x
icon-filter ค้นหาคอนโด
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

เผยเคล็ดลับ Guru: ใช้ Digital Marketing กับธุรกิจบ้าน-คอนโดยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด

icon 29 มิ.ย. 59 icon 11,755
เผยเคล็ดลับ Guru: ใช้ Digital Marketing กับธุรกิจบ้าน-คอนโดยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เผยเคล็ดลับ Guru: ใช้ Digital Marketing กับธุรกิจบ้าน-คอนโดยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ในธุรกิจอสังหาฯ เครื่องมือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดี และได้ผลที่สุดอันหนึ่งมาโดยตลอดคือ การขึ้นป้ายโฆษณา Billboard ใกล้ๆ โครงการ แต่วิธีนี้ก็มีข้อจำกัดเพราะสามารถเข้าถึงได้แค่คนจำนวนหนึ่งที่ "ผ่าน" หรือ "อยู่" ในบริเวณนั้นเท่านั้น ดังนั้น Digital / Online Marketing จึงเริ่มมีบทบาทสำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาฯ มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งทั่วโลก 
วันนี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยสบายๆ กับหนึ่งใน Guru ด้าน Digital Marketing ของธุรกิจอสังหาฯ ในเมืองไทย "คุณอุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล" หรือที่ในวงการเรียกกันติดปากว่า "คุณมิ้น" เจ้าของเอเจนซี่ Minted Images คุณมิ้นจะเผยเคล็ดลับจากประสบการณ์ตรงค่ะว่าการทำ Digital Marketing โครงการดีๆ จะเป็นประโยชน์กับเจ้าของโครงการ และผู้บริโภคอย่างไรบ้าง 

นิยามของ "Digital Marketing" ในมุมมองคุณมิ้น และลูกค้าหลักๆ ของ Minted Images 

Digital Marketing เอาแบบภาษาบ้านๆ คือการผสมผสานหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน หลักๆ เลยคือการทำการตลาดสินค้าบนโลก Online ผ่านช่องทาง Internet และ Social Network ด้วยวิธีการทางเทคโนโลยี หรือเนื้อหาที่สร้างสรรค์ โดยจะต้องวางแผน และศึกษาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (Target) เพื่อสร้างความรับรู้ในตัวสินค้าเป็นลำดับแรก และเพื่อแปลง หรือกระตุ้นการรับรู้นั้นให้เป็นการซื้อสินค้าเป็นเป้าหมายสำคัญในท้ายที่สุด 
สำหรับตัวคุณมิ้น และทีมงาน Minted Images เองนั้นมี Concept ในการให้บริการลูกค้าชัดเจนคือเป็น "Your Digital Partner" หน้าที่คือทำทุกอย่างที่ต้องทำบนโลกออนไลน์ ปัจจุบันบริการหลักๆ ของ Minted Images มีการวางแผนกลยุทธ์ และการตลาดออนไลน์, จัดทำ website และสื่อต่างๆ รวมถึงการดูแล และให้คำปรึกษาสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ ครอบคลุม 3 ขั้นตอนการทำงานดังนี้ 
1. Digital Marketing Strategy เป็นการคิดกลยุทธ์ และเลือกอาวุธทางการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
2. Media Planning & Buying เป็นการวิเคราะห์ และวางแผนเลือกสื่อออนไลน์ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ พร้อมทั้งประสานงานกับทางสื่อต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำงาน พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลลัพธ์ และปรับกลยุทธ์ระหว่างการทำงาน เพื่อผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ได้ตกลงไว้ร่วมกัน
3. Implementing  & Analyzing เป็นขั้นตอนของการสร้างสรรค์เนื้อหา หรือรูปแบบเพื่อสร้างแคมเปญ และสุดท้ายคือปิดการขายให้ได้
ส่วนลูกค้าหลักๆ ในวงการอสังหาฯ ของ Minted Images มีทั้งรายใหญ่ และรายเล็กหลายโครงการ เช่น คอนโดหลายๆ แบรนด์ของพฤกษาฯ KPN, Than Living, Major Development และ SENA Development เป็นต้น

