รีวิว MG GS Sport SUV แรง หนึบ ปลอดภัย ล้ำเทคโนโลยี
NEW MG GS รถยนต์อเนกประสงค์ยกสูงสไตล์อังกฤษ เน้นความบึกบึนพร้อมลุย ผสานความหรูหราระดับ Premium เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ พลัง 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ระบบเชื่อมต่อ inkanet ล้ำอนาคต สั่งการผ่านมือถือ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.21 ล้านบาท และขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.31 ล้านบาท
เส้นทางการทดสอบกรุงเทพฯ - อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มต้นจากโรงแรมอีสติน สาทร มุ่งหน้าถนนราชพฤกษ์ - พุทธมณฑล - นครปฐม - ราชบุรี - ปราณบุรี - สู่ที่พักโรงแรม เทวัญ ดารา บีช วิลล่า อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางไป-กลับ 600 กิโลเมตร
ในระหว่างการทดสอบนั้นได้แวะเยี่ยมชมศูนย์บริการ เอ็มจี ไพร์ม ออโต้ สามพราน พร้อมชมการสาธิตระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยการจำลองการหมุนของล้อที่หมุนฟรีบนแท่นลูกกลิ้ง
แท่นลูกกลิ้งจำลองการหมุนฟรีของล้อ และเมื่อเร่งเครื่องเพื่อให้รถเดินหน้าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าจะล็อคชุดเฟืองท้ายให้กระจายแรงขับไปยังล้ออื่นๆ อย่างเหมาะสมและสามารถเคลื่อนรถผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย
NEW MG GS SUV ที่ให้อารมณ์สปอร์ตอย่างแท้จริง เพราะรูปลักษณ์ที่ดุดันจากตำนานความเร้าใจของอังกฤษ กันชนหน้าโฉบเฉี่ยว ช่องดักลมขนาดใหญ่ พร้อมไฟตัดหมอกทรงสี่เหลี่ยมคางหมู กระจังหน้าขนาดเล็ก และไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ HID ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วน 2 ล้อเป็นฮาโลเจน รูปทรงเรียวแบนรับกับฝากระโปรงที่มีเส้นสายโค้งมนลู่ลม ตรงกลางมีโลโก้ MG ชัดเจน ยิ่งมองยิ่งคล้ายรถสปอร์ตฝั่งอิตาลีอยู่นิดๆ
ด้านข้างเน้นเส้นสายเหลี่ยมคมเพื่อดูแกร่ง กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED หลังคาในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ถูกติดตั้งราวหลังคาและมีซันรูฟไฟฟ้ามาให้เปิดรับลมเล่นๆ
ส่วนท้ายดูทันสมัยด้วยความเทลาดของกระจกในแบบแฮตช์แบ็กพร้อมที่ปัดน้ำฝน ไฟท้ายทรงเหลี่ยมเรียวยาวเชื่อมติดกันทั้ง 2 ฝั่งด้วยแถบสีดำทึบ ฝากระโปรงท้ายลาดยาวลงมาจรดกันชนและซ่อนสวิตช์เปิดไว้ด้านใน กันชนท้ายใช้สีดำด้านพร้อมช่องไฟตัดหมอกหลังทั้ง 2 ข้าง เรียกว่าไฟตัดหมอกมีให้ครบตามความชอบของคนไทย
MG GS ให้ล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว และดุดันด้วยปลายท่อไอเสียแบบคู่ NEW MG GS คอนโซลหน้าทรงเหลี่ยมแบบ Piano Black ใช้วัสดุสีดำด้านตัดสลับไม้ดำเงางาม มาตรวัดทรงกลม 2 ช่องให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น พร้อมไฟหน้าปัดสีแดงเมื่อใช้เกียร์ในโหมดสปอร์ต "S" หรือเปลี่ยนเกียร์เองเพิ่มความเร้าใจได้ไม่น้อย

มาตรวัดสีแดงในโหมดสปอร์ตและจอแสดงผลตรงกลางแม้จะตัวเล็กไปหน่อยแต่ก็เล่นฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ไม่ยาก
พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และ Paddle Shift สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ก้านไฟเลี้ยวมาในสไตล์ยุโรปอยู่ตำแหน่งซ้ายมือ และสวิตช์ครูซคอนโทรลแท่งยาวๆ ใกล้กับก้านไฟเลี้ยว ส่วนทางขวาเป็นสวิตช์โยกเปิด-ปิดใบปัดน้ำฝนหน้าและหลัง

