สำหรับการทดสอบระหว่างวันที่ 10 - 11 ก.ค. 58 นี้ มีรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่น 2.8 ลิตร หลากตัวถังหลายรุ่น เช่น ซิงเกิ้ล แค็บ 4X4, สมาร์ท แค็บ 4X4 และดับเบิ้ล แค็บ 4X4 จำนวนกว่า 20 คัน ที่จอดเรียงรายให้สื่อมวลชนได้สลับทดลองขับกันอย่างครบถ้วน ทั้งระบบเกียร์ธรรมดาหรืออัตโมัติมาให้ได้ลองกันอีกด้วย
การทดสอบนี้แบ่งเป็นหลายสเตชั่นคือ อัตราเร่ง, การสลาลอม, การเข้าโค้งที่ความระหว่าง 60 -100 กม./ชม. และการหักเปลี่ยนเลนที่ความเร็ว 60 กม./ชม. โดยเน้นที่รีโว่ รุ่น สมาร์ทแค็บ เกียร์ธรรมดาที่มีระบบ iMT โดยทดลองขับทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกเป็นการขับโดยใช้โหมดเกียร์ปกติ รอบที่สองเปิดระบบเกียร์ iMT เพื่อให้รู้สึกถึงความแตกต่าง
เป็นการจำลองสนามทั้งบ่อโคลน, หลุม, เนินเอียง, เนินขึ้นทางชัน เพื่อสัมผัสสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบช่วงล่าง และกำลังของเครื่องยนต์ ด้วยรีโว่ทั้ง 3 รุ่นตัวถัง
การทดลองขับใช้งานจริงบนเส้นทาง จ.บุรีรัมย์ - กรุงเทพฯ (โรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ระยะทางรวม 407.7 กม. ด้วยรีโว่ ทั้ง 3 รุ่นตัวถัง
การให้ความรู้ความเข้าใจในรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ อย่างละเอียดยิบจากทีมงานโตโยต้า ประเทศไทย เพื่อบรรยายถึงข้อมูลเทคนิคของผลิตภัณฑ์ให้ผู้สื่อข่าวอย่างถูกต้องและชัดเจน
ภายในดีไซน์สไตล์รถซีดานทิ้งความเป็นรถกระบะโดยสิ้นเชิง เพิ่มความหรูหราด้วยคอนโซลสีดำสลับสีเงิน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงผล MID 4.2 นิ้ว คอนโซลกลางติดตั้งเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อได้ครบทั้ง USB/AUX/Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตัว รองรับระบบนำทาง T-Connect ระบบแอร์อัตโนมัติ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และประตูแค็บเปิดได้เพิ่มความสะดวกสบาย เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
การทดสอบทั้งหมด 3 สถานี + 1 รูปแบบการขับขี่บนถนนจริง โดยทีมงานเช็คราคา.คอม / CarGuRuThailand เริ่มในส่วนการบรรยายข้อมูลด้านเทคนิคของเจ้ารีโว่เป็นอันดับแรก
ระยะหูแหนบยาวขึ้น
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ นับเป็นการปรับโฉมใหม่ทั้งคัน เริ่มตั้งแต่แชสซีส์ที่ใช้ความหนาของเหล็กหรือโครงสร้างมากขึ้น แม้จะมิติตัวรถดูใกล้เคียงรุ่นก่อนหน้า แต่โตโยต้าย้ำว่า ใหญ่และหนากว่าแน่นอน!
ระบบช่วงล่างอันทันสมัยจาก โตโยต้า พราโด ที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าดีจริง!
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบน ชุดปรับเปลี่ยนระบบเกียร์ 4X4 ที่ใช้เทคโนโลยีจากโตโยต้า พราโด้ นับว่าผ่านการทดลองและใช้งานจริงมาแล้ว และถูกปรับใหม่ให้เหมาะสมกับรีโว่โดยเฉพาะ รวมถึงเฟืองท้ายแบบ Diff-Lock ทำงานด้วยไฟฟ้าแม่นยำมากขึ้น และประหยัดด้วยการใช้น้ำมันเฟืองท้ายแบบปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเฟืองท้ายเฉพาะสำหรับลิมิเต็ดสลิบ
จุดยึดแหนบถ่างออกอย่างเห็นได้ชัด!