ตัวอย่างโครงการ Success Story 

คุณมิ้นเล่าแบบเขินๆ ว่า "80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่ผมรับงานมานั้นเราทำงานได้ตามเป้าหมายทั้งหมด แต่ล่าสุดนี้เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จมากๆ และท้าทายที่สุด คือ โครงการ ณ วรา เรสซิเดนซ์ (Na Vara Residence) ซึ่งเป็น Super Luxury Condo ตัวโครงการอยู่ตรงหลังสวน ที่บอกว่าท้าทาย เพราะยุคนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ลูกค้าค่อนข้างกลัว ที่จะซื้อคอนโดราคาสูง แต่เคสนี้ปิดการขายภายใน 5 ชั่วโมง"

Na Vara Residence Luxury Freehold Condominium
สำหรับโครงการ ณวราเรสซิเดนซ์ ได้ทำงานร่วมกับ CBRE หน้าที่ของคุณมิ้น คือ ช่วยให้ Developer และ Sole Agent ขายของได้ "ณ วรา เรสซิเดนซ์ มี 93 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณพันล้านบาท" ได้โจทย์มาว่าจะต้องขายเร็ว ดัง และสั้นที่สุด เคสนี้ปิดการขายภายใน 5 ชั่วโมง ใช้เวลาทำการตลาดประมาณ 3 อาทิตย์ครึ่งไม่ถึง 4 อาทิตย์ ซึ่งวางแผนไว้จริงๆ 6 อาทิตย์ จนทางทีมงานบอกให้ช่วยหยุดโฆษณา เพราะผลตอบรับมันดีเกินไป Feedback ออกมาดีมาก" คุณมิ้นบอกว่า จากการทำงานกันเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นเซลล์, Marketing, Product, Agency, Architect ล้วนมีผลทำให้การทำงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ การขอความเห็นจากเซลล์ว่าขายงานให้ลูกค้ายังไงถึงขายได้ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ทางทีมงานก็จะจับประเด็นได้ว่าจะใช้จุดเด่นยังไงถึงดึงคนเข้ามา แล้วเอาจุดเด่นพวกนี้มาทำกลยุทธ์

คอนโด Urbano Absolute สาทร - ตากสิน
อีกโครงการนึง เป็นโครงการที่ได้รับโอกาสทำงานร่วมกับพฤกษา เพราะเคยทำด้วยกันมานาน คือ โครงการ Urbano Absolute ในตอนนั้นได้รับโจทย์มาว่า ให้ทำ Google ให้ทำ touch screen และถ่ายรูปทางอากาศ ซึ่งตอนนั้นก็ตอบรับไปก่อนว่าทำได้หมด ทั้งที่ยังทำไม่เป็น คิดแค่ว่าเวลาเราได้โจทย์ยากๆ มันคือแรงต้าน ที่ผลักดันให้เราต้องทำมันให้สำเร็จ ก็เอาโจทย์นั้นมาปรึกษากับทีมงาน แล้วก็เริ่มทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยืนคุม Site งานก่อสร้าง ไปดู Location ขับรถวนดู เดินชิมร้านอาหารรอบๆ โครงการ และสุดท้ายอินถึงขนาดซื้อไป 1 ยูนิตเป็นของตัวเอง  

อะไรคือพื้นฐานที่ต้องมีในการทำ Digital Marketing อสังหาฯ ให้สำเร็จ ?

การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) หัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง คือ "เว็บไซต์" โดยเฉพาะอสังหา ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด เพราะเว็บไซต์โครงการคือ "Virtual Sales Gallery" สำหรับบางโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลูกค้ามองว่าแค่มีเว็บไซต์ก็พอ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเพียงพอ เช่น เว็บไซต์ไม่สวย ดูโบราณ หรือขาดข้อมูล หรือลูกค้าบางรายจะให้ความสำคัญกับโบร์ชัวร์มาเป็นอันดับแรกๆ บางรายทำโฆษณาใช้เงินมากมาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องออนไลน์ เพราะมีปัญหาตอนเข้าเว็บไซต์    
จากปัญหาที่ผ่านมา เลยมาคิดว่า ถ้าจะทำงานให้ลูกค้า ขอเน้นเรื่องเว็บไซต์ คือ ให้บริการด้านเว็บไซต์ พร้อมกับสร้างระบบทุกอย่างให้ เช่น ระบบลงทะเบียน ระบบส่ง SMS ระบบส่งอีเมล์ ระบบ Confirmation ระบบการจอง แต่การที่จะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้ ไม่ได้มีเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ต้องประกอบไปด้วยปัจจัยเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้การตลาดออนไลน์ประสบความสำเร็จ
1.  "อาวุธ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ใช้ต้องเข้าถึงผู้คนได้มาก: คือสื่อ Online นั่นเอง เช่น การซื้อสื่อในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ ต่างๆ Google, Facebook, YouTube, Instagram, Twitter รวมไปถึง Social Media ต่างๆ แต่สื่อเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถวัดความสำเร็จได้
2.  ต้องเข้าถึง (Reach) หรือจับ (Attract) กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้ได้: เพราะโลกออนไลน์กลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ทุกคน มันต้องมีการทำ Segmentation คือ ต้องละเอียด เช่น จะจับปลาทูต้องใช้อวน จับปลาฉลามต้องใช้อีกวิธีนึง จะใช้อวนจับปลาวาฬก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ผล แต่ไม่ได้แปลว่าอวนมันไม่ดี
3.  คนใช้ "อาวุธ" หรือ "เครื่องมือ" ต้องใช้ให้เป็น: ผู้ใช้อาวุธ ก็สำคัญ อาจจะเป็นเอเจนซี่หรือเป็นลูกค้าเองก็ได้ แต่ควรมีประสบการณ์ และใช้ให้เป็น ที่เคยเจอคือลูกค้าบางรายจ้างเด็กจบใหม่มานั่งดูแลฝ่าย Online Marketing ของโครงการ ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งผิด แต่การขาดประสบการณ์ หรือความเข้าใจในเครื่องมือ เช่น Google Analytics ที่เพียงพอ อาจทำให้วางแผน หรือวิเคราะห์สิ่งที่ทำอยู่ไม่ถูกต้อง หรือขาดประสิทธิภาพได้ 
4.  ให้วิเคราะห์ (Analyse) และวัดผล (Measure) อยู่ตลอดเวลา: คือ ข้อดีของ Digital Marketing อย่างหนึ่งคือ ทุกๆ การกระทำ หรือทุกๆ สื่อที่ซื้อ สามารถวัดผลลัพธ์ และ Track ได้ ดังนั้น เราควรนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ ปรับปรุง และแก้ไขกลยุทธ์ในเชิงการตลาด และการขายตลอดเวลาหากวิธีการ หรือรูปแบบเดิมที่ใช้อยู่ไม่ประสบความสำเร็จ 
สุดท้ายคุณมิ้นกล่าวปิดท้ายเพิ่มเติมว่า "แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการความตั้งใจในการทำ ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด อินกับสิ่งที่ทำ ทำเหมือนกับเราอยากได้สิ่งของนั้นเอง เมื่อทุกอย่างมันประกอบกัน มันก็ทำให้งานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ และได้รับความสำเร็จ"

มีเครื่องมือ Digital หรือ Technology อะไรที่จะช่วยพัฒนาการซื้อ-ขายอสังหาฯ ในบ้านเราบ้าง? 

Minted Images มีประสบการณ์ในการให้บริการ Digital Marketing แก่ผู้ประกอบการอสังหาฯ มาเกือบ 10 ปี เนื่องจากเราทำงานเหมือนเป็นหุ้นส่วน และจะเครียดถ้าลูกค้าขายไม่ได้ เจอกับปัญหามาหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของการขาย เพราะต้นทุนของอสังหา มันคือ "เวลา" หน้าที่ของเราคือหาคนบนโลกออนไลน์เข้าสู่เว็บไซต์ จากคนในเว็บไซต์ให้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมาย หลังจากนั้นให้เซลส์โทรหากลุ่มเป้าหมายเพื่อไปสำนักงานขาย เราจึงคิดบริการแบบ Total Solution ขึ้นมาให้ผู้ประกอบการเรียกว่า "Real Smart" ประกอบไปด้วย 4 Steps ดังนี้ 

