โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก สัญชาติจีน ที่ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ได้เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
โดยในปีนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV รถยนต์ EV 100% ในช่วงไตรมาส 2 นี้ ตามมาด้วย JAECOO 7 รถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดประสิทธิภาพสูงขับขี่ได้ทุกท้องถนน จะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และรถยนต์ JAECOO 6 และ JAECOO 8 ในไตรมาสที่ 4 พร้อมโชว์รูมมากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค เตรียมส่งมอบบริการที่ตรงความต้องการ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย
นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย และเผยความคืบหน้าแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 มุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Chery Automobile ได้ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีความพร้อมด้านการผลิต โดยมีโรงงานในต่างประเทศมากกว่า 10 แห่ง พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง ตลอดจนการมีศูนย์วิจัยและพัฒนาในต่างประเทศและเตรียมความพร้อมและพัฒนาทีมในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand)” ที่พร้อมให้บริการแล้วในปี 2567 นี้
เปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV ในช่วงกลางปี 2567 นี้ ตามมาด้วย JAECOO 7 ที่วางแผนจะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และในไตรมาสที่ 4 จะนำรถยนต์ JAECOO 6 และ JAECOO 8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งจะได้เห็นความคืบหน้าในปี 2568 และ ภายในปี 2567 นี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายทั้งสิ้น 4 รุ่น โดยจะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่จะถึงนี้ โดย รถยนต์ OMODA C5 EV เป็นยนตรกรรม EV 100% ที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคต เข้ากับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ ทั้งฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “O-UNIVERSE” เชื่อมต่อผู้ขับขี่เข้าด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ที่เป็น “มากกว่ารถยนต์” ตอบโจทย์ “LOHAS LIFESTYLE” ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะนำรถยนต์ JAECOO 7 PHEV เข้ามาจำหน่าย ซึ่งเป็นรถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย สามารถขับขี่ได้ทุกภูมิประเทศและสภาพพื้นผิวถนนสำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “From Classic, Beyond Classic” ของแบรนด์ JAECOO และในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะนำรถยนต์ JAECOO 6 และ JAECOO 8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามลำดับ
OMODA C5 EV
รถยนต์ OMODA C5 EV (โอโมด้า ซี5 อีวี) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบรุ่นแรกที่เตรียมนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคต เข้ากับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ สะท้อนตัวตนผู้ขับขี่กลุ่ม “E-LOHAS” ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน พร้อมระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายอัจฉริยะแบบจัดเต็ม
- การขับเคลื่อนระบบไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด 204 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 7.2 วินาที
- ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 61 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 28 นาที
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 505 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ในรถยนต์รุ่นก่อนผลิตจริง หรือ Pre-production)
- ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงสุดถึง 94%
- พลังงานสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์
รถยนต์ OMODA C5 EV จัดเต็มด้วย 14 เทคโนโลยีความปลอดภัย 3 ฟังก์ชันระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ (DMS) ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก Euro-NCAP อาทิ
- ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW)
- ระบบป้องกันการออกนอกเลน (LDP)
- ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา (BSD)
- ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบแจ้งเตือนการออกตัว
- ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ (DMS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ACC)
- ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน (ICA)
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ (TJA)
จุดเด่นของ OMODA C5 EV ดีไซน์แบบครอสโอเวอร์ ทำให้เกิดการเล่นแสงและเงาอย่างลงตัว ตรงกับคอนเซ็ปต์ “Light of Movement” ดีไซน์ที่ทันสมัย เหมาะกับผู้ขับขี่ E-LOHAS LIFESTYLE คนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์ มาพร้อมกับฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ
- กล้อง 540 องศา รอบคัน
- ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร 64 เฉดสี
- หน้าจอแสดงผลขนาด 24.6 นิ้วแบบทัชสกรีน
- เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศ
- ลำโพง SONY 8 ตำแหน่ง
JAECOO 7 PHEV
รถยนต์ JAECOO 7 PHEV เป็นรถยนต์ออฟโรดสุดลักชูรี ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหารถยนต์ SUV ระดับพรีเมียม โดยสร้างสรรค์จากปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “From Classic, Beyond Classic” ซึ่งรถยนต์ JAECOO เป็นการผสมผสานที่คลาสสิคของ “รถยนต์แบบออฟโรด” และ “เทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ” รวมถึงโมเมนตัมของแบรนด์ที่ไม่เกรงกลัวใคร พร้อมลุยในตลาดยานยนต์ออฟโรดระดับโลกอย่างมั่นใจ ซึ่งจะเริ่มมาจำหน่ายช่วงไตรมาสที่ 3
ข้อมูลด้านเทคนิค
- การขับเคลื่อนระบบปลั๊กอินไฮบริด
- กำลังสูงสุด 346 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 525 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 7.9 วินาที
- ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 18.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 95 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ในรถยนต์รุ่นก่อนผลิตจริง หรือ Pre-production)
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และไฟฟ้า 1,280 กิโลเมตร
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 20.4 กิโลเมตร ต่อลิตร
- กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
ความปลอดภัยถือเป็นหัวใจสำคัญของ รถยนต์ JAECOO 7 PHEV ที่มุ่งเน้นความสมดุลระหว่างสมรรถนะของรถยนต์ออฟโรด และความปลอดภัยอัจฉริยะในการขับขี่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน JAECOO 7 PHEV ถูกผลิตด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว มีการออกแบบโครงหลักมีน้ำหนักที่เบาแต่แข็งแรง โครงสร้างตัวถังแบบ “5 Vertical and 3 Horizontal” เป็นช่องทางรองรับแรงกระแทกหลายชั้น ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ระบบความปลอดภัย 360 องศารอบคัน กล้องมองหน้าแบบเต็มฟังก์ชัน พร้อมระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยอื่น ๆ อีกหลายระบบ อาทิ
- ถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง
- ระบบเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ ซึ่งรวมเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่แม่นยำเต็มรูปแบบ
- ระบบความปลอดภัย ADAS (Advanced Driver Assistance System) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะมากกว่า 20 แบบ สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ ของการขับขี่ ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
- ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- สัญญาณเตือนเมื่อเปิดประตู (DOW)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCRA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบควบคุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ (IES)
- ระบบช่วยควบคุมรถฉุกเฉินให้อยู่ในเลน (ELK)
- ระบบเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ระบบตรวจจับและแสดงป้ายจราจร (TSR)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ICA)
JAECOO 8 PHEV
รุ่นนี้จะเริ่มช่วงไตรมาสที่ 4
ข้อมูลเทคนิคของ JAECOO 8 PHEV
- การขับเคลื่อนระบบปลั๊กอินไฮบริด
- กำลังสูงสุด 605 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 915 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 5.4 วินาที
- ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 34.46 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 175 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ในรถยนต์รุ่นก่อนผลิตจริง หรือ Pre-production)
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และไฟฟ้า 1,321 กิโลเมตร
- กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร
JAECOO 6 EV
รุ่นนี้จะเริ่มช่วงไตรมาสที่ 4
ข้อมูลเทคนิคของ JAECOO 6 EV
- การขับเคลื่อนระบบไฟฟ้า 100%
- กำลังสูงสุด 279 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 6.5 วินาที
- ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 69.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 30 นาที
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ในรถยนต์รุ่นก่อนผลิตจริง หรือ Pre-production)
*****ข้อมูลด้านเทคนิคทุกรุ่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากวันจำหน่ายจริง