ส่วนแหนบด้านหลังออกแบบหูแหนบใหม่ให้มีระยะยาวขึ้น เพิ่มความนุ่มนวลและใช้แผ่นเหล็กแหนบที่ออกแบบเฉพาะรุ่น เพื่อรองรับสมรรถนะได้เต็มที่ และได้เพิ่มระยะห่างฐานล้อหลังตรงส่วนแหนบให้กว้างขึ้น เพื่อให้เกาะถนนดีขึ้นอีก
iMT ชดเชยรอบเครื่องให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ
สำหรับระบบเกียร์ธรรมดา iMT ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการเร่งรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรอบของชุดขับเคลื่อน เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ตกลงมาจนเกิดการกระชาก ส่งผลให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลขึ้น ยืดอายุการใช้งานของระบบส่งกำลังได้มากขึ้น และเครื่องยนต์มีการตอบสนองที่ดีในทุกย่านความเร็ว แม้ขณะลดความเร็วเข้าและเร่งออกจากโค้ง เช่น ขณะความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ที่เกียร์ 6 ประมาณ 1,700 รอบ/นาที เมื่อเราลดความเร็วลงมาเหลือประมาณ 80 กม./ชม. พร้อมเปลี่ยนลงมาที่เกียร์ 5 รอบ ระบบเซ็นเซอร์ที่วัดความเร็วรอบชุดส่งกำลังจะส่งสัญญาณไปสั่งกล่อง ECU เครื่องยนต์และสั่งระบบคันเร่งไฟฟ้าให้เพิ่มรอบเครื่องยนต์ไปในจุดที่เหมาะสมคือ 2,200 รอบ/นาที (โดยประมาณนะครับ) เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดหรือกระชากเมื่อปล่อยคลัตช์
ชุดปรับเปลี่ยนระบบเกียร์เป็น 4X4 จากโตโยต้า พราโด้ พร้อมด้ามเกียร์สั้นกระชับ แต่ถ้าไม่ใช้ระบบ iMT รอบเครื่องจะตกลงมาระดับรอบเดินเบา (ประมาณ 800 รอบ/นาที) และเมื่อปล่อยคลัตช์จะเกิดอาการหน่วงจากการเบรกของเครื่องยนต์ (Engine Brake) ทำให้เกิดอาการกระตุก และเสียจังหวะในการเร่งเครื่องใหม่อีกครั้ง เป็นต้น
ชุดเฟืองเพลาหน้าและท้ายขนาดใหญ่
เครื่องยนต์ออกแบบใหม่ทุกรายละเอียด
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ นอกจากจะให้กำลังสูงที่รอบต่ำเพื่อให้ความประหยัดและลดมลพิษแล้ว ในส่วนประกอบต่างๆ ก็คำนึงในทุกรายละเอียด เช่น หัวฉีดคอมมอนแรลแบบความต้านทานต่ำ 9 รู ฉีดได้เร็วกว่า 10 ครั้งต่อจุดระเบิด 1 ครั้ง พร้อมปั๊มแรงดันสูงถึง 220 เมกะปาสคาล (MPa) ระบบวาล์วแบบ Roller Rocker Arm เพื่อลดความฝืดปรับตั้งแบบอัตโนมัติ และใช้โซ่ขับเพลาราวลิ้นทนทานไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน
เทอร์โบเยื้ยงไปด้านหน้าเพื่อลดความร้อนสะสม
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าควบคุมครีบรีดอากาศก่อนเข้าโข่งหลังเทอร์โบ ระบบเทอร์โบแปรผันติดตั้งเยี้องมาด้านหน้ามากขึ้นเพื่อลดความร้อนสะสมจากไอเสียและใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวควบคุม "ครีบรีดอากาศ" ตอบสนองทันทีที่เร่งเครื่องยนต์ ส่วนชุดแคททาไลติกคอนเวอเตอร์ต่อจากท่อไอเสียที่ออกจากโข่งหลังเทอร์โบ
ใช้สายพานเส้นเดียวขับได้ครบ/สังเกตให้ดีระบบคันเร่งไฟฟ้าจะมีลิ้นผีเสื้อด้วย ชุดไดชาร์จขนาดเล็กลง แต่ผลิตไฟได้มากขึ้น พร้อมชุดมูเล่หมุนฟรีได้แบบ "โซ่จักรยาน" เพื่อลดกำลังชุดเครื่องยนต์ ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ใช้ขนาดเล็กลง แต่เพิ่มจำนวนลูกสูบมากขึ้น เป็นการลดภาระเครื่องยนต์ แต่คงประสิทธิภาพความเย็นฉ่ำได้เหมือนเดิม ที่สำคัญใช้สายพานเพียงเส้นเดียว! ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำลงอีกเยอะครับ
ทางฝ่ายเทคนิคจากโตโยต้าย้ำว่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ ประหยัดกว่า มีอายุการใช้งานนานกว่า มีชิ้นส่วนให้ต้องเปลี่ยนน้อยกว่า และสิ่งที่ฟังแล้วสบายใจที่สุดก็คือ เมื่อหัวฉีดดีเซลตัน ก็สามารถเปลี่ยนทีละตัวได้ด้วย ประหยัดมั้ยล่ะครับ
รอยบากเป็นบั้งๆ ก็เพื่อการงอตัวของเหล็กและซับแรงกระแทกสู่ห้องโดยสาร
โครงสร้างนอกจากแข็งแรงแล้วยังออกแบบให้ลดแรงปะทะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการทำร่องตรงส่วนของเหล็กด้านหน้าให้สามารถยุบและงอตัวได้ เพื่อดูดซับแรงกระแทก และป้องกันการบาดเจ็บของผู้โดยสาร รวมถึงเครื่องยนต์ถูกออกแบบให้ยุบตัวลงใต้ท้องเมื่อเกิดการชนรุนอย่างแรงอีกด้วย และสามารถเปลี่ยนเหล็กส่วนนี้จากทางโตโยต้าที่เป็นอะไหล่แท้ๆ ได้อีกด้วย ไม่ต้องดัดหรือดึงใหม่ จึงให้ความปลอดภัยเทียบเท่ารถที่เพิ่งออกจากโรงงาน
จะเห็นว่าโตโยต้า รีโว่ ใหม่ทั้งคัน ตั้งแต่การออกแบบทั้งภายในและภายนอกรถ ไปจนถึงเครื่องยนต์และช่วงล่าง สิ่งสุดท้ายที่เหมือนกับรุ่นเดิมอยู่นั้นคือ ที่เก็บยางอะไหล่!
