รีวิว Mitsubishi Xpander Cross 2020 รถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่ง ก้าวข้ามสบายทุกการเดินทาง
Mitsubishi Xpander Cross 2020 รถยนต์ Xpander Cross เสมือนเวอร์ชั่นพิเศษสุดในไลน์อัพของ Xpander ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูพรีเมียม แข็งแกร่ง มากขึ้น สูงขึ้น แต่ยังเป็นขุมพลังเดิม ที่แรงพอกับเครื่องยนต์เบนซิน MIVEC ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อหน้า ขับสบายด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ นับเป็นการปรุงแต่งให้เข้ากับไลฟสไตล์ใช้งานแบบจบในคันเดียวมากขึ้น ทีมงานคาร์กูรูไทยแลนด์โดย เช็คราคา.คอม ได้โอกาสนำมาทดสอบขับ
Mitsubishi Xpander Cross 2020 รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็น Xpander ที่มีการลงรายละเอียดมากขึ้น ก็คือดูดีขึ้นนั่นล่ะ ด้านหน้าทางมิตซูบิชิบอกว่าเป็นการออกแบบที่ใช้ชื่อว่า ADVANCED DYNAMIC SHIELD DESIGN ซึ่งคนซื้อส่วนใหญ่คงไม่อะไรมากนัก แค่ออกแบบให้สวยถูกใจก็พอ ความพิเศษที่เห็นคือ การใช้ไฟ LED ทุกจุดในระบบไฟส่องสว่างด้านหน้า นอกจากประโยชน์จากแสงสว่างที่ดีขึ้น ก็ช่วยให้การออกแบบด้านหน้าดูพรีเมียมอย่างกลมกลืน และด้วยความเป็นเวอร์ชัน Cross มันต้องดูทัฟขึ้นด้วย ราวหลังคาสีเงินช่วยให้ดูเป็นรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น เสาอากาศทรงฟินแม้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงเวลาเข้าจอดอาคารเพดานต่ำ ด้วยระยะตัวรถที่ถูกยกสูงมากกว่า Xpander ธรรมดา รุ่นนี้อยู่ที่ 225 มม. ไฟท้ายและไฟเบรกเป็นแบบ LED สอดรับกับด้านหน้า ความหล่อเหลาภายนอกจบสมบูรณ์ด้วยการใช้ล้อแบบทูโทนขนาด 17 นิ้ว ดูเข้ากับรถโอเคอยู่
ภายในห้องโดยสารนั้นดูดีด้วยการออกแบบคอนโซลที่วางตำแหน่งการใช้งานง่าย วัสดุแม้เป็นการขึ้นรูปเสมือนการเย็บแต่พื้นผิวก็ให้ความเหมือนที่ยอมรับได้ มองในด้านความทนทานการใช้งานที่ต้องรับความร้อนแบบสุดๆ ของบ้านเราอยู่ตลอด และดูแลรักษาง่ายก็ถูกต้องแล้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ให้มาดูหรูหราด้วยการหุ้มหนัง ก็เหมาะสมเพราะเป็นจุดที่มีการสัมผัสอยู่เกือบตลอดเวลาของการใช้งาน จับแล้วนุ่มสบายมือ ปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยก็ถูกเลือกตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยเฉพาะการควบคุมเฮดยูนิตขนาด 2 din
ด้านเบาะแถวสองและสาม นั่งสบายและเลือกพับแยกได้หลากหลายรูปแบบ คงโดนใจผู้ที่เลือกรถแนวนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องการความยืดหยุ่นและอเนกประสงค์ภายในห้องโดยสารมากกว่าซีดานทั่วไปถึงซื้อ
ด้านแอร์หลังบนเพดานที่ให้มา ช่วยส่งความเย็นกระจายได้ทั่วถึงมากขึ้น แต่เวลาเปิดเสียงการทำงานเข้าหูตำแหน่งผู้ขับพอสมควรถ้าเลือกแรงลมเยอะ โดยรวมจัดว่าน่าพอใจ ส่วนตัวแต่ผู้เขียนอยากให้เฮดยูนิตเป็นแบบจอเต็มและมีช่อง USB ให้ใช้งานมากกว่านี้ อย่าลืมว่าเอสยูวีมักเป็นรถที่มีสมาชิกไปด้วยเยอะและยุคนี้ช่องจ่ายไฟที่เป็นหัวแบบ USB เลย เป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นไปแล้ว โดยเฉพาะเวลาเดินทางไกล ส่วนที่ชอบมากคือ ช่องเก็บของภายในห้องโดยสารมีเยอะมาก ช่องหลากหลายรูแบบและขนาดมากพอจนให้วางแล้วลืมได้เลย จริงๆ ก็ไว้รองรับสมาชิกเวลาใช้งานแบบเต็มทุกที่นั่ง
เครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control System) เป็นขุมพลังเดิมของ Xpander อยู่แล้วนับว่าให้กำลังดีพอต่อการใช้งานแม้ต้องรับภาระน้ำหนักรถกว่า 1,280 กก.