ก้านไฟเลี้ยวอยู่ซ้ายนะครับ ถัดลงมาเป็นครูซคอนโทลที่มีปุ่มกดดูหน้าจอแสดงผลต่างๆ

ก้านเปิด-ปิดระบบปัดน้ำฝนและที่คอนโซลเป็นสวิตช์ปรับกระจกข้างกับสวิตช์เปิด-ปิดไฟหน้าที่มีระบบอัตโนมัติมาให้ด้วย
ช่องแอร์ทรงเหลี่ยมกรอบโครเมียม ถัดลงมาเป็นจอเครื่องเสียงหน้าสัมผัส 8 นิ้ว อยู่ในตำแหน่งมองง่าย ไม่ต้องละสายตาจากถนนมากนัก ชุดควบคุมระบบแอร์อัตโนมัติ ซึ่งสามารถแสดงผลได้บนจอเครื่องเสียง เพื่อความสะดวกในการปรับตั้งค่าของระบบแอร์ให้ง่ายมากขึ้น และมีปุ่มเลือกการใช้งานต่างๆ บนจอที่บอกฟังก์ชั่นชัดเจน พร้อมทั้งสวิตช์ไฟฉุกเฉินและปุ่มสั่งล็อคประตู แถมด้วยช่องแอร์ไปยังผู้โดยสารตอนหลังด้วย

หน้าจอขนาด 8 นิ้ว มองภาพได้ชัดเจน

ชุดควบคุมเครื่องเสียง ระบบแอร์ ปุ่มล็อคประตู และไฟฉุกเฉินที่อยู่ต่ำไปสักหน่อย

ผู้โดยสารตอนหลังเย็นฉ่ำตลอดการเดินทางด้วยช่องแอร์นี้เอง

เมื่อผลักเกียร์มาทางขวา (D/S+-) MG GS 218 แรงม้าจะพาหรรษาทุกวินาที!
ระบบคันเกียร์เลื่อนขึ้น-ลงตามแนวยาวและสามารถผลักไปทางขวาให้เป็นโหมดสปอร์ต โดยการทำงานจะแบ่งเป็นดังนี้
- ผลักมาด้านขวา สเต็ปแรกจะเป็นการขับโหมดสปอร์ต "S" โดยระบบเกียร์จะเปลี่ยนแบบอัตโนมัติ แต่เครื่องยนต์จะมีการค้างรอบเอาสูงเอาไว้เพื่อให้มีกำลังในการเร่งแซง
- ผลักมาทางขวา และใช้แป้น Paddle Shift บนหลังพวงมาลัยเพื่อเลือกตำแหน่งเกียร์ตัวตัวเองที่มีให้เล่นถึง 6 จังหวะ
ฐานเกียร์มีสวิตช์เปิด-ปิดเบรกมือไฟฟ้า และระบบ AVH Auto Vehicle Hold ป้องกันการไหลโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีสวิตช์เลือกใช้งานระบบล็อคอัพเฟืองท้ายในกรณีที่ต้องการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ โดยระบบนี้จะกระจายกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ล้อแบบ 50:50 และจะปลดล็อคที่ความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เพื่อการขับขี่ที่ราบรื่นและประหยัดมากขึ้น ระบบนี้จะคล้ายๆ กับการทำงานของโหมด 4L ให้รถ Off-Road ทั่วไปนั่นเอง

สวิตช์ควบคุมระบบเบรกมือไฟฟ้า เบรกอัตโนมัติ ระบบล็อคเฟืองท้าย และสั่งเปิด-ปิดระบบควบคุมการลื่นไถล
เบาะคู่หน้านั่งสบายนุ่มนวลปรับด้วยไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่ง สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ระดับการนั่งสูงไปสักหน่อยแม้จะปรับให้ต่ำสุดแล้วก็ตาม เวลาขึ้นรถ ถ้าลืมก้มศีรษะก่อนเข้า ศีรษะอาจกระแทกขอบประตูด้านบนได้
ส่วนเบาะหลังนั้นระดับที่นั่งต่ำเสมอกับเบาะหน้าทำให้ต้องคอยชะเง้อคอดูทางจึงจะมองเห็น แต่ก็ชดเชยด้วยความนุ่มสบายและพนักพิงที่เองได้ถึง 14 องศา เป็นมุมที่พร้อมนอนพักขณะเดินทางได้อย่างดี ส่วนห้องสัมภาระท้ายก็นับว่ามีพื้นที่มากพอสมควรและมีจุดเสียบไฟ 12 V มาให้เพื่อความสะดวก

