Tesla Model 3 Performance รุ่นปรับโฉมเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมขุมพลัง 510 แรงม้า และทำ 0-96 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที และขับได้ไกลถึง 528 กม. ต่อชาร์จ ด้วยราคาเริ่ม 2.199 ล้านบาทในบ้านเรา ทำให้รถคันนี้เป็นรถสมรรถนะสูงที่เข้าถึงได้ง่ายคันหนึ่ง
แต่ Misha Charoudin ยูทูปเบอร์และนักขับที่คุ้นเคยกับสนาม Nurburgring ได้ทดสอบรถคันนี้ในสนามดังกล่าว พบว่า Model 3 Performance รุ่นปรับโฉม เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันท่ามกลางชีวิตที่เร่งรีบ แต่ยังไม่เหมาะกับการขับขี่ในสนามแข่ง
เบรคไม่อยู่
สำหรับสมรรถนะของ Tesla Model 3 Performance ในสนามนั้นหายห่วง ด้วยพละกำลังกว่า 510 แรงม้า และการควบคุมพวงมาลัยของรถคันนี้ ทำให้ Charoudin ถึงกับเอ่ยชมหลายครั้งในการทดสอบครั้งนี้ โดยพบว่าสมรรถนะและการควบคุมทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก และหากอนาคตมี Track Package เพื่อเสริมเรื่องเบรคอาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ปัญหาใหญ่ที่ Charoudin พบเจอคือ อาการเบรคไม่อยู่ อาการนี้เกิดขึ้นขณะทำ hot lap ก่อนถึงหมุดหมายที่ 5 นาที โดย 2 นาทีต่อมาพบว่าเบรคเกิดติดไฟขึ้น โดยกล้องหลังจะเห็นควันที่พุ่งออกมาจากตัวรถ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว Model 3 Performance คันนี้ก็เข้าสู่รอบคูลดาวน์ทันที
มีปัญหาทั้งเบรค และความร้อนแบตเตอรี่
นอกจากเบรคแล้ว ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน ในช่วงของการขับรอบแรก Charoudin ได้เร่งความเร็วจนรถแสดงผลกำลังสูงสุดที่ 390 kW หรือราว 520 แรงม้า(hp) เมื่อใกล้จบ Hot Lap พบว่ากำลังรถถูกตัดลงกว่าครึ่ง จนเหลือเพียง 168 kW (ราว 225 แรงม้า)
Charoudin พยายามขับ Model 3 Performance ต่อไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้เบรคติดไฟอีกครั้ง แต่รถก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ เพราะยังมีปัญหาเรื่องความร้อนจนรถตัดกำลังมอเตอร์อยู่
รถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับสนามแข่งก็มีหลายรุ่น
ขณะเดียวกัน Charoudin นักขับคนเดิม สามารถขับ Hyundai Ioniq 5 N คู่แข่งเซกเมนท์ใกล้เคียงกันวิ่งในสนาม Nurburgring Nordschleife ได้สองรอบโดยไม่พบปัญหาเรื่องความร้อนแบตเตอรี่หรือเบรคเลย
อย่างไรก็ตาม Ioniq 5 N มีค่าตัวที่แพงกว่า Model 3 Performance อยู่มาก ซึ่งรถคันนี้มีทั้งระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยสามารถขับขี่ในสนามได้นานโดยไม่สูญเสียสมรรถนะไป
สามารถรับชมวิดิโอดังกล่าวได้ที่ด้านล่างนี้