ การเดินจับจ่ายซื้อของ หรือหาของกินทั่วไปจึงค่อนข้างสะดวก ส่วนพื้นที่จอดรถที่จัดมาให้ 70% ก็ถือว่าไม่ได้น้อยไปเลยสำหรับคอนโดทำเลใจกลางเมืองขนาดนี้ เพราะถึงแม้จะไม่ได้มีที่จอดรถให้ถึง 100% แต่เชื่อได้ว่าไม่น่าเป็นปัญหาเพราะลูกบ้านส่วนนึงน่าจะเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าแทนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ส่วนเรื่องวิวในห้องที่อยู่ในชั้นไม่สูงนักอาจมีห้องบางมุมที่วิวอาจจะถูกจำกัดไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับทำเลในย่านสุขุมวิทช่วงต้นอย่างนี้กับราคาต่อตารางเมตรที่ต่ำสุดตกอยู่ที่ 122,000 บาท กับส่วนกลางที่ทางโครงการจัดมาให้แบบไม่น้อยหน้าใครแล้ว คิดว่าคงจะพอให้หลายคนมองผ่านเรื่องวิวไปได้ เพราะความต้องการในการเลือกซื้อคอนโดที่ตรงใจของแต่ละคนอาจจะไม่ได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าพิจารณาถึงว่าโครงการนี้สร้างเสร็จเกือบสมบูรณ์ และขายห้องแบบ Fully Furnished รวมถึงวัสดุ และการตกแต่งในห้องก็ถือว่าพอใช้ได้ทีเดียว
ดังนั้นเพื่อความแน่ใจใครที่สนใจโครงการนี้จริงๆ ก็ควรไปลองขอชมห้องจริง วิวจริง ได้ที่โครงการให้เห็นกับตาตัวเอง และลองดูคอนโด High-Rise อื่นใกล้เคียงที่อยู่ในระดับพอฟัดพอเหวี่ยงกันเพื่อลองเปรียบเทียบดูได้ ซึ่งก็มีอยู่ 3 โครงการใหญ่ๆ อย่าง Hyde Sukhumvit, The Circle Sukhumvit 11 และ The Room Sukhumvit 21 เสร็จแล้วค่อยลองให้คำตอบกับตัวคุณเองดูว่าคุณจะตัดสินใจซื้อคอนโดสักห้องด้วยเหตุผลเรื่องไหนเป็นสำคัญ วิว ทำเล หรือความคุ้มค่า
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อสำนักงานขาย 02-255-6363