เบาะผู้โดยสารตอนหลังเอนพนักพิงได้มากถึง 14 องศา และพับแยก 60:40
สำหรับรุ่น 2.0TX AWD หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ นั้นให้ซันรูฟไฟฟ้ามาด้วย เพิ่มความหล่อและเปิดรับลมชมดาวหางยามค่ำคืนได้อย่างชิวๆ

MG GS 2.0TX AWD ซันรูฟไฟฟ้าพร้อมแผ่นบังแสงที่ต้องรอเปิดตอนค่ำๆ ไม่งั้นเจอแดดเต็มๆ

MG GS 2.0TD 2WD จะไม่มีซันรูฟ แพดเดิ้ลชิฟ เบาะไฟฟ้าเฉพาะข้างคนขับ และไม่มีราวหลังและช่วงล่างที่นุ่มนวลขึ้น
ข้อแตกต่างของรุ่น MG GS 2.0TD 2WD ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าที่ไม่มีคือ แพดเดิ้ลชิฟบนพวงมาลัย, ไฟซีนอน, ระบบล้างไฟหน้า, ราวหลังคา, ซันรูฟ และเบาะคนนั่งข้างคนขับไฟฟ้า นอกนั้นเหมือนกันเป๊ะครับ
NEW MG GS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500 - 4,000 รอบต่อนาที ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ TST-Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 6 จังหวะ พร้อมแพดเดิ้ลชิฟต์ หลังพวงมาลัย (รุ่น 2.0TX AWD) ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และอีกรุ่นประหยัดคือ ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น ระบบเฟืองท้ายใช้แบบไฟฟ้าเป็นตัวล็อคอัพในการตัดต่อกำลัง รองรับเชื้อเพลิงได้ถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ระบบเกียร์อัตโนมัติ TST-Twin Clutch Sportronic Transmission ระบบเกียร์แบบนี้จะมีคลัตช์ 2 ชุด ซึ่งจะแตกต่างกับระบบ Dual Clutch คือ แกนของเพลากำลังในคลัตช์ชุดแรกจะมีเฟืองเกียร์ 1-2-3-4 ส่วนชุดคลัตช์ที่ 2 จะเป็นการทำงานของเกียร์ 5 และ 6 ซึ่งการทำงานจะให้ความรู้สึกเหมือนการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ในระบบอัตโนมัติทั่วไปไม่แตกต่าง ดังนั้นอาจมีการรอจังหวะเกียร์บ้างในช่วงเปลี่ยนเกียร์ลงมาจาก 4 ไป 3 หรือ 2 เพราะต้องรอเปลี่ยนตามลำดับขั้น แต่ก็ไม่เกิน 2 วินาทีเท่านั้น
ช่วงล่างแอบกระซิบว่าใช้แพลตฟอร์มรถยนต์เอสยูวีแบรนด์ดังจากเยอรมันมาเป็นต้นแบบจึงขึ้นชื่อเรื่องความหนึบ แน่น เกาะถนนดีมาก ด้านหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม Ceramic Compound Brake Pads หรือเนื้อผ้าเบรกมีส่วนผสมของเซรามิกเพื่อความหนึบ
New MG GS สัมผัสได้ถึงความสปอร์ตเร้าใจ เริ่มต้นจากตำแหน่งคนขับที่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นรถ SUV ที่เน้นความสปอร์ตมากๆ เพราะมาตรวัดทรงกลม เบาะที่กระชับลำตัว และพวงมาลัยกระชับมือ แม้หนังที่หุ้มจะแข็งมือไปบ้าง แต่ก็ให้ความเหนียวหนึบได้อย่างดี อัตราเร่งนั้นแรงตามสั่งจากพลังเทอร์โบ 218 แรงม้า แรงบิดมหาศาลขนาด 350 นิวตัน-เมตร ราวกับรถกระบะดีเซลเทอร์โบ ดึงจนตัวเอนติดเบาะและให้ความสนุกได้ในอารมณ์สปอร์ตจากเกียร์ที่ใช้คลัตช์แห้งแทนระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์จึงไม่สูญเสียกำลัง ในการเร่งแซงนั้นทำได้ทันใจและกำลังจากบูสต์ของเทอร์โบมาเร็ว แต่ไม่หนักจนควบคุมยากเกินไป สำหรับในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะตอบสนองช้ากว่าเล็กน้อย แต่เมื่อได้รอบก็ไต่ระดับขึ้นไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
