Automobili Pininfarina เริ่มทำการผลิต Battista แล้วในโรงงาน Battista Atelier ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี โดยจะเป็นรถไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก ทั้งยังถูกผลิตด้วยการประกอบจากฝีมือของทีมช่างในโรงงาน โดยจะผลิตขึ้นไม่เกิน 150 คัน ซึ่งเจ้าของรถจะได้รับบริการลูกค้าระดับเวิลด์คลาสผ่านพันธมิตรมากประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์หรู 25 รายในเครือข่ายผู้ค้าปลีกทั่วโลก
Battista จะเป็นรถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยออกแบบและสร้างในอิตาลี โดยจะมอบสมรรถนะในระดับที่ยังไม่มีรถสปอร์ตแบบใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนนรุ่นใดทำได้ในปัจจุบัน ซึ่งมันทำความเร็วได้เหนือกว่ารถแข่ง F1 จากการที่ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ทั้งยังมีกำลัง 1,900 แรงม้า และแรงบิด 2,340 นิวตันเมตร ตัวรถผสานวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสุดในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ให้พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว มีระยะวิ่งตามมาตรฐาน WLTP ได้ไกล 476 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Battista ประกอบขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากมาย เช่น ชุดริกแบบใหม่ที่สั่งทำพิเศษสำหรับการติดตั้งทั่วทั้งโรงงาน ไปจนถึงกระบวนการและเครื่องมือที่ใช้กันมานาน เช่น ไขควงลมที่นำมาใช้ใหม่เพื่อนำมาประกอบรถ ซึ่งกระบวนการสร้างทั้งหมดนี้เคารพกรรมวิธีผลิตตัวรถที่โรงงานแห่งนี้ดำเนินการมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นรถ Battista แต่ละคันใช้เวลาประกอบ 10 สัปดาห์ ส่วนการวาดลวดลายด้วยมือในรถรุ่นพิเศษอย่าง Battista Anniversario จำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 18 สัปดาห์ โดยรถแต่ละคันใช้ช่าง 10 คนในการประกอบ และใช้เวลารวมกันกว่า 1,250 ชั่วโมง ขณะที่องค์ประกอบการออกแบบและพื้นผิวของรุ่น Battista Anniversario ทำให้ใช้เวลารวมกันถึง 1,340 ชั่วโมง
โครงรถแบบ Rolling Chassis ของ Battista ประกอบด้วยระบบส่งกำลังรถยนต์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ทรงตัวที, ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และระบบไฟฟ้า 100% ได้เข้าสู่โซนแรกเพื่อนำไปประเมินเทียบกับมาตรฐานคุณภาพอันเข้มงวดของ Automobili Pininfarina โดยตัวรถมีหลังคาแบบ Goccia โอบล้อมห้องโดยสารเอาไว้ ทำให้โครงสร้างของรถมีความแข็งแกร่ง สำหรับการพ่นสีตามมาตรฐานนั้นใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ โดยใช้สีสูตรใหม่มีให้เลือกถึง 28 สี และในขณะที่กำลังทาสีภายนอกนั้น ก็มีการติดตั้งแดชบอร์ดและองค์ประกอบภายในด้วย ซึ่งส่วนนี้จะใช้จิ๊ก (Jig) ที่ทำพิเศษ จะช่วยให้ช่างทั้งชายและหญิงประกอบรถยนต์ได้อย่างประณีตซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการประกอบส่วนต่าง ๆ เช่น ซุ้มล้อและบริเวณใต้พื้น
ส่วนประตูแบบ butterfly door ซึ่งมีความซับซ้อนในแง่การออกแบบและเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของรถ ก็ติดตั้งในโซนนี้ด้วยเช่นกันเป็นเวลา 2 วัน โดยใช้อุปกรณ์ติดตั้งอีกตัวหนึ่งที่รับน้ำหนักประตูและเอียงในทิศทางต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อมาจะเป็นส่วนของการตรวจสอบ โดยใช้ซอฟต์แวร์และเครื่องมือพิเศษเพื่อตรวจสอบว่ารถเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันการทำงานจริงจะทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น ทั้งในเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบสาระบันเทิง และ SUONO PURO ซึ่งเป็นซาวด์คอนเซปต์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
