คอนโดร้างกลางกรุงฯ : บรรยากาศชวนหลอน . . มุมสูงชวนเสียว

เมื่อไม่กี่วันมานี้ CheckRaka.com ได้เจอกระทู้ๆ หนึ่งที่น่าสนใจใน Pantip.com ที่ใช้ชื่อว่า "คุณบัลลังก์" ได้ตั้งกระทู้ "ผมเจออะไรที่ตึกร้าง มาดูกัน!!" ซึ่งกระทู้นี้ได้รับความนิยมมีผู้เข้ามาชมและเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เนื่องด้วยความสวยงามและน่าสนใจของรูปที่ "คุณบัลลังก์" (และเพื่อนๆ) ได้ถ่ายไว้และโพสต์ขึ้นมานำเสนอ ซึ่งในตึกร้างนี้จะมีอะไร น่ากลัว น่าดู น่าพิศวงขนาดไหน และมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทางทีม CheckRaka.com เราได้ไปศึกษาเพิ่มเติมและเรียบเรียงมาให้ชมกันค่ะ

หลายคนคงอยากทราบว่าตึกที่สร้างจนจะเสร็จแล้วขนาดนี้ ถูกปล่อยร้างได้ยังไงนะ? เรามารู้ประวัติของตึกนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ ตึกนี้มีชื่อว่า "Sathorn Unique" ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ (ตามแผนที่ด้านล่าง) ย้อนกลับไปเมื่อปี 2533 เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเฟื่องฟูมาก ประเทศมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สถาปนิกชื่อดังท่านหนึ่ง จึงได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สูง 47 ชั้น จำนวน 600 ยูนิต เพื่อรองรับผู้คนที่อยากยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น หรูหราขึ้น ซึ่งตัวอาคารสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 90% จนกระทั่งปี 2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจหรือวิกฤตต้มยำกุ้ง สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ ประกอบกับสถาปนิกท่านนั้นมีคดีความทางกฎหมาย ส่งผลให้ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้โครงการ "Sathorn Unique" นี้ต้องยุติลง 

คลิกเพื่อชมพิกัด Google Map

อีกหนึ่งอาคารที่มีการออกแบบคล้ายๆ กับ Sathorn Unique คอนโดร้างแห่งนี้คือ State Tower ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 เป็นอาคารสูง 68 ชั้น ริมถนนสีลมตัดกับถนนเจริญกรุงอยู่ใกล้ๆ กับ Sathorn Unique ออกแบบและพัฒนาโดยสถาปนิกคนดังท่านเดียวกันนี้ แต่ State Tower ได้ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์จากการเทคโอเวอร์จากบริษัท แชลเลนจ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

ภาพ State Tower ทางซ้ายมือ เปรียบเทียบกับ Satorn Unique คอนโดที่ถูกปล่อยให้ร้างมานานเป็น 10 ปี

ภาพการ์ตูนขำๆ ระหว่าง State Tower และ  Satorn Unique ที่บอกว่า Satorn Unique เป็นผีจากวิกฤติต้มยำกุ้ง
ที่ยังคงหลอกหลอนเราอยู่ (ขอบคุณภาพจาก www.skyscrapercity.com)

เมื่อกาลเวลาผ่านไปสภาพของอาคารก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ คำร่ำลือเรื่องความน่ากลัว ความหลอนก็คอนโดนี้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน ส่งผลให้มีผู้คนมากมายทั้งนักสำรวจ และนักท่องเที่ยวเข้าไปเก็บภาพที่ทั้งสวยทั้งหลอนบนอาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่ชอบความท้าทาย และอยากเห็นทิวน์ทัศน์อันสวยงามของกรุงเทพมหานคร รวมถึงสองพี่น้องเจ้าของภาพที่เราจะนำมาให้ชมนี้ด้วยค่ะ

คอนโดมิเนียมที่เจ้าของโครงการสร้างแต่ไม่ประสบความสำเร็จแห่งนี้ ถูกปล่อยให้ร้างมากว่า 10 ปี แต่ปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักสำรวจและนักท่องเที่ยวไม่ว่าเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ "ผู้จำหน่ายตั๋วเข้าชม" ราคา 100 บาท ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของอาคารที่จ้างมาเฝ้าหรือเป็นกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสนี้กันแน่ เรามาชมภาพสวยๆ เหล่านี้กันเลยค่ะ

บริเวณด้านหน้า Sathorn Unique มีหญ้าขึ้นปกคลุมสร้างบรรยากาศความน่ากลัวได้เป็นอย่างดี

บริเวณลานจอดรถยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง 

ห้องนี้ยังไม่ได้ฉาบปูนแต่ก่ออิฐเสร็จเรียบร้อยแล้วน่าจะเป็นห้องน้ำหรือห้องครัวค่ะ

บันไดทางขึ้นระหว่างชั้นทั้งมืดและอับ ดูวังเวง น่ากลัวมาก

มนุษย์เรามักจะสร้างสัญลักษณ์ (Graffiti) ไปในทุกๆ ที่ที่เราได้ไปถึง ไม่ว่าจะเป็นถ้ำ โขดหิน ไม่เว้นแต่ห้องน้ำ ที่มักจะเขียนชื่อเสียงเรียงนาม เขียนบอกรักกัน ที่นี่ก็เช่นกันค่ะ ได้มีการเขียนผนังพ่นสีจะมีอะไรบ้างนั้นเราไปชมกันเลย 

ชั้นลานจอดรถยังคงมีแสงสว่างอยู่ เดินขึ้นกันไปแบบสบายๆ
ไม่รู้ใครมาเขียน "To บุรีรีมย์" ไม่รู้ว่ามีอะไรเกี่ยวเนื่องกับการเมืองไทยหรือไม่?