Station 2 : รีโว่ วาดลีลาร้อนแรงในสนามระดับโลก
การทดสอบในสนามที่เน้นอัตราเร่ง ความเกาะถนน และระบบเกียร์ธรรมดาที่มี iMT มาช่วย เริ่มจากการขับในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีผู้ฝึกสอนนั่งประกบข้างคนขับเพื่อให้คำแนะนำการขับอย่างถูกต้องและปลอดภัย ในรอบแรกจะเป็นการขับในโหมดธรรมดา ในลักษณะต่างๆ ตามจุดที่กำลังให้ดังนี้
รอบที่ 1 ใช้โหมดการขับธรรมดาและไม่เปิดระบบ iMT
- การสลาลอมที่ความเร็ว 60 กม./ชม. :
จะทดสอบเฉพาะรอบแรกเท่านั้น เพื่อดูการทรงตัวของเจ้ารีโว่ ซึ่งสามารถขับผ่านไปได้อย่างไม่ต้องเกร็งมือนัก และตัวรถไม่เอียงจนตัวผู้ขับไหลไปมา
- เข้าโค้งขวายูเทิร์นโดยกำหนดความเร็วที่ 60 กม./ชม. และเร่งอย่างรวดเร็วสู่โค้งซ้ายบางๆ ที่ 100 กม./ชม. และลดความเร็วลงเหลือ 60 กม./ชม. :
อัตราเร่งยังตอบสนองได้ดีแต่อาจมีรอรอบเล็กน้อย เมื่อลดตำแหน่งเกียร์สูง-ต่ำและปล่อยคลัตช์จะมีอาการกระชากหรือหน่วงๆ เล็กน้อย เพราะรอบเครื่องยนต์ตกลงมาต่ำกว่าความเร็วชุดเกียร์ - โค้งซ้ายที่ความเร็ว 80 กม./ชม. หลังจากนั้นเร่งเครื่องเต็มที่ 100 กม./ชม. :
สังเกตอัตราเร่งตอนออกตัวจากโค้งในระยะทางสั้นๆ นับว่าเร่งได้ดีแต่ต้องรอรอบบ้าง - ลดความเร็วเหลือ 80 กม./ชม. และต่อด้วยโค้งขวาที่ความเร็ว 60 กม./ชม. หลังจากเพิ่มความเร็วที่ 100 กม./ชม. :
ทดสอบระบบเบรกกับการเร่งเครื่องอย่างรวดเร็วและต้องเบรกอีกครั้งเพื่อลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง ซึ่งเบรกทำงานได้นุ่มนวลไม่แข็งและใช้น้ำหนักไม่มากก็ชะลอความเร็วได้แบบเนียนๆ โดยที่รถไม่เสียหลักหรือต้องแต่งอาการใดๆ เลย - จุดทดสอบการเปลี่ยนเลนให้ลดความเร็วที่ 60 กม./ชม. และเบรกเพื่อเข้าโค้งขวาที่ 40 กม./ชม. :
การเปลี่ยนช่องทางอย่างรวดเร็วรีโว่สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดายและมีอาการโคลงของตัวรถน้อยมาก ที่สำคัญเร่งเครื่องยนต์เพิ่มได้โดยที่ตัวรถไม่มีอาการส่ายไป-มาให้เห็น เป็นอันจบ 1 รอบสนาม
มุมประทับใจกับรีโว่และป้าย "Long Live The King"
รอบที่ 2 ใช้โหมดการขับ Power และเปิดระบบ iMT (คล้ายกับเทคนิค "Heel-toe" !!!)
ผู้ฝึกสอนจะกดปุ่มเปิดใช้ระบบ iMT ให้ได้ขับอีกรอบสนาม พร้อมสังเกตการเร่งเครื่องยนต์ขณะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อดูว่าอัตราเร่งเมื่อออกจากโค้งและความนุ่มนวลของการเปลี่ยนจังหวะเกียร์มีมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากการทดสอบนั้น สังเกตได้ชัดเจนว่า เมื่อลดความเร็วและลดตำแหน่งเกียร์ลง อย่างเช่นขณะความเร็ว 80 กม./ชม.ที่เกียร์ 3 รอบเครื่องประมาณ 4,000 - 5,000 รอบ/นาที เมื่อเบรก-เหยียบคลัตช์-เข้าเกียร์จังหวะนี้เองที่เครื่องยนต์จะถูกเร่งรอบขึ้นมาให้เพื่อรองรับกับความเร็วของเกียร์ 2 ที่เราเตรียมเข้าอยู่ และเมื่อปล่อยคลัตช์แทบไม่อาการกระตุกเลยพร้อมเร่งเครื่องได้ต่อเนื่อง ทำให้อัตราเร่งดีขึ้นมาก ตอบสนองทันใจไม่ต้องรอรอบอีกด้วย ซึ่งระบบ iMT นี้สามารถจับความรู้สึกได้ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ ลักษณ์แบบนี้คล้ายๆ กับการใช้เทคนิคของนักแข่งรถ "Heel-toe" นั้นเอง หรือการเร่งเครื่องยนต์ขณะเปลี่ยนเกียร์ด้วยส้นเท้า เพื่อให้กำลังเครื่องยนต์ที่รอบสูงๆ เอาไว้พร้อมที่จะเร่งออกตัวในโค้ง
อย่างไรก็ตามในการเปลี่ยนจังหวะเกียร์สูงขึ้นเรื่อยๆ นั้น อาจรับรู้อาการนี้ไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากการเร่งเครื่องจนความเร็วสูงขึ้นไปนั้น ความเร็วรอบของชุดเกียร์สูงอยู่แล้ว เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น รอบเครื่องย่อมต่ำลงตามอัตราทด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรอบสูงมากนักความเร็วของทั้งเครื่องยนต์และชุดเกียร์ก็แมตช์กันพอดี
สรุป สำหรับการทรงตัวในโค้งต่างๆ นับว่าสามารถควบคุมและทรงตัวได้ระดับดีมาก การเกาะถนนพร้อมความนุ่มนวลของช่วงล่างที่โตโยต้า คิดค้นปรับปรุงและทดสอบในสภาพถนนในประเทศไทยจริง จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงสมรรถนะด้านการเกาะถนนที่ดีขึ้นกว่าวีโก้รุ่นก่อนหน้าหลายขุม..