การเซ็ตอัตราบูสต์เทอร์โบของ MG GS นั้นให้ใช้ที่ 0.9 บอนด์ต่อตารางนิ้วเท่านั้น ก็นับว่าแรงเหลือๆ แล้ว เพราะทาง MG ห่วงเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมรถที่ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยสัมผัสเครื่องยนต์เทอร์โบที่มีกำลังมากขนาดนี้ และช่วยให้ความราบรื่นในทุกย่านความเร็ว ซึ่งถ้าหากปรับกำลังให้เต็มที่มากไป ก็อาจจะทำให้การควบคุมเครื่องยนต์ยากขึ้น และอัตราบูสต์ที่หนักเกินไปอาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าก็เป็นได้ แม้ว่าระบบความปลอดภัยที่มีให้จะมากเพียงพอ แต่ก็ควรขับให้อยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัยตามกฏจราจรด้วยนะครับ เพราะว่าเครื่องยนต์ที่แรงมากขนาดนี้ขับเพลินๆ ก็เกิน 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อนั้น คาดเดากำลังเครื่องยนต์ได้ง่ายกว่า เนื่องจากไม่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้ "หน่วง" เมื่อเหยียบคันเร่ง จึงมีความรู้สึกไม่ต่างกับการขับรถยนต์ทั่วไป เพียงแต่ว่าอัตราเร่งแรงและสนุกมากขึ้น และในขณะเดียวกันรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะมีอาการหน้า "ดิ้น" เมื่อกระแทกคันเร่งหนักๆ เพราะกำลังมหาศาลที่ถูกส่งถ่ายไปเพียงล้อคู่หน้า ทำให้ควบคุมได้ยากกว่าและต้องเกร็งมือในการจับพวงมาลัยมากกว่ารุ่นที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ระบบช่วงล่างนับเป็นจุดเด่นของ MG GS เพราะเป็นอิสระทั้ง 4 ล้อแท้ๆ บวกกับความหนึบของโช้กและสปริงโดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นจะให้ความแน่นหนึบมากราวกับรถสปอร์ตเลยทีเดียว จึงมั่นใจในทุกลีลา และในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เพียงแค่ระบบช่วงล่างมีความนุ่มนวลมากขึ้นอีกเล็กน้อย
ในรุ่น 2.0TX AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตำแหน่งคนขับคล้ายๆ รถสปอร์ตหรือรถที่ปรับปรุงระบบช่วงล่างให้แข็งขึ้น สำหรับที่นั่งตอนหลังหากเจอถนนไม่เรียบจะค่อนข้างกระด้าง เมื่อกระโดดคอสะพานแรงๆ ตัวเกือบลอยแต่เมื่อตัวรถดึงกลับมา กลับไม่มีอาการจุก นับว่าปรับความหนืดได้ดีมากจริงๆ
และในรุ่น 2.0TD 2WD ขับเคลื่อนล้อหน้า ทั้งตำแหน่งคนขับและคนนั่งใกล้เคียงกันนั่นคือ มีความนุ่มกว่า แต่ก็ยังมีความหนึบของโช้กที่ให้ความมั่นใจในขณะขับความเร็วสูงเช่นกัน

