Mercedes-AMG ONE ไฮเปอร์คาร์ที่แรงมากจากแนวคิดเมื่อปี 2017 หรือ 5 ปี ที่แล้ว ในที่สุดเราก็ได้เห็น Mercedes-AMG One ในรูปแบบการผลิตขั้นสุดท้าย ไฮเปอร์คาร์ที่คาดหวังไว้มากจาก Affalterbach และหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ F1 พร้อมกับไม่ลืมขุมพลังจากตัวแข่ง 1.6 ลิตรเทอร์โบไฮบริดที่ให้พลัง 1,049 แรงม้า(เอชพี) (1,063 พีเอส)
Mercedes-AMG ONE โดยคงสกู๊ปบนหลังคาไว้ภายในครีบกลาง ช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟที่บังโคลนหน้า ประตูที่เปิดขึ้นด้านบน และสปอยเลอร์หลังแบบแอ็คทีฟ ส่วนท้ายได้รับการออกแบบใหม่เล็กน้อยด้วยชิ้นส่วนติดตั้งด้านบนของไฟท้าย LED และดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ที่มีท่อไอเสียสามท่อที่ได้แรงบันดาลใจจาก F1 และยังมีฝาครอบเครื่องยนต์คาร์บอนไฟเบอร์แบบถอดได้ซึ่งรวมช่องรับอากาศ NACA ขนาดใหญ่และกระจกมองข้างที่ใหญ่ขึ้น
Mercedes-AMG ONE มีรายละเอียดใหม่เพิ่มเติมในส่วนของล้ออะลูมิเนียมฟอร์จ 10 ก้านใหม่ที่มีฝาครอบคาร์บอนไฟเบอร์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ออกแบบเฉพาะสำหรับไฮเปอร์คาร์โดย Mercedes เอง และมีล้อแม็กนีเซียมฟอร์จ 9 ก้านแบบไบโอนิคที่ได้จดสิทธิบัตรแล้วพร้อมฝาครอบให้เลือกอีกด้วย
ชุดแอโรไดนามิกแบบแอคทีฟที่ควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิกสามารถตั้งค่าได้ 3 รูปแบบคือ “Highway” สำหรับการใช้งานทั่วไปครีบอากาศปิด แผ่นปิดด้านหน้าปรับขยายได้ และปีกหลังแบบปิดกลับ ในโหมด “Track” เพิ่มแรงกดขึ้นถึง 5 เท่าด้วยครีบดักอากาศด้านหน้าแบบพับได้ช่องระบายอากาศปรับเปิดมากขึ้น ส่วนปีกหลังจะขยายออกจนสุดและระบบกันสะเทือนด้านหน้าลดลง 37 มม.และด้านหลัง 30 มม. โหมด “Race DRS” ช่วยลดแรงกดลง 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ลดแรงต้านอากาศสามารถเร่งแซงได้อย่างรวดเร็ว ระบบนี้เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง F1 ฟังก์ชันนี้จะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกหรือรถเสียการทรงตัว
ปีศาจบนท้องถนน
ระบบส่งกำลังไฮบริดของแบรนด์ E Performance ที่มีกำลังรวม 1,049 แรงม้า(เอชพี) (782 กิโลวัตต์ / 1,063 พีเอส) ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว เครื่องยนต์ V6 DOHC ขนาด 1.6 ลิตรวางกลางพร้อมเทอร์โบไฟฟ้ารอบจัดจ้านแต่จำกัดไว้ที่ 1,100 รอบต่อนาที ระบบ Dual Jet คือ มีทั้งหัวฉีดเข้าห้องเผาไหม้โดยตรงและฉีดผ่านคอไอดีเป็นเทคโนโลยีจาก จาก Mercedes 'F1 single-seater ให้กำลังสูงสุด 566 แรงม้า(เอชพี) (574 พีเอส) นอกจากนี้ยังผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าชุดแรกติดตั้งบนเพลาข้อเหวี่ยง 161 แรงม้า(เอชพี) (163 พีเอส) ติดตั้งในชุดเทอร์โบชาร์จ 1 ตัวอีก 121 แรงม้า(เอชพี)(122พีเอส) และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ลเอคู้หน้าอีก 2 ชุด รวมกัน 322 แรงม้า(เอชพี) (326 พีเอส) AMG เน้นว่าเครื่องวี6 ตัวนี้สมรรถนะสูงกว่าวี8 ไม่มีเทอร์โบและตอบสนองดีกว่ามาก เพราะเทอร์โบไฟฟ้าช่วยให้แรงบิดดีในรอบที่ต่ำ
ระบบส่งกำลังเพลาหลังของไฮเปอร์คาร์เป็นแบบไฮบริดพร้อมเกียร์ธรรมดาอัตโนมัติ 7 สปีดใหม่ล่าสุดที่รวมเฟืองท้ายแบบล็อคไว้สำหรับเครื่องยนต์ และที่เพลาหน้าใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่โดยเฉพาะ ควบคุมผ่าน AMG Performance 4Matic+ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบปรับได้เต็มรูปแบบหน้าให้การยึดเกาะที่ดีที่สุด นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้ายังช่วยให้สามารถชาร์จไฟกลับได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างการลดความเร็ว ช่วยด้วยเครื่องชาร์จในตัวขนาด 3.7 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนน้ำหนักเบาประสิทธิภาพสูงซึ่งมีระบบระบายความร้อนโดยตรง แบตเตอรี่มีความจุ 8.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง และให้ช่วงการใช้ไฟฟ้าได้อีก 18.1 กิโลเมตร (11.3 ไมล์)
ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 6 รูปแบบ
Race Safe : ขับขี่ปกติเน้นการใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า