Station 3 : รีโว่ลุยสไตล์ Off-Road ผ่านฉลุย แม้มือใหม่!
การทดสอบแบบลุยโคลน บ่อน้ำลึก และทางลาดเอียงในสนามจำลองที่จัดขึ้นเพื่อ "ลองของ" เจ้ารีโว่ใหม่ กันแบบดิบๆ ภายใต้คอนเซปต์ "มือใหม่ก็ลุยได้" ไม่ใช้สแตนด์อิน เพราะทางโตโยต้าเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ขับด้วยตัวเองคนละ 1 รอบ สนาม และเมื่อมีเวลาเหลือสามารถขอสลับรถรุ่นอื่นๆ ขับได้ด้วย ในครั้งนี้ทีมงานเช็คราคา.คอม "ขอเบิ้ล" โดยรอบแรกในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4X4 A/T และรอบที่สองในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4X4 M/T พร้อมผู้ฝึกสอนประกบข้างเช่นเดิมเพื่อแนะนำวิธีการขับที่ถูกต้องและความปลอดภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในสนามที่คอยโบกมือให้รถเข้าไลน์ที่ถูกต้อง การขับทดสอบจะใช้โหมด 4X4 ปรับเป็บแบบ H4 และใช้ L4 ในช่วงขึ้น-ลงเนินชันเกินกว่า 30 องศา (โดยประมาณ)
สภาพสนามแบ่งเป็นหลายรูปแบบคือ ทางผสมโคลน, บ่อน้ำลึก, ปีนเนินเอียงซ้าย-ขวา, ขึ้นทางชันทดสอบระบบช่วยออกตัวทานชัน/ระบบหน่วงเมื่อลงทางชัน, เนินสูงกว่า 30 องศา เพื่อทดสอบกำลังแบบไม่ต้องเร่งเครื่องยนต์ด้วยโหมด L4 เป็นอันจบรอบสนาม
รอบแรกโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ดับเบิ้ลแค็บ 4X4 เกียร์อัตโนมัติ รอบที่สอง โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ดับเบิ้ลแค็บ 4X4 รุ่นเกียร์ธรรมดา
เริ่มต้นด้วยด่านโหดคือ การลุยทางขี้เลนพร้อมมีหลุมลึกหลังจากโดนฝนตกหนัก! จากการขับโดยคำแนะนำของผู้ฝึกสอน รีโว่ ผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งที่ใช้การปล่อยไหลของรอบเครื่องยนต์ในตำแหน่งเกียร์ "D" และใช้เพียงการแตะคันเร่งเบาๆ เพื่อขึ้นจากหล่มโคลนเท่านั้น ต่อมาเป็นการขับลงหลุมลึกที่กลายสภาพเป็น "บ่อโคลน" เพื่อพิสูจน์มุมด้านหน้า-หลังของรีโว่ที่สามารถผ่านไปโดยไม่มีติดตัวกันชนหน้าหรือหลังเลยแม้แต่นิดเดียว และผู้ฝึกสอนยังให้เร่งเครื่องขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนว่าจะครูดกันชนอีกต่างหากครับ
ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา การทดสอบใช้เพียงกำลังเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาเป็นหลัก จะมีเร่งเครื่องบ้างในจังหวะที่ต้องไต่ขึ้นจากหลุมเท่านั้น นับว่าขับง่ายมมากๆ แม้แต่มือใหม่หัดลุยก็ไปได้สบายครับ
หลังจากนั้นเป็นการขับขึ้นเนินเอียงข้างทั้งซ้าย-ขวา เพื่อพิสูจน์การทรงตัว ซึ่งรีโว่ก็ผ่านไปได้แบบชิวๆ ทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติและธรรมดาครับ
มาถึงจุดทดสอบระบบ HAC ช่วยออกตัวทางลาดชัน ซึ่งเมื่อขับไปข้างหน้าและเบรกไว้ เมื่อปล่อยเบรกรถหยุดนิ่งภายใน 3 วินาที เพื่อให้คนขับละเท้าจากแป้นเบรกไปเหยียบคันเร่งอย่างง่ายดาย โดยที่รถก็ไม่ไหลถอยหลังเลยแม้แต่น้อย จุดนี้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและธรรมดา ทำงานได้ใกล้เคียงกันครับ
สุดท้ายเป็นการใช้โหมด L4 เพื่อไต่ทางชันระดับ 30 กว่าองศา โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง! แต่รีโว่เกียร์อัตโนมัตินั้นจะพิสูจน์เพียงการขับขึ้นไปจอดค้างไว้โดยไม่ต้องเหยียบเบรก เพื่อดูกำลังของเครื่องยนต์ที่สามารถประคองไม่ให้รถไหลถอยหลังได้ และหลังจากนั้นต้องเดินคันเร่งแผ่วๆ เพื่อให้ผ่านยอดเนินและจังหวะลงก็ให้ปล่อยไหล โดยใช้เอ็นจินเบรก ซึ่งจะค่อยๆ ไหลลงเนินอย่างช้าๆ โดยไม่ต้องเบรกเลย นับว่ามีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหากต้องลงทางลาดชัน
ส่วนในรุ่นเกียร์ธรมดาผู้ฝึกสอนจะให้ปล่อยไหลด้วยรอบเดินเบาหรือ Walking Speed จนรถไต่ขึ้นเนินไปเองโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งเช่นกัน แต่คราวนี้รีโว่ กลับไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเนินอย่างง่ายๆ ไม่มีอาการกระตุกหรือขี้เกียจแม้แต่น้อย นับว่าแรงบิดมหาศาลระดับ 420 นิวตัน-เมตร ขึ้นสบายๆ ครับ
Station 3 : สมรรถนะบนทางหลวง
ช่วงทดสอบนี้ทีมงานเช็คราคา.คอม/CarGuRuThailand ได้ขับโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ดับเบิ้ลแค็บ 4X4 เกียร์อัตโนมัติ เพื่อทดสอบใช้งานจริงบนถนนกันบ้าง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ ความนุ่มของระบบช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก การเกาะถนนที่ดีแม้ความเร็วสูงๆ และเก็บอาการกระเด้งของส่วนท้ายได้ดีขึ้น แม้จะขับผ่านทางลูกรังหรือผิวถนนที่ไม่เรียบ การเก็บเสียงจากภายนอกยิ่งน่าประทับใจแม้ที่ความเร็ว 160 กม./ชม. เสียงจากเครื่องยนต์พอได้ยินเบาๆ ตามความเร็วรอบสูง การควบคุมพวงมาลัยที่ความเร็วมีความหนืดนิดๆ มั่นใจทุกโค้ง
อัตราเร่งการ-ตอบสนองเครื่องยนต์และระบบเกียร์ นับว่าเร่งขึ้นแบบแนียนนุ่มกว่าเดิม บางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีแรงดึงแบบดุดันเหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่ถ้าดูความเร็วหรืออัตราเร่งจริงจะเห็นว่าจังหวะการเร่งจากหยุดนิ่งหรือการแซงนั้น ใช้เวลารวดเร็ว และทันใจมากขึ้น แม้จะคิกดาวน์อย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์พอได้ยินเบาๆ พร้อมกับเข็มความเร็วไต่ระดับขึ้นอย่างน่ากลัวโดยที่ภายในห้องโดยสารคงความเงียบและนุ่มนวลจนไม่รู้ว่านั่งอยู่ในรถกระบะที่วิ่งด้วยความเร็ว 180 กม./ชม.ไปแล้ว
อัตราสิ้นเปลืองแบบไม่ปั่นแต่งและขับโหดๆ อยู่ที่ 11.4 กม./ล.
