Mercedes-Benz CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ดาวเด่น เท่อย่างแตกต่าง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยนตรกรรมชั้นเลิศจากเยอรมัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทยอยส่งรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ทำให้ตลาดมีความหลากหลายและมีความเฉพาะตัวมากขึ้น หนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจก็คือ
CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งรูปลักษณ์และพลังขับเคลื่อน ทีมงานเช็คราคา.คอม จึงนำมาพิสูจน์กับการทดสอบขับแบบใช้งานจริง
เส้นทางเลือกใช้ในเมืองและนอกเมืองผสมผสานกันเพื่อให้ได้ครบรูปแบบการทดสอบ เริ่มจากในเมืองเป็นการขับเข้าในโซนชั้นในย่านสีลมผ่านการจราจรหนาแน่นในช่วงเย็น ส่วนนอกเมืองได้ขับไปสัตหีบ ชลบุรี ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ - บายพาส - ทางหลวง 331 มุ่งหน้าสัตหีบ ชลบุรี โดยแวะบันทึกภาพบริเวณชายทะเล
CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ด้วยรูปทรงที่ย่อส่วนจากรุ่นพี่ CLS Shooting Brake ทำให้ดูแปลกตาพอสมควร เพราะเรามักคุ้นเคยกับตัวถัง A-class ในแบบตัวถังแฮตช์แบ็ก-A ซีดาน-CLA และครอสโอเวอร์-GLA จริงๆ รุ่นพี่อย่าง CLS Shooting Brake ก็ดูแปลกตาในสายตาหลายคน ทำให้คนที่รักในรูปทรงคลาสสิก พิมพ์นิยมดั้งเดิมพากันมองข้าม แต่ก็อาจได้กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มที่มองหาดีไซน์แปลก แตกต่างไม่ซ้ำใคร พอย่อส่วนเป็น CLA ก็เลยดูไม่คุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ตัวถังดูใกล้เคียงกับเอสเตท แต่ยังดูสปอร์ต ปราดเปรียวกว่า เพราะหลังคาด้านท้ายออกแบบให้ลาดลง อันเป็นเอกลักษณ์เด่นของ Shooting Brake และส่วนที่ทำให้ดูสปอร์ต สวยเท่ ยิ่งขึ้นก็เพราะถูกเสริมด้วยชุดแต่ง AMG Sport พร้อมด้วยสีพิเศษที่ชื่อ light aluminium trim with longitudinal grain หรือพูดง่ายๆ แบบชาวบ้านว่า สีเงินด้าน ซึ่งไม่แน่ใจว่า สำหรับรถที่เลือกใช้สีพิเศษ ถ้ามีการซ่อมตัวถัง งานสีจะสามารถเก็บได้ใกล้เคียงเดิมมาก-น้อยแค่ไหน ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ออกแบบลวดลาย 12 ก้านถี่ เฉพาะรุ่นนี้
รูปทรงตัวถังด้านข้างของ
CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ดูสปอร์ตแปลกตา ด้านหน้าดุดันด้วยชุดแต่ง AMG Sport สะท้อนถึงความแรงภายใต้รหัส CLA250
ด้วยท้ายได้กันชนท้าย AMG Sport กับปลายท่อไอเสียแยกออก 2 ฝั่ง ช่วยแยกออกจากความเป็นรถธรรมดา
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์เฉี่ยวแยกออก 2 แถว มองเห็นชัดเจน
สีพิเศษแบบด้าน อาจดูแปลกตาและช่วยให้เห็นเส้นสายชัดเจนในเวลากลางวัน แต่กลางคืนมันอาจไม่เด่นเท่าสีแบบเงา ภายในห้องโดยสารให้อารมณ์สปอร์ตเต็มอารมณ์ โดยเฉพาะทรงเบาะแบบสปอร์ตแค่นั่งก็อยากทะยานออกไปปลดปล่อยฝูงม้าแล้ว วัสดุหุ้มเบาะใช้หนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ เดินด้ายแดง ให้สัมผัสที่ดี แต่ก็ต้องระวังการนำอาหาร โดยเฉพาะเครื่องดื่มมาทานในรถ ดูแล้วเปื้อนน่าจะเป็นรอยง่าย ตำแหน่งการใช้งานต่างๆ เหมือนกับพี่น้องในครอบครัว A-class แต่ความพิเศษของรุ่นตัวถัง Shooting Brake คือ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี (ambient lighting) ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ทันสมัย จนอยากขับแต่ตอนกลางคืน เพราะถนนโล่ง รถแรง ภายในจอสวย ไฟเรืองแสงเร้าอารมณ์
วัสดุเบาะเป็น ARTICO/DINAMICA microfibre black ผสมกัน ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดี
มุมมองจาก หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เห็นความหรูหรา ทันสมัย และการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ได้ลงตัว
