Honda เริ่มผลิต
2025 Honda CR-V e:FCEV มาพร้อมขุมพลัง
Hydrogen Fuel Cell ผสานระบบ
Plug-in เรียบร้อยแล้ว โดยจะผลิตที่
Performance Manufacturing Center (PMC) ในโอไฮโอ สหรัฐฯ หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยปัจจุบัน Honda CR-V e:FCEV ถือเป็นรถ FCEV รุ่นเดียวที่ผลิตในอเมริกา และเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ที่มีการผลิตรถ FCEV ที่ผสานระบบ Plug-in เข้ามาด้วย
สำหรับ CR-V e:FCEV สามารถวิ่งได้ไกลสุด 434 กม. เมื่อใช้ไฮโดรเจนเต็มถัง การผสมผสานระบบ PHEV ที่เสียบชาร์จได้ ทำให้รถคันนี้วิ่งด้วยแบตเตอรี่อย่างเดียวได้ราว 47 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แถมการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงนั้นทำให้ใช้เวลาเติมไม่ต่างจากรถน้ำมันเท่าไหร่นัก
ใช้ระบบ Fuel Cell เจนใหม่ล่าสุด
Honda CR-V e:FCEV จะมีการผลิตที่โรงงานใน Performance Manufacturing Center (PMC) โดย Patrick McIntyre หัวหน้าของ PMC กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่อง craftsmanship ซึ่งเคยผลิต Acura NSX มาแล้ว และจะใช้ประสบการณ์ที่มีเพื่อรับมือกับความท้าทายในการสร้าง Honda CR-V e:FCEV ใหม่นี้
“การสร้างรถ FCEV ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมายระดับโลกของฮอนด้าในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานของเรา”
นอกจากการผลิต Honda CR-V e:FCEV แล้ว ระบบ Fuel Cell เจนเนอเรชั่นใหม่ที่อยู่ในรถคันนี้ก็จะผลิตในสหรัฐด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นที่ Fuel Cell System Manufacturing LLC ที่ Brownstown รัฐ Michigan ซึ่งเป็นโรงงานที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง Honda และ GM
โดยระบบ Fuel Cell ใหม่นี้เกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่าง 2 บริษัทนี้ เพื่อให้ได้รถพลังงานไฮโดรเจนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความปราณีตมากขึ้น พร้อมให้ความทนทานมากขึ้นสองเท่าและมีต้นทุนน้อยลงราว 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับระบบเดิมใน Honda Clarity Fuel Cell
สำหรับ
Honda CR-V เองถือเป็นครอสโอเวอร์ขายดีที่สุดในอเมริกาในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา การสร้าง CR-V e:FCEV ถือเป็นการนำความสำเร็จของตัวรถมาต่อยอดได้อย่างดี
ยังขับดีเหมือน CR-V รุ่นปกติ
วิศวกรของ Honda ทำให้ระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างของ CR-V e:FCEV ยังมอบประสบการณ์ความสปอร์ตในการขับขี่ เช่นเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบและ e:HEV พร้อมยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกตามความต้องการ เช่น โหมด EV เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และโหมด Sport ที่ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดี
สำหรับการเติมไฮโดรเจนนั้นจะใช้เวลาพอ ๆ กันกับการเติมน้ำมัน ส่วนการชาร์จในระบบ PHEV จะใช้เวลาเพียง 1.8 ชม. หากใช้ที่ชาร์จ Level 2 เมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้วจะสามารถขับขี่ได้สูงสุด 47 กม. ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางในเมือง
Honda CR-V e:FCEV ยังมีฟีเจอร์ Honda Power Supply Connector ที่เปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานสะอาดเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟขนาด 110V 1,500 วัตต์ แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ, การแคมป์ปิ้ง รวมถึงชาร์จ e-scooter อย่าง Honda Motocompacto ได้อีกด้วย