พ่นกันแบบสวยงามมืออาชีพมากๆ

จุดที่สว่างๆ พอจะเขียนข้อความได้ก็จะมีข้อความแบบนี้อยู่ตลอด

บรรยากาศคล้ายๆ ฉากในหนังสยองขวัญเลยค่ะ

เดินอ่านไป ดูไป ใจคงเริ่มสั่นแล้วค่ะมีรับจ้างฆ่าคนด้วย

มองทะเลุออกไปด้านนอกจะเจอวิวสวยงาม

บนชั้นสูงสุดไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วจะสร้างเป็นโดมหรือเปล่า
แต่โครงสร้างนี้เป็นเหมือนจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวะต้องมาถ่ายรูปกันให้ได้

ไม่แปลกใจเลยที่นักสำรวจและนักท่องเที่ยวต่างพากันเอาชนะอุปสรรคกว่า 47 ชั้น เดินขึ้นไปเพื่อรับชมกรุงเทพฯ อีกมุมหนึ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็น ไปดูกันว่าจะสวยงามแค่ไหน

มุมนี้เห็นตึก State Tower ด้วยค่ะ

หากโครงการนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์คงมีราคาที่สูงมาก เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดี
และมุมที่เจ้าของภาพยืนอยู่นั้นก็ไม่มีอะไรบัง เป็นทิศที่โล่ง บรรยากาศดีมากค่ะ

บริเวณที่แสงเข้าถึงและบริเวณระเบียงจะมีหญ้าขึ้นสูง แต่เห็นวิวชัดเจน

บริเวณนี้ต้องระวังตกกันหน่อยนะคะ เพราะสูงและที่กั้นก็ไม่มั่นคง

ตรงนี้เป็นหน้ากากคอนโดที่เราเห็นด้านหน้าตรงทางเข้า

บริเวณนี้เห็นคุ้งน้ำเจ้าพระยาด้วยค่ะ 

มองลงไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนเจริญกรุงและวัดยานนาวา

นี่เป็น 2 พี่น้อง เจ้าของภาพถ่ายค่ะ เห็นแล้วเสียวตกแทน

ท่าสวยๆ กับวิวสวยๆ จากเจ้าของภาพ

มุมโค้งของอาคารรับกันกับคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้เป็นอย่างดี

ภาพนี้เจ้าของภาพบรรยายว่า "ตั้งกล้องสร้างแลนด์มาร์ค"

นับว่าเป็นมุมที่สวยอีกมุมหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ผู้มาเที่ยวชมคงจะหายเหนื่อยเมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร เห็นทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา และอาคารต่างๆ ที่พร้อมใจกันเปิดไฟเรืองรองค่ะ

ฝั่งนี้เป็นสะพานตากสินค่ะ 

แสงไฟจากตัวอาคารและรถยนต์สวยงามมาก 

สวยงามสมกับยอมเหนื่อยเดินขึ้น 47 ชั้นจริงๆ ค่ะ แต่ขาลงคงลำบากและอันตรายมาก เพราะแสงหมดแล้ว

บุตรชายของสถาปนิกชื่อดังรายดังกล่าวได้เข้ามาสะสางปัญหาต่อในปี 2546 - ปัจจุบัน ทาง CheckRaka.com เข้าใจว่าการเจรจาสรุปลงตรงที่จะนำคอนโดดังกล่าวขายให้แก่นักลงทุนในราคาประมาณ 1,800 ล้านบาท และนำเงินดังกล่าวใช้คืนเจ้าหนี้ ซึ่งได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน ประมาณ 500 ล้านบาท หนี้ค่าก่อสร้างของบริษัท สี่พระยา จำกัด ประมาณ 100 ล้านบาท และในส่วนของลูกค้าอีกกว่า 600 ล้านบาท

สำหรับใครที่อยากไปบ้าง CheckRaka.com ก็ไม่แนะนำให้ไปนะคะ เพราะโครงสร้างของอาคารนี้ก่อสร้างมานานแล้ว อาจมีความเสียหาย ไม่ได้มีการตรวจสอบโครงสร้างอาคารอยู่เสมอ เราอาจได้รับอันตรายได้ค่ะ และจะเป็นการบุกรุกสถานที่ได้ มีความเสี่ยงถูกตำรวจจับอีก เรารับชมภาพสวยๆ อยู่บ้านก็พอค่ะ ใครที่ชอบการถ่ายภาพของสองพี่น้องคู่นี่สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/gutravel หรือชมกระทู้ที่เว็บไซต์ Pantip.com ได้ที่นี่ค่ะ http://pantip.com/topic/32882669