Race : การทำงานระบบไฮบริดโดยที่เครื่องยนต์จะทำงานต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงไฟฟ้าเอาไว้
EV : เป็นการขับในแบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ๆ ไม่ปล่อยมลพิษ
Race Plus : ผสานกับระบบไฮบริด, เอคทีฟ เอโล ลดระบบตัวถังให้ต่ำลง
Strat 2 : ปลดปล่อยพลังสูงสุด ปรับระบบกำลังช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเหมาะสำหรับสนามแข่งเท่านั้น
Individual : การตั้งค่าใช้งานผู้ขับขี่เอง สามารถเลือกตั้งค่าต่าง ๆ ของรถตามใจชอบ
สำหรับสมรรถนะใน Race Start ให้อัตราเร่ง 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (0-124 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลา 7 วินาที!!!! ทาง AMG ไม่เปิดเผยและมองข้ามช็อตอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปเลย สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 352 กิโลเมตรต่อชั่วโมง(219 ไมล์ต่อชั่วโมง)
นอกจากนี้เพื่อให้ระบบส่งกำลังไฮบริดที่ได้รับจากขุมพลังของรถแข่งสู่ท้องถนนต้องเป็นไปตามกฎระเบียบการปล่อยไอเสีย EU6 ที่เข้มงวด Mercedes ได้เพิ่มตัวเร่งปฏิกิริยากรองไอเสียแบบโลหะ 4 ชุดและตัวกรองแบบเซรามิคอีก 2 ตัว ตัวกรองอนุภาคน้ำมัน 2 ตัว และท่อไอเสียไทเทเนียมเก็บเสียง
Mercedes-AMG One ใช้แชสซีโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีซับเฟรมอะลูมิเนียมด้านหน้าและด้านหลัง ระบบกันสะเทือนแบบคอยล์โอเวอร์มี 5 ลิงค์และสตรัทกันสะเทือนแบบปรับได้สองตัวในแต่ละข้าง สามารถปรับตั้งค่า Comfort, Sport และ Sport+ โดยส่วนหลังลดระดับด้านหน้าลง 37 มิลลิเมตร (1.5 นิ้ว) และด้านหลังลง 30 มิลลิเมตร (1.2 นิ้ว) เพื่อควบคุมรถในความเร็วสูงได้ดีและแอโรไดนามิก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการยกเพลาหน้าสำหรับการขับขี่บนทางลาดหรือทางลาดชัน
ล้อน้ำหนักเบาสวมยาง Michelin Pilot Sport Cup 2R M01 ขนาด 285/35 ZR19 ที่คู่หน้าและคู่หลังขนาด 335/30 ZR20 ระบบเบรกคอมโพสิตเซรามิกน้ำหนักเบาของ AMG ดิสก์ด้านหน้าขนาด 398 มิลลิเมตร (15.7 นิ้ว) พร้อมคาลิปเปอร์ 6 ลูกสูบ และดิสก์ด้านหลังขนาด 380 มิลลิเมตร (15 นิ้ว) พร้อมคาลิปเปอร์สี่ลูกสูบ จานดิกส์เบรกแบบครีบระบายอากาศภายในและเจาะรูทั้ง 4 ล้อ
Mercedes เลือกการออกแบบตามฟังก์ชั่นสำหรับภายในด้วยเบาะนั่งสไตล์รถแข่งทั้งสองแบบผสานกันเหนืออุโมงค์กลาง ดูราวกับเป็นส่วนขยายของโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่ด้านหลังสามารถปรับได้ 2 ตำแหน่ง พวงมาลัยสไตล์ F1 พร้อมไฟบอกการเปลี่ยนเกียร์และปุ่มในตัวปรับด้วยระบบไฟฟ้า แป้นคันเร่งแบบตั้ง
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในจอแสดงผลขนาด 10 นิ้วแบบแยกตั้งอิสระ 2 จอ มาตรวัดดิจิตัลบนแผงหน้าปัดและระบบความบันเทิงหน้าจอสัมผัส ช่องระบายอากาศ และกระจกมองหลังแบบดิจิทัลที่แสดงภาพเรียลไทม์จาก MirrorCam เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa ไมโครไฟเบอร์ Dinamica สีดำและการตกแต่งด้วยโลหะ
Philipp Schiemer ประธานคณะกรรมการบริหารของ Mercedes-AMG GmbH ยอมรับว่าการพัฒนารถ Mercedes-AMG ONE มีความท้าทายมาก จากเทคนิคอันยิ่งใหญ่ในการสร้างระบบส่งกำลัง Formula 1 ที่ทันสมัย สู่การขับขี่อย่างเหมาะสำหรับการใช้งานบนท้องถนนในชีวิตประจำ โดย Jochen Hermann กรรมการผู้จัดการด้านเทคนิคของ Mercedes-AMG GmbH กล่าวเสริมว่า “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสาปและเป็นพรไปพร้อม ๆ กัน” โดยผู้บริหารทั้งสองต่างชื่นชมความสำเร็จของทีม
Mercedes-AMG One จะผลิตเพียงแค่ 275 คัน ด้วยราคา 2.72 ล้านดอลลาร์ หรือ 93,347,680.00 บาท (ณ วันที่ 1/06/2022) และตอนนี้จองกันจนหมดเกลี้ยงแล้ว และจะเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกที่งาน Goodwood Festival of Speed ปี 2022 ที่จัดขึ้นในสหราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน โดย Mercedes-AMG One จะแข่งขันกับ Aston Martin Valkyrie และ Gordon Murray T.50 ซึ่งทั้งสองอย่างนั้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 และเป็นสไตล์รถแข่งมากกว่า AMG One ที่มีความจุเพียง 1.6 ลิตร!