การขับทดสอบด้วยทั้งในและนอกเมืองรวมระยะทางกว่า 800 กม. ได้ความรู้สึกที่ดีเกินคาด เริ่มจากการใช้งานในเมืองเสมือนชีวิตประจำวันที่มักเจอรถติด และต้องอาศัยความคล่องตัวในการเปลี่ยนเลน เลาะเลี้ยวเข้าออกถนนต่างๆ ด้วยการใช้งานผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ปกติ อาจน้อยไปหน่อย แต่กับการใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้รู้สึกด้อยอะไร อาจมีการตอบสนองที่ช้าไปบ้าง และการคิกดาวน์ที่รอบทำงานเยอะเกินไป การขับในเมืองที่ต้องชะลอหยุดบ่อย ระบบเบรกตอบสนองได้น่าพอใจให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี กะน้ำหนักง่าย
การเลี้ยวเข้าออกเส้นทางและจอดเข้าช่องแม้ตัวถังค่อนข้างใหญ่และสูงแต่ก็เลี้ยวได้ง่ายและแคบ การถอยจอดที่อาศัยการมองกล้องหลังร่วมด้วยเพื่อดูสิ่งกีดขวาง อยากให้รายละเอียดภาพชัดเจนกว่านี้ ก็คงเป็นที่ข้อจำกัดตัวเฮดยูนิตกับคุณภาพกล้อง ระบบเครื่องปรับอากาศเป็นอีกจุดที่อยากพูดถึงเพราะการใช้งานในเมืองแอร์รถยนต์มักทำงานหนัก ผู้เขียนสังเกตุหลายครั้งการเปิดแอร์ครั้งแรกทำความเย็นได้ค่อนข้างช้าแม้เร่งระดับสุดก็ตาม และรถคันทดสอบติดฟิล์มแล้ว อาจเป็นเพราะขนาดห้องโดยสารที่กว้างและพื้นที่กระจกรอบรถเยอะกว่าทั่วไปด้วย อันนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกัน การขับเข้าพื้นที่มีข้อจำกัดอย่างอาคารจอดรถถ้าไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตร ซึ่งคงไม่มีที่ไหนต่ำกว่าแน่ๆ ก็ไม่มีปัญหาติดราวหลังคา ส่วนการขับลุยไปในพื้นที่น้ำท่วมขัง ขอแค่มั่นใจว่าพื้นด้านล่างไม่ใช่โคลนยุบตัวได้ก็ผ่านได้สบายใจ ด้วยความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. ขับลุยน้ำท่วมหน้าฝนก็จะมั่นใจได้
การขับทางไกลกับ Xpander Cross นับเป็นความเพลิดเพลินอยู่ เมื่อเดินทางไปกับสมาชิกในครอบครัวที่นั่งกันได้สบายมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถซีดาน พื้นที่ไว้ของด้านหลังก็ใช้งานได้จริงจังกว่าเอสยูวีระดับเดียวกันหลายรุ่น การขับด้วยความเร็ว 100-120 กม./ชม. ต่อเนื่องพร้อมเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติก็ยิ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ดี ด้านสมรรถนะเร่งแซง พลัง 105 แรงม้า ของเครื่องยนต์ไมเวค 1.5 ลิตร ยังให้ความมั่นใจอยู่บ้างไม่ต้องลุ้นมาก ส่วนการทำความเร็วผู้เขียนไม่สามารถขับได้เกิน 120 กม./ชม. ไม่ว่ารถทดสอบรุ่นไหนก็ตาม ไม่อย่างนั้นจะมีใบสั่งตามมาทุกครั้ง
อย่างไรก็ตามในช่วงขับกลับจากชลบุรีที่ผู้เขียนเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ เพราะเปิดโล่งได้ลองสมรรถนะขับทางไกลสะดวก เป็นช่วงเวลา 20.00 น. ใกล้เวลาเคอร์ฟิวในช่วงวันทดสอบ ทำให้รถร่วมทางหลายคันทำความเร็วกันมากเป็นพิเศษ ผู้เขียนก็อาศัยบางจังหวะลองอัตราเร่งยาวๆ ไปแตะ 150 กม./ชม. พบว่าตัวรถยังให้การทรงตัวที่มั่นคง การเติมความเร็วจาก 100 กม./ชม. ขึ้นไปยังทำได้น่าประทับใจจนแปลกใจไม่น้อย หลังจากนี้ไม่รู้จะมีใบสั่งตามมาไหม แต่ก็ทำให้รู้ได้ว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่หลายคนอาจมองว่าน้อยกับเมื่อเทียบกับตัวถังรถ และน้ำหนักรถเองก็อยู่ที่ 1,280 กก. ไม่รวมผู้โดยสาร ก็นับว่าดีพอกับการใช้งาน ตอบสนองต่อการเร่งแซงได้ทันใจ