จุดสุดท้ายในโรงงาน จะยกรถ Battista ขึ้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อตั้งศูนย์ล้อและเช็คกลไกบังคับเลี้ยว จากนั้นรถแต่ละคันจะถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำจะไม่เข้ารถไม่ว่าน้ำจะแรงเพียงใด ก่อนที่จะสรุปขั้นสุดท้ายและเช็คระบบบันทึกดิจิทัล การตรวจสอบคุณภาพดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญโดยโปรแกรมทดสอบรถไฮเปอร์ จีที นี้ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อประเมินรถแต่ละคัน ก่อนที่จะส่งกลับไปยังโรงงานซึ่งจะนำฟิล์มกันรอยออก และตรวจสอบความสวยงามครั้งสุดท้ายเพื่อพร้อมส่งมอบให้ลูกค้า
ลูกค้า Battista จะได้พบปะกับทีมงานที่สร้างรถรุ่นนี้ และจะทำงานร่วมกันเพื่อปรับการออกแบบ และดูรถขณะกำลังสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์การสั่งผลิตและเป็นเจ้าของอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ทั้งนี้ลูกค้าจะได้รับคำปรึกษาอย่างเจาะลึกเพื่อปรับแต่งรถของตน จากนั้นก็จะนำคอมเม้นท์ไปปรับการออกแบบตามสั่งให้ลูกค้าแต่ละท่าน ก่อนที่ลูกค้าจะได้รับเชิญให้มาร่วมกับนักออกแบบเพื่อปรับสเป็คขั้นสุดท้าย
โรงงานแห่งนี้ นอกเหนือจากพื้นที่ประกอบรถแล้ว ก็มีพื้นที่รับรองลูกค้าที่ต้องการสั่งผลิต ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกสีภายนอกและภายในรถ รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ได้ ทั้งยังมีตัวอย่างวัสดุและสีให้ดู สัมผัส และรู้สึกด้วย สำหรับภายนอกตัวรถนั้น ลูกค้าก็เลือกองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น ชุดประดับภายนอก, สีของคาลิเปอร์เบรก และล้อ เมื่อคำนวณรวมกันแล้วเท่ากับว่าลูกค้ามีตัวเลือกตกแต่งภายนอกรถรวมกันถึง 13.9 ล้านล้านล้านล้านล้านรายการ สำหรับภายในนั้นมีตัวเลือกรวมกันถึง 128 ล้านตัวเลือก ทั้งสีและวัสดุ เช่น หนัง, หนังกลับสังเคราะห์ และอลูมิเนียม ทั้งยังมีบริการสลักชื่อ ความพิเศษนี้เข้ามายกระดับของ Battista
ตลอดเส้นทางการออกแบบและสร้างรถนั้น ลูกค้าจะได้รับข่าวอัปเดตเกี่ยวกับสถานะของรถที่สั่งไว้ ซึ่งทีมลูกค้าสัมพันธ์จะเป็นผู้แจ้งข่าวสารโดยตรง
ลูกค้าจะได้รับบริการตลอดอายุการเป็นเจ้าของรถ Battista โดยจะติดต่อดูแลหลังการขายผ่านช่องทางดิจิทัลแบบ 360 องศา ทั้งในเรื่องชิ้นส่วนและการรับประกัน การฝึกอบรม และการวินิจฉัยทางไกล ให้ลูกค้าอุ่นใจได้ผ่านพันธมิตรผู้ค้าปลีกของเราทั่วโลก ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และเอเชีย เพื่อคอยดูแลลูกค้าในทุกที่ สำหรับเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคนั้นจะมีเจ้าหน้าที่บินไปทุกที่ทั่วโลกเพื่อดูแลลูกค้าและรถ นอกจากนี้ ลูกค้ายังอุ่นใจได้ด้วยแพ็กเกจหลังการขายที่ครอบคลุมอย่าง Eccellenza โปรแกรมบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 10 ปี, Futura รับประกันแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังเพิ่มการคุ้มครองไปอีก 7 ปี อุ่นใจไปอีกขั้นจากเดิมที่รับประกัน 3 ปีตามมาตรฐาน และ Eterna โซลูชันเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเป็นเจ้าของและมูลค่าระยะยาวโดยเปิดโอกาสให้สั่งชุดอะไหล่ตัวถังเพื่อปรับแต่งรถได้ในเวลาที่ผลิต
รถ Battista จะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่ฤดูร้อนนี้ โดยรถยนต์ไฮเปอร์ จีที พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นนี้ จะส่งมอบในสไตล์ตัวถังแบบ Pura หรือไม่ก็การออกแบบตัวถังแบบ Furiosa และจะมีการสร้างรถ Battista Anniversario ขึ้นมา 5 คัน จากรถที่จะผลิตขึ้นทั้งหมด 150 คัน ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษเพื่อฉลองความสำเร็จของไอคอนวงการออกแบบอย่าง คุณแบตติสตา ปินิน ฟารินา ซึ่งรถรุ่นพิเศษทั้ง 5 คันนี้ได้ขายไปแล้ว