ตำแหน่งคนเบาะหลังปรับเอนได้ 14 องศานั่งสบายมากขึ้น

สีส้มรุ่น 2.0TX AWD และสีขาวรุ่น 2.0TD 2WD
สรุปว่า MG GS นั้น เครื่องแรงตอบสนองทันใจ ช่วงล่างรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะหนึบและนิ่งกว่าเมื่อเร่งแรงๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ชอบเดินทาง ชอบอัตราเร่งที่สนุก การควบคุมที่แม่นยำ แต่ถ้าใครที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ชอบความนุ่มนวลของช่วงล่าง ออกต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว และควบคุมอัตราเร่งหรือคันเร่งได้ง่าย ใช้รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าก็เพียงพอแล้วครับ
อัตราสิ้นเปลืองของ MG GS ในทริปนี้ไม่ได้เป็นการวัดอย่างจริงจังนัก เพราะต้องการให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบเชื่อมต่อ inkanet จึงใช้อัตราเร่งอยู่บ่อยๆ โดยได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอย่าลืมว่า MG GS เครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ เน้นขับสนุกให้อัตราเร่งราวกับรถสปอร์ต การบริโภคน้ำมันจึงเป็นเรื่องรองครับ

เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบ พลัง 218 แรงม้า ขับโหดๆ ตลอดทริปได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 8.1 กิโลเมตรต่อลิตร
เทคโนโลยีและความสะดวกสบาย
NEW MG GS นอกจากระบบความบันเทิงที่ครบครันแล้ว ในเอ็มจี จีเอสใหม่ ติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกสบายมาให้อีกเยอะ เช่น เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า (เว้นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ), หลังคาซันรูฟ (เว้นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ), หน้าจอมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ 8 นิ้ว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูซคอนโทรล, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, กุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ต, ระบบเชื่อมต่อและการสื่อสารอินคาเน็ต พร้อมระบบนำทางเนวิเกชั่น, ระบบเครื่องเสียงเพื่อความบันเทิงพร้อมลำโพง 8 ตัว รองรับมัลติมีเดีย และการเชื่อมต่อบลูทูธ และเอยูเอ็กซ์ แต่น่าเสียดายที่มีช่องเสียบยูเอสบีในกล่องเก็บของคอนโซลกลางมาให้แค่ช่องเดียว
สุดยอดฟังก์ชั่นที่ครอบคลุมทุกการใช้งานให้ความมั่นใจกับระบบอินคาเน็ต - inkaNet ซึ่งใน NEW MG GS มีการติดตั้งกล่องควบคุมที่เรียกว่า T-Box และเป็นตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่


แอปพลิเคชันเมื่อเชื่อมต่อจะมีการแจ้งเตือน และสามารถเข้าไปดูได้หลายฟังก์ชัน
ในระหว่างการทดสอบได้ลองใช้การเชื่อมต่อผ่านมือถือสมาร์ทโฟน ด้วยการโหลดแอปพลิเคชัน หลังจากนั้นก็จะมีข้อความส่งมาเตือนเป็นระยะให้ทราบถึงสถานะของรถยนต์ที่เชื่อมต่ออยู่กำลังทำอะไรบ้าง เช่น การสตาร์ตเครื่องยนต์, การเปิด-ปิดล็อคประตู, แจ้งเตือนเช็คระยะ, ตรวจสอบความผิดปกติของรถยนต์ เป็นต้น


