บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
จากัวร์ และ
แลนด์โรเวอร์ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์
New Range Rover ครั้งแรกในประเทศไทย สร้างนิยามใหม่ของการเดินทางที่หรูหรา โดย Range Rover คือรถ SUV หรูหรารุ่นดั้งเดิมและเป็นผู้นำแบบอย่างมาเป็นเวลา 50 ปี จากการผสมผสานความสบายที่ไม่ขาดตอนและความราบรื่น เข้ากับขีดความสามารถในการพิชิตทุกเส้นทาง ซึ่งมีจำหน่ายในรุ่น Autobiography ทั้งรูปแบบตัวถังมาตรฐาน (SWB) และฐานล้อยาว (LWB) มาพร้อมกับ 5 ที่นั่ง ในขณะที่แบบ LWB วางจำหน่ายพร้อมตัวเลือกแถวที่สามเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับรองรับผู้ใหญ่สูงสุด 7 คน
พิเศษกับ New Range Rover SV นำเสนอที่สุดแห่งความสวยงามที่นำไปสู่ความหรูหราและความเป็นส่วนตัว ให้ลูกค้ามีขอบเขตมากขึ้นในการสร้างรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างแท้จริง ด้วยทางเลือกของธีมการออกแบบ และตัวเลือกวัสดุจาก SV แสดงถึงการกลั่นกรองการออกแบบของ Special Vehicle Operations และความหลงใหลทางวิศวกรรมเพื่อความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความสามารถที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ที่นำเอาปรัชญาการออกแบบมาใช้เพื่อก้าวสู่อีกระดับด้วยการตีความหมายของโปรไฟล์เครื่องหมายการค้าของตัวเองแบบร่วมสมัย เพื่อสร้างงานการออกแบบที่เหลือเชื่อและจะยังคงเป็นผู้นำที่พาความทันสมัยที่น่าทึ่ง ความงามที่สุนทรีย์และความมีรสนิยมมาสู่ยานพาหนะรุ่นหลักล่าสุดของแลนด์โรเวอร์
New Range Rover เกิดขึ้นจากสามเส้นที่สามารถย้อนรอยต้นกำเนิดกลับไปตามรุ่นต่างๆ อันได้แก่ เส้นขอบหลังคาที่พุ่งลง เส้นรอบรถที่เข้มชัด และเส้นฐานประตูที่ยกสูง คุณสมบัติที่เป็นเครื่องหมายการค้าเหล่านี้ยังผสมผสานกับระยะยื่นหน้าที่สั้นเป็นเอกลักษณ์และท้ายรถใหม่แบบเรือที่โดดเด่น ครบเครื่องด้วยประตูท้ายบานแยกที่ใช้งานได้จริง ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างโครงร่างอันสวยงามซึ่งสื่อถึงรูปลักษณ์เหนือชั้น
เส้นรอบตัวรถที่ไม่ขาดตอนแสดงให้เห็นความใส่ใจในรายละเอียดของแลนด์โรเวอร์ ให้ขอบประตูที่โค้งมนมาบรรจบกับกระจก ในการตกแต่งผิวที่ดูเรียบง่ายและสะอาดตาด้วยขอบตัวรถที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ซ่อนอยู่และเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการออกแบบ มาผสมผสานกับไฟเคลือบผิวแบบเรียบเสมอกันที่ซ่อนตัวเมื่อไม่ได้ส่องสว่าง พื้นผิวที่มีรสนิยมให้ภาพลักษณ์ร่วมสมัย และมีส่วนช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านเท่ากับ 0.30 ทำให้รถคันนี้เป็น SUV หรูหราที่ถูกหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดในโลก สีภายนอกยกระดับสัดส่วนอันสวยงามด้วยพื้นผิวที่สะอาดตาของ New Range Rover
การตกแต่งภายในที่หรูหรามีรากฐานสำคัญจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้งานง่ายและมีความสำคัญ ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เข้ากับวัสดุที่ดีที่สุดและนวัตกรรมเพื่อความสุขสบายอย่างลงตัว เพื่อสร้างสถานที่อันเงียบสงบสำหรับผู้โดยสารทุกคน เปลี่ยนให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์เพลิดเพลิน ในขณะที่ตัวเลือกการปรับแต่งห้องโดยสารมีความยั่งยืนและมีความก้าวหน้ามากกว่าที่เคยมีมา ลูกค้ามีตัวเลือกวัสดุและการตกแต่งที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเนื้อผ้าที่เป็นนวัตกรรมและ Ultrafabrics™ ชนิดสัมผัสร่วมกับความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแลนด์โรเวอร์กับ Kvadrat™ ผู้ผลิตเนื้อผ้าเกรดดีชั้นนำของยุโรป โดยผสมผสานกับ Ultrafabrics™ เพื่อสร้างตัวเลือกวัสดุ ที่มีความหมายซึ่งเบากว่าและสร้าง CO2 เพียงหนึ่งในสี่ของหนังแบบดั้งเดิม
New Range Rover ทำให้ทุกการเดินทางเป็นโอกาสพิเศษที่ต้องจดจำ จากการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับความหรูหราทันสมัย เพื่อส่งมอบการปรับแต่งที่เหนือชั้นสำหรับผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งผู้ที่นั่งอยู่ในแถวที่สาม ด้วยการกำจัดเสียงที่ไม่ต้องการ แรงสั่นสะเทือนและสิ่งรบกวนสมาธิ การลดภาระการรับรู้ของผู้ขับขี่กับผู้โดยสาร ผู้โดยสารจะไปถึงที่หมายด้วยความรู้สึกสดชื่น แม้กระทั่งหลังจากการเดินทางที่ยาวนานที่สุด
เทคโนโลยีลำโพงขั้นสูงต่อยอดจากการปรับแต่งขั้นพื้นฐานที่ได้จากสถาปัตยกรรมตัวถัง MLA-Flex เพื่อมอบความสบายในห้องโดยสารที่ไม่ขาดตอน รับประกันว่าผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ชั้นหนึ่ง ลำโพงใช้ระบบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมอริเดียน 1,600 วัตต์ เพื่อสร้างหนึ่งในห้องโดยสารที่เงียบสงบที่สุดบนท้องถนน พร้อมลำโพงเสริม 20 วัตต์ ในพนักพิงศีรษะ หลักทั้งสี่เพื่อประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำมากที่สุด และระบบตัดเสียงรอบข้าง (Active Noise Cancellation) จะตรวจสอบการสั่นสะเทือนของล้อ เสียงยาง และเสียงเครื่องยนต์ที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสาร สร้างสัญญาณตัดเสียงซึ่งเล่นผ่านลำโพง 35 ตัวของระบบ นั่นรวมถึงลำโพงคู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 มิลลิเมตรในพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสาร 4 คนหลัก ซึ่งสร้างโซนเงียบส่วนตัวคล้ายกับผลที่ได้เมื่อใช้หูฟังระดับไฮเอนด์
New Range Rover นำตลาด SUV หรูหราไปสู่อีกระดับของความสุขสบาย และจุดสูงสุดที่ได้จากเทคโนโลยี ระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Purification Pro) ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี nanoeTM X แบบคู่สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้และการกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก ในขณะที่ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ เทคโนโลยี nanoeTM X ขั้นสูงได้ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่าสามารถลดไวรัสและแบคทีเรียได้อย่างมาก รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-2
Range Rover เป็น SUV หรูหราคันแรกที่มีระบบช่วงล่างถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ในปี 1992 และ รุ่นใหม่ยังคงเดินหน้าบุกเบิกแนวทางนี้ต่อไปด้