1. Real Touch:  หลักๆ เลยคือ Touch Screen เนื่องจากว่าอสังหาฯ หลายที่ ห้องตัวอย่างที่ขายมันแพงมาก เราก็จะจำลองภาพวิวโดยที่ไม่ต้องสร้างของจริง ปัญหาสำหรับอสังหาฯ คือ โครงการไหนที่สร้างแล้วยังไม่ขอ EIA หรือไม่ผ่าน EIA มันจะต้องแก้แปลนใหม่หมดเลย Touch Screen ในสมัยก่อนยังแก้ไม่ได้ ก็เลยเขียนระบบใหม่ ให้แก้ได้หมดเลย ให้ลูกค้าแก้เองก็ได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย  แค่ทำตามขั้นตอน แต่ถ้าให้แก้ให้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย ใช้เวลาแค่ 4 วันเปลี่ยนให้ได้หมด
แต่ก่อน Minted Images ใช้วิธีไปเช่า Touch Screen ที่ Malaysia กับ Singapore แล้วบินไป Support ลูกค้า สำหรับเคสนั้นขายไป 15 ห้อง ถ้าเราทำให้คนที่ขายอสังหาส่วนใหญ่เข้าถึง Touch Screen ในราคาที่ถูกลงด้วยระยะเวลาที่สั้นลงมันจะดีมาก สิ่งที่มีผลมากสำหรับ Touch Screen คือเรื่อง Interactive เช่น บางที่ทำแผนที่ คู่แข่งอยู่แค่ตรงข้ามกัน แต่การเดินทางขึ้น-ลงทางด่วนเราใกล้กว่า ทำยังไงให้คนรู้เลย ทำเป็นแผนที่ให้เห็นชัดเจนไปเลยว่าของเราใกล้กว่ายังไง แต่ปัญหาของ Touch Screen คือ เวลาไปออกบูทตามสถานที่ต่างๆ มันหนัก ยกขึ้นไม่ไหว ไม่ต้องห่วง ทางเรามีให้เช่าไม่ต้องยก มีสต๊อกของให้เลย แต่ถ้าลูกค้าไม่ชอบ มีอันอื่นแทนมั้ย ก็เลยทำ Product ออกมาอีกอัน ซึ่งก็คือ Real Boost
2. Real Boost:  เป็นการยกข้อมูลเข้าไปใน iPad สมมติว่าจะโปรโมทโครงการ 5 โครงการ ตามสถานที่ต่างๆ หรือมีกี่โครงการก็ตาม เลือกเอาโครงการใหนก็ได้ ใส่ข้อมูลลงไปในระบบ โดยทุกโครงการเปลี่ยนแบบแปลนได้หมด สามารถดูได้ห้องไหนว่าง ห้องไหนไม่ว่าง ทำให้ได้หมด
จนมาถึงอันที่ บริการถัดมา เวลาจบงานอสังหา ส่วนใหญ่สรุปเป็น Excel เคยคุยกับลูกค้าว่าปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างงานขายคือ 1. ขายของซ้ำ ลูกค้าอยู่ต่างประเทศต้องคอยโทรเช็ค 2. ขายผิดราคา 3. เจ้านายขอดูรายงานทุกเย็นเป็น Excel ทำ Report บางทีก็ง่าย บางทีก็ยาก ถ้า Report ที่ทำมาไม่ตอบโจทย์ ก็ต้องทำใหม่ เซลส์ส่วนใหญ่ก็จะเก่งด้านงานขาย ให้เซลส์ไปทำ Report ก็ไม่ถนัด เพราะฉะนั้นจะใช้คนก็ต้องใช้ให้ถูกจุด เลยพัฒนา Software อันที่ 3 ขึ้นมาชื่อ Real CRM
3. Real CRM:  มันคือ Small Version ของ ERP (Enterprise Resource Planning) แต่เป็น Excellent Version ของ Excel การทำงานเริ่มจากมีคนลงทะเบียนที่เว็บไซต์ ลงทะเบียนเสร็จ รายชื่อจะถูกส่งเข้าสู่ระบบ จากนั้นเซลส์คนแรกเข้าระบบพอเห็นรายชื่อก็จะโทรหาลูกค้า หากลูกค้าท่านไหนไม่รับสายก็ทำ Remark ไว้ เซลส์คนที่ 2 เข้ามาพอเห็นก็จะมีการติดตามสอบถามลูกค้าต่อ เมื่อลูกค้าท่านนั้นเดินเข้ามาสำนักงานขาย พบว่าลงทะเบียนมาแล้วก็ไม่ต้องขอชื่อ เพราะมีชื่อในระบบมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนก็จะขอบัตรประชาชน