Nissan เตรียมหยุดพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปใหม่ ทั้งเบนซินและดีเซล ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
Francois Bailly รองประธานอาวุโสของแบรนด์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนสำหรับภูมิภาค AMIEO (Africa, Middle East, India, Europe, และ Oceania) ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียเมื่อถามถึงอนาคตของเครื่องดีเซล
เขาตอบว่า “อนาคตของเราคือ EV”
โดยระบุว่า Nissan จะใช้ขุมพลัง e-Power เป็นหลักในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว และการเปลี่ยนผ่านของแต่ละพื้นที่จะดำเนินไปตามจังหวะของตนเอง
“เราจะไม่ลงทุนระบบส่งกำลังใหม่สำหรับเครื่องยนต์สันดาปอย่างแน่นอน”
ใช้ e-Power เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ Nissan ก็ยังมีสัดส่วนไม่มากนัก ปัจจุบัน ระบบไฮบริด e-Power มีอยู่ในรถของ Nissan หลายรุ่น เช่น Kicks ไปจนถึง Qashqai และ X-Trail เจนล่าสุด เป็นข้อบ่งชี้ว่าขุมพลังนี้จะขยายไปยังรุ่นอื่น ๆ ด้วย
การเปลี่ยนผ่านยังไปถึงกระบะอย่าง Navara เจนถัดไปด้วยเช่นกัน โดยจะมีการนำขุมพลัง PHEV เข้ามา ซึ่งแพลตฟอร์มกระบะรุ่นใหม่นี้จะใช้ร่วมกันกับ Mitsubishi Triton ขณะเดียวกันก็ยังมีขุมพลังดีเซล 2.4 ลิตรเทอร์โบในรุ่นย่อยอื่น ๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน รถรุ่นใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Patrol, Z ไปจนถึงแบรนด์หรูอย่างค่าย Infiniti จะยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส VR30DDTT และ VR35DDTT ที่ยังคงมีศักยภาพที่เพียงพออยู่
ดังนั้น หากมีการเปิดตัวรถน้ำมันรุ่นใหม่ ๆ จาก Nissan ออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ก็เป็นไปได้ว่า เครื่องยนต์เหล่านั้นมาจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
กำลังพัฒนาระบบ e-Power เจนใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Nissan กำลังพัฒนาระบบ e-Power เจเนอเรชั่นใหม่ให้มีกำลังมากขึ้น แต่ใช้ต้นทุนน้อยลงและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยจะใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กในการปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ที่จะส่งพลังงานเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม Bailly ไม่ได้กำหนดถึงวันเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในลงแต่อย่างใด โดยระบุว่า แต่ละพื้นที่จะมีจังหวะที่แตกต่างกันสำหรับการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า
เขายกตัวอย่างถึงตลาดแอฟริกา ที่มาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์ยังไม่เทียบเท่าประเทศอื่น (อาจมีเพียง Euro2, Euro4 โดยปัจจุบันมีถึง Euro6 แล้ว) ดังนั้นการเปลี่ยนจากน้ำมันไปยังไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ และเขายังระบุว่า การลงทุนของ Nissan ตอนนี้มีความชัดเจน (ว่าจะไปทาง EV)
ทั้งนี้ เราคงต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Nissan อีกครั้ง ว่าทิศทางของบริษัทจะเป็นอย่างไร
ขอขอบคุณภาพและข่าวจาก
Drive