พวงมาลัยทรงสปอร์ต มัลติฟังก์ชั่น ช่วยให้การควบคุมระบบเอนเตอร์เทนขณะขับสะดวกขึ้น
รายละเอียดแสง สี เสียงใน Shooting Brake นับว่ายอดเยี่ยมสมราคา
ไฮไลท์ของ CLA ตัวถัง 5 ประตู คือ พื้นที่ใช้สอยด้านหลังขนาด 1,354 ลิตร
มากพอขนสัมภาระ และอุปกรณ์ต่างๆ ไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ขุมพลังของรุ่นตัวถัง Shooting Brake เหมือนกับใน
CLA 250 AMG Dynamic รุ่น 4 ประตู โดยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด
1,991 ซีซี แถวเรียง 4 สูบ 16 วาลว์ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 4,000 รอบต่อนาที ด้านอัตราเร่ง 0 - 100 กม. /ชม. เคลมจากโรงงานไว้ที่ 6.7 วินาที ช้ากว่ารุ่น CLA 250 AMG Dynamic อยู่ 0.2 วินาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ (7G - DCT) และสามารถเลือกปรับเปลี่ยนเกียร์เองอย่างฉับไวได้ที่แพดเดิ้ลชิฟต์พวงมาลัย สมรรถนะการขับ
ผู้เขียนขับ
CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ในเมืองช่วงแรกเน้นใช้งานท่ามกลางการจราจรหนาแน่น และดูความคล่องตัว ด้วยแพลตฟอร์มเดียวกับ A-class และเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่ขนาดเล็ก แม้ด้านท้ายจะยาวกว่าซีดาน แต่เมื่อขับในเมืองแล้วคล่องตัว สามารถเลาะเลี้ยวได้ดั่งใจ การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งตามจังหวะรถติดทำได้กระฉับกระเฉง แต่การใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว และยางขนาด 225/40 ทำให้ขาดความสบายไปไม่น้อย เพราะพื้นผิวถนนส่วนใหญ่ไม่เรียบ นอกจากนี้มุมมองที่ค่อนข้างต่ำจากเบาะนั่งแม้ปรับแล้ว ทำให้การมองอุปสรรคด้านหน้าค่อนข้างลำบากบ้าง ส่วนการขับทางไกลผู้เขียนเลือกไปยัง สัตหีบ ชลบุรี เพื่อใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ บายพาส ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 331 เพื่อให้สามารถทำความเร็วได้หลากหลาย ตลอดจนการทรงตัวที่ความเร็วปานกลาง-สูง การเลี้ยวกะทันหัน การเปลี่ยนเลน และการเบรกที่หลายระดับความเร็ว ซึ่งความรู้สึกโดยรวมนับว่าประทับใจในสมรรถนะรอบด้าน พลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปด้วยความสนุกและมั่นใจในการเร่งแซงรถช้าทุกจังหวะ ระบบเบรกสามารถชะลอได้อย่างนุ่มนวล และให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี การเปลี่ยนเลนซ้าย-ขวา เพื่อหาช่องทางเร่งขึ้น ก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วและเก็บอาการได้ดี การเข้าโค้งสั้นด้วยความเร็วปานกลางขึ้นไป ตัวรถมีอาการหน้าดื้อให้รู้สึกบ้าง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เขียนคิดว่าการขับแบบสปอร์ตอาจสู้ A-class 250 AMG ไม่ได้ แต่ Shooting Brake ก็ทำให้หลายคนเร้าใจและสนุกไปกับพลังของมันได้
ระยะที่ขับทดสอบทั้งหมดวัดได้จากหน้าจอไมล์ 488 กม. เป็นการขับทั้งในและนอกเมือง แต่ส่วนใหญ่เป็นการขับนอกเมือง และไม่เน้นทำตัวเลขประหยัดเชื้อเพลิง ขับตามการใช้งานจริงทั้งจอดเดินเบาท่ามกลางจราจรติดขัด และสามารถทำความเร็วสูงได้หลายช่วงในการขับทางไกล อัตราสิ้นเปลืองที่แสดงบนหน้าจอคิดได้ 11.23 กม./ลิตร ถ้าพิจารณาจากเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ประกอบกับน้ำหนักตัวรถประมาณ 1,555 กก. นับว่ายอมรับได้ เชื่อว่าในรุ่นตัวถังซีดาน หรือ แฮตช์แบ็ก น่าจะทำได้ดีและดูเหมาะกว่า
ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเด่น