เสียบเครื่องปุ๊บข้อมูลขึ้นเลย เมื่อลูกค้าไปเดินชมห้องแล้วก็กลับมา ออก Quotation ได้เลย ระบบก็ไม่ต้องมี Excel แล้ว เลือกห้อง เลือกชั้นแล้วพิมพ์ออกมาได้เลย ทุกอย่างเสร็จภายใน 5 นาที เป็นกระดาษ 1 แผ่น สิ่งสำคัญคือ กระบวนการทุกอย่าง ทุกรายการจะถูกบันทึกเก็บไว้หมด เพื่อเราจะติดตามได้ว่า เซลส์คนนี้ออก Quotation ผิดหรือเปล่า ให้โปรโมชั่นอะไรไป เพราะระบบจะล็อคไว้ด้วยว่า ถ้าราคาที่ออกต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้จะห้ามออก ระบบมันก็จะป้องกันการทุจริตได้ด้วย ถ้ามีของแถมมี Iphone หรือ Ipad เขียนบอกไว้หมด ระบบ Real CRM นี้ถ้าลูกค้าลืมจ่ายค่างวดดาวน์ ระบบจะส่ง SMS ไปเตือนด้วย อยากจะจ่ายเงินค่าห้อง แต่อยู่ต่างประเทศกด Pay ให้จ่ายเครดิตการ์ด บนเว็บไซต์ก็ได้เลยเช่นกัน  
งานอสังหาเวลาออกบูธหรืองานมหกรรม จะมาคู่กับการกรอกแบบสอบถาม ซึ่งมีความยาวมากๆ เราเลยทำ Application ให้ลูกค้าสแกน QR Code สแกนเสร็จร่วมสนุกตอบคำถาม แต่ลูกค้าไม่ต้องกรอกคำตอบ จิ้มเลือกตามฟอร์มในระบบ ขั้นสุดท้ายตอบจบ กดส่ง ระบบจะไปสุ่มของรางวัลขึ้นมาให้ ตัวระบบก็จะบริหารของรางวัลให้ เช่น Flash Drive ร่ม พวงกุญแจ ตัวระบบก็จะบริหารของรางวัลให้ แต่ละชั่วโมงของก็จะกระจายกัน และทันทีที่ลูกค้ากรอกเสร็จข้อมูลจะออกมาเป็น Report เลย เจ้านายอยู่ในออฟฟิศอีกที่นึงสามารถเห็นข้อมูล มีคนกรอกกี่คน เพศชาย-หญิงกี่คนดูได้หมด
4. Real Transfer:  ขั้นสุดท้ายของงานอสังหา จะติดปัญหาเรื่องการตรวจรับ และการโอน เลยทำ Application ชื่อว่า Real Transfer ขึ้นมา สมมติว่า มี iPad เครื่องนึง ลูกค้าไปตรวจห้องที่หัวหิน ถ้าจุดไหนมีปัญหาถ่ายรูปไว้ 20 ข้อ กดพิมพ์รายละเอียดพร้อมรูปแล้วเซ็นรับ ตกลงเวลาแก้ไขไว้ ครั้งหน้าไม่ต้องไปตรวจรับที่หัวหินแล้ว เซลส์จะถ่ายรูปจุดเดิม ทำ Before/After ลูกค้าก็จะเห็นรูปเลย เพราะถ่ายมุมเดิม ห้องเดิมแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยทำแอพนี้ให้เซลล์ใช้งาน แล้วจากข้อมูลนั้นก็กลับมาเป็น Report เก็บไว้ได้ 
วิธีการทั้งหมดนี้มันจะเชื่อมกันทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่า คนไหนเป็นลูกค้า VIP เช่น ลูกค้าคนนี้ซื้อกับเรา 3 ห้อง ครั้งหน้าเปิดโครงการใหม่ เราก็จะเชิญมาก่อน อีกท่านเป็นลูกค้าพรีเมี่ยม จะได้คูปอง ของแถม ส่วนลด ก็จะต่อยอดในเรื่องของ Privilege ได้ ตัวระบบมันก็ช่วยคัดในส่วนนี้ให้
ระบบทั้งหมดนี้ราคาถูกและเร็วกว่าระบบ ERP ซึ่งราคาอยู่ที่ 7-8 หลักขึ้นไป lmplement กันเป็นปี แต่ระบบของ Minted Images ใช้เวลา 3 เดือนเสร็จเลย เพราะต้นทุนของอสังหาฯ คือ "เวลา" ถ้าทำให้ต้นทุนเร็วที่สุดทุกฝ่ายจะโอเค สำหรับอสังหาฯ เรามีระบบให้ครบแล้ว ระบบลงทะเบียน, ระบบส่ง SMS, ระบบส่งอีเมลล์, ระบบ Confirmation, ระบบการจอง เรียกได้ ว่าตั้งแต่ก่อนขายจนถึงปิดการขายเลย 