ข้อความแจ้งการเคลื่อนไหวของรถและสถานะต่างๆ สามารถใช้งานระบบอินคาเน็ต inkaNet ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ - แอปพลิเคชั่น inkaNet บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
- เว็บไซต์ www.mgcars.com ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
- MG Call Centre 1-800-999-988, 1-401-999-988 กด 3
พร้อมกับฟังก์ชั่นเด่นที่ให้บริการข้อมูลรถยนต์และความปลอดภัยของรถยนต์ NEW MG GS อีกมากมายคือ
- ระบบเลขาฯ ส่วนตัว ติดต่อ MG Call Centre เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพื่อสอบถามข้อมูลและขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวก โดยการส่งเส้นทางการเดินทาง (Point of Interest) มายังหน้าจอวิทยุรถยนต์โดยไม่ต้องค้นหาเองให้เสียเวลา
- ระบบนำทางรถยนต์ ให้ข้อมูลระบบนำทางผ่าน Google Maps และผู้ใช้สามารถเช็คตำแหน่งรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน Call Centre ได้แบบ Real time
- ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัย ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์ สามารถกำหนดไว้ตั้งแต่ 500 เมตร ไปถึง 10 กิโลเมตร จากศูนย์กลาง ในกรณีรถออกนอกรัศมีขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Push notification และส่ง SMS อีกด้วย
- วางแผนการเดินทาง สามารถส่งแผนการเดินทางจากคอมพิวเตอร์ไปยังหน้าจอวิทยุรถยนต์
- การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ เตือนความผิดปกติของรถยนต์ต่างๆ ทาง Push Notification
- เช็คสถานะการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมเบื้องต้นได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น
- ติดต่อ MG Call Centre เพื่อให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติของรถยนต์ และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นได้ทันที
- การตรวจสอบสถานะรถยนต์ โดยแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะปัจจุบันของรถยนต์ว่าปิดอยู่หรือไม่, แจ้งระดับแบตเตอรี่, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและอุณหภูมิอากาศภายนอก
- การสั่งล็อค/ปลดล็อครถระยะไกลผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือ MG Call Centre หรือจะเป็นการค้นหารถยนต์ด้วยฟังก์ชั่น Find My Car ระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถในที่มืดได้ง่ายขึ้น
- การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ โดยระบบจะแจ้งเตือนความผิดปกติผ่านทาง Push notification บนแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เมื่อรถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์
- การโทรออกและรับสายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยสามารถรับสายและโทรออก จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ไปยังโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ แม้มีไม่โทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ หรือลืมพกโทรศัพท์มือถือ
- การรับและส่งข้อความผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ แม้ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ
- แชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสัญญาณ WI-FI จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยวิทยุรถยนต์จะทำหน้าที่เสมือน WI-FI Router ให้เชื่อมต่อกับโลกได้ทุกที่ทุกเวลา
- ความสะดวกสบายที่สามารถใช้งานผ่าน inkaNet นั้นช่วยให้การติดต่อสื่อสารทั้งคนขับกับรยนต์เป็นหนึ่งเดียวกันและยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยและลดการโจรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เลือกเชื่อมต่อได้ตามรุ่นที่ใช้และบอกตำแหน่งของรถยนต์ได้อีกด้วย
ในเครื่องเสียงชุดนี้จะใช้ซิมโทรศัพท์ทรูเพื่อรับส่งสัญญาณทั้งโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ข้อความแจ้งเตือนต่าง และสามารถเติมเงินได้ตามร้านค้าทั่วไป เหมือนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวปล่อย WIFI ให้ใช้งานได้อีกด้วย

กุญแจรีโมท 2 ชุด
NEW MG GS ไม่ใช่แค่แรงอย่างเดียวแต่มีความปลอดภัยเกินมาตรฐานอีกด้วย เช่น
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System)
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System)
- ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor control Slide Retainer)
- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS - Indirect Tire Pressure Monitor System)
- ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA - Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (AVH - Auto Vehicle Hold)
- ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิกเบรกให้เหมาะสม (OHBV - Optimized Hydraulic Brake Servo)
- ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC - Intelligent Brake Disc Cleaning)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB - Electronic Parking Brake)
เยอะจนตาลาย บอกแล้วว่า NEW MG GS ให้ความปลอดภัยครบๆ ในแบบยุโรป
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
NEW MG GS รถยนต์อเนกประสงค์ยกสูง เครื่องยนต์แรง ช่วงล่างที่หนึบแน่น ระบบความปลอดภัยที่เต็มคัน พร้อมระบบ inkanet ที่พร้อมช่วยเหลือในทุกเรื่อง สำหรับครอบครัวที่ชื่นชอบความมันและแรงเร้าใจต้องรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และถ้าชอบชีวิตในเมืองออกต่างจังหวัดบ้างก็ใช้รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อก็นับว่าขับสนุกเพียงพอ สุดท้ายแล้วคุณต้องทดลองขับก่อนแล้วคุณจะรู้ว่า "สปอร์ตเอสยูวีเป็นเช่นไร?"
สามารถสัมผัสสมรรถนะทั้ง On/Off Road หรืออัตราเร่งแบบจัดเต็มกับรถยนต์ MG ได้ทุกรุ่นที่
MG Driving Experience Centre บางนาตราด โทร. 095 368 8600
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ MG โทร. MG Call Centre 1-800-999-988