ภายในห้องโดยสารพบกับความคุ้นเคยในการปรับระดับเบาะนั่งด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2 ตำแหน่งด้านหน้า เพราะของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ออกแบบเป็นปุ่มปรับนูนที่ด้านข้างประตูไม่ต้องก้มลงปรับเหมือนทั่วไป นับเป็นความสะดวก นอกจากนี้ยังบันทึกความจำได้หลายตำแหน่ง ส่วนอุปกรณ์เด่นยกให้หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ซึ่งเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟา (Electricpanoramic sliding glass sunroof) ผู้เขียนชอบที่จะเปิดเป็นมูนรูฟให้เฉพาะแสงสว่างส่องผ่านเข้ามาเมื่อขับในเวลากลางคืน ช่วยให้ความรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น ในส่วนของรุ่นตัวถัง Shooting Brake ประตูบานท้ายมีปุ่มเปิด-ปิดอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขนของขึ้น-ลง
ผู้เขียนรู้สึกว่าปุ่มมีเยอะเกินไปจนลายตา โดยเฉพาะเวลาขับกลางคืน ตำแหน่งปุ่มบางอันต้องก้มมองเป็นพิเศษ
การออกแบบช่องแอร์ทำได้สุดคลาสสิก 3 ตำแหน่งมากพอทำความเย็นทั่วถึง และปรับทิศทางได้ง่ายด้วย
เมื่อใช้งานจริงรู้สึกว่าตำแหน่งแผงปรับระบบปรับอากาศอยู่ต่ำเกินไป ขาดความสะดวก และมองไม่ถนัด
หัวใจของการสั่งงานฟังก์ชันต่างๆ ผ่านหน้าจอ ให้ความคล่องตัวและสะดวกกว่ากดปุ่มแยกด้านบน CLA 250 Shooting Brake AMG Sport เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย เพราะบรรจุสารพัดระบบช่วยเหลือต่างๆ ช่วยสร้างความมั่นใจทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ที่สำคัญคือ มีครบทุกรุ่นย่อย นับเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นลำดับแรกจริงๆ สำหรับระบบช่วยเหลือที่โดดเด่นและน่าสนใจ ประกอบด้วย ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับ (ATTENTION ASSIST) / โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) / ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) / ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) / ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พรอมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist / ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light) / ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) / ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนยบริการ (ASSYST service interval indicator) / ระบบเตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system) กระจกมองข้างด้านผู้ขับปรับลดแสงโดยอัตโนมัติ
จอแสดงผลกลางคอนโซลใช้งานได้อย่างคุ้มค่า รองรับหลายฟังก์ชั่น โดยเฉพาะภาพจากกล้องมองหลัง ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
ด้วยราคา 3,090,000 บาท นับว่าแพงสุดของตระกูล A-Class และแพงกว่ารุ่นพี่อย่าง C350e บางรุ่นย่อย คนที่เลือก
CLA 250 Shooting Brake AMG Sport ต้องชอบรถสปอร์ตพรีเมียมหรูขนาดเล็ก แต่คงอรรถประโยชน์ด้านการใช้งานมากกว่าซีดาน ชอบรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เมื่อเสริมด้วยสีพิเศษยิ่งเด่นมากขึ้น ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร สามารถระเบิดพลังได้อย่างเร้าใจจนเกินพอ แต่ถ้าพิจารณาจากราคาของ CLA 250 Shooting Brake AMG Sport อาจไม่ใช่รถที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า ด้วยงบประมาณ 3 ล้าน (+/-) ยังมีรุ่น CLA 250 AMG Dynamic ที่ส่วนสำคัญต่างๆ เหมือนกัน เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน แต่ทำเวลาดีกว่าด้วยตัวถังที่เบากว่า และราคาถูกกว่า 600,000 บาท นอกเหนือจากรุ่นนี้ ยังมีรุ่นพี่อย่าง C350 e advantgarde กับ Exclusive ที่ราคาถูกกว่า ไม่ถึง 3 ล้านบาททั้งคู่ หรือถ้าชอบแบบ 5 ประตู จ่ายเพิ่มอีก 6 แสนบาท ก็จะได้รุ่น C350 e Estate AMG Dynamic ดังนั้น CLA 250 Shooting Brake AMG Sport จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบ และถูกใจกับรูปลักษณ์ของรถสไตล์นี้จริงๆ ครับ