ข้อดีของ Online สำหรับผู้ประกอบการ (เทียบกับ Offline) 

1. สามารถวัดผลได้ เช่น ถ้าทำเว็บไซต์ วัดจากจำนวนผู้ที่คลิกเข้ามาชมเว็บไซต์ หรือผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนร่วมกิจกรรม
2. ง่ายต่อการตรวจสอบ เช่น การขอข้อมูลของลูกค้า การจัดเก็บประวัติ และพฤติกรรมของลูกค้าเอาไว้ สามารถดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ง่าย
3. สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้แบบเฉพาะเจาะจง 
4. สามารถสื่อสารแบบ 2 ทางได้ ผู้ประกอบการกับลูกค้าสามารถสื่อสารกันได้ 
5. เป็นการตลาดแบบตัวต่อตัว คือ ผู้ประกอบการสามารถกำหนดรูปแบบสินค้าและบริการได้ตามต้องการ
6. สามารถสื่อสารไปทั่วทุกมุมโลกตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
7. สามารถติดต่อสื่อสาร โต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว
8. มีต้นทุนต่ำแต่ได้ประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีราคาถูกกว่าโฆษณาสื่ออื่นๆ 

ข้อดีของ Online สำหรับผู้บริโภค (เทียบกับ Offline) 

1. ประหยัดเวลา หาได้ง่าย เช่น การเลือกซื้อสินค้าบางอย่าง สามารถเข้าถึงข้อมูลของสินค้าได้โดยง่าย และรวดเร็ว 
2. ผู้ซื้อเลือกใช้สินค้าหรือบริการได้ตรงความต้องการของตัวเองได้มากที่สุด เช่น การเปรียบเทียบราคา โลเคชั่น ที่สนใจเพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงตามความต้องการ
3. ผู้ซื้อสามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับเจ้าของสินค้า เพราะไม่ต้องมีการเดินทางไปดูสินค้า หรือรับสินค้า
4. ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อจากข้อมูลที่ได้รับ เช่น การอ่านรีวิว รายละเอียด ข้อดี ข้อเสีย ก่อนการไปชมสินค้าจริง ทำให้มีความรู้เรื่องนั้นๆ ก่อนการตัดสินใจ

และนี่คือเคล็ดลับ + วิธีการ จากกูรูในด้าน Digital / Online Marketing ที่มาแชร์ประสบการณ์พร้อมคำแนะนำให้กับผู้ที่กำลังสนใจในเรื่องนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ และได้รับความรู้เรื่อง Digital / Online Marketing มากขึ้นนะคะ
แท็กที่เกี่ยวข้อง บ้าน คอนโด digital marketing online marketing โฆษณา
Condo Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Condo Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)