ระยะทาง 407.7 กม.ใช้ไปครึ่งถัง อัตราสิ้นเปลืองที่วัดได้ดีที่สุดบนหน้าปัดจากการขับทดสอบขากลับบนเส้นจากจ.บุรีรัมย์ ถึง กรุงเทพฯ อยู่ที่ 11.4 กม./ล. และใช้ระยะทางรวมทั้งหมด 407.7 กม. เหลือน้ำมันครึ่งถังเป๊ะ โดยตลอดเส้นทางได้ทดลองขับที่ความเร็วสูงบ่อยๆ ทดสอบอัตราเร่งแซงตลอด ดังนั้นรีโว่จึงกินน้ำมันน้อยอย่างน่าพอใจ
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ทแค็บใหม่ นอกจาประตูแค็บเปิดได้กว้างขวางแล้ว ยังออกแบบพื้นที่การใช้สอยได้อย่างลงตัวและคุ้มค่า ทั้งช่องวางสิ่งของต่างๆ ที่วางแก้วน้ำ เบาะนั่งคนขับที่ปรับขึ้นลงได้ แอร์อัตโนมัติใช้งานง่ายมาก ก็แค่ตั้ง AUTO เอาไว้และปล่อยให้ระบบจัดเอง ที่เท้าแขนพร้อมกล่องใส่ของ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ช่องเก็บของรักษาความเย็น และระบบความบันเทิงที่สะดวกสบายราวกับรุ่นคัมรี่ นี่ไม่ใช่แค่กระบะมีแค็บเอาไว้ขนของ! แต่มันเป็นรถครอบครัวระดับหรูหราได้สบายๆ ครับ
ส่วนในรุ่นดับเบิ้ลแค็บยิ่งหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อยจากรุ่นสมาร์ทแค็บ เช่น ระบบเปิด-ปิดกระจกอัตโนมัติทั้ง 4 บาน, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ปุ่มสตาร์ต-ดับเครื่องยนต์ เป็นต้น
ในรุ่นสมาร์ทแค็บ 2.8G 4X4 มาพร้อมกุญแจ Immobiliser, Daytime Running Lights, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง, เบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD, โครงสร้าง GOA, คานนิรภัย, กล้องมองหลัง และถุงลมคู่หน้าและกันหัวเข่าคนขับที่มีในทุกรุ่นย่อย!
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
รถโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ทั้งรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ, สมาร์ทแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ นับเป็นการปฏิวัติวงการรถกระบะ กลายเป็นรถใช้งานของครอบครัว และวิ่งในเขตตัวเมืองกันมากขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่คุ้มค่า ประหยัด ทนทาน แรงและบำรุงรักษาง่าย รีโว่จึงเป็นทางเลือกเพื่อครอบครัวรักความคุ้มค่า ทันสมัยและตอบรับทุกรูปแบบแห่งการเดินทางได้ในคันเดียว แต่น่าเสียดายที่เวลาไม่มากพอจะทดสอบเจ้าหัวเดี่ยว 4X4 จอมลุย ซึ่งเร็วๆ นี้อาจได้ลองรีวิวให้ดูกันครับ