ความสะดวกสบายอย่างแรกที่ชอบคือ KOS หรือ คีย์เลส หรือ ไม่ต้องใช้กุญแจไขรถนี่ละ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่รถรุ่นใหม่ระดับราคาแปดแสนบาทขึ้นไปควรมีเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านความบันเทิง ระบบเครื่องเสียงภายในรถเป็นเฮดยูนิตแบบ 2 DIN หน้าจอสัมผัส 6.2 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD/MP3 และรองรับระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย เอาจริงๆ หน้าจอเล็กไปหน่อย และได้ลองการเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟนเพื่อเล่นเพลงจากแอพฯ Spotify ในโทรศัพท์แล้วก็นับว่าทำได้ดี คุณภาพเสียงพอใช้ แต่หลุดการเชื่อมต่อไปเองบ่อยครั้ง ไม่ค่อยเจอเคสนี้เท่าไหร่ อาจเป็นเพราะตัวเครื่องเครื่องเสียง OEM รุ่นถูก แอบผิดหวังนิดหน่อยที่ระบบเครื่องปรับอากาศด้านหน้าไม่ใช่ดิจิตอลและตัวเบาะผู้ขับไม่ปรับไฟฟ้า แต่ความกว้างของภายในห้องโดยสารและพวงมาลัยมัลติฟังชันที่มีระบบสั่งงานด้วยเสียงและระบบ Cruise Control พอช่วยเยียวยาได้
ระบบความปลอดภัยต้องเริ่มจากบอกกับคนอยู่หลังพวงมาลัยก่อนว่า ไม่ประมาทและมีสมาธิเวลาขับเสมอเพราะยุคนี้คนขับรถหลายตนมักใช้สมาร์ทโฟนไปด้วย ระบบช่วยเหลืออะไรก็เหนื่อย อย่างไรก็ตามใน Xpander Cross มีระบบเซฟตี้ทั้งแบบแอคทีฟและพาสซีฟ คือ ป้องกันและบรรเทาไว้ดีพอ เช่น ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ เวลาเบรกกระทันหัน กล้องมองภาพด้านหลัง ระบบป้องกันการเปิดประตูหลังจากภายใน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ฯลฯ พวก เอบีเอส หรือพื้นฐานอื่นๆ นั่นมีกันหมดอยู่แล้ว ผู้เขียนไม่มีโอกาสลองขับแบบโหลดน้ำหนักเข้ารถเยอะ และลองขับขึ้น-ลงเขา ด้วยระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม ถ้าเป็นการขับท่องเที่ยวแบบครอบครัวทางไกลที่มีสมาชิกและสัมภาระแน่นรถ ก็ต้องเพื่อระยะห่างและใช้ความเร็วที่ควบคุมการเบรกได้อยู่ไว้ก่อน
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
Mitsubishi Xpander Cross 2020 ใหม่ มาราคาเดียว 899,000 บาท กับความพรีเมียมที่ชัดเจนกว่ารุ่น Xpander ธรรมดา พร้อมลุคที่ดูแข็งแกร่งมากขึ้น ตอบโจทย์รถครอบครัว 7 ที่นั่งได้ดี ทั้งด้านพละกำลัง ความประหยัด ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่ดูดี ทันสมัย อย่างไรก็ตามราคารถระดับ 9 แสนบาท นับเป็นช่วงที่มีตัวเลือกมากจริงๆ ทั้งซีดานขนาดกลางตัวเริ่มต้น เอสยูวีพรีเมียมตัวเริ่มต้น หรือ เอ็มพีวีขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง แต่ความได้เปรียบของ Xpander Cross 2020 คือ ความสดใหม่ และขนาดตัวรถที่เหมือนโดนไฟฉายขยายส่วน มาตอบผู้ที่ชอบความคุ้มค่า เป็นช่วงราคาที่เลือกยาก แต่ Xpander Cross 2020 นับเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นจริงๆ เอาเป็นว่าถ้าชอบ ไปลองนั่ง ลองขับแล้วใช่ ก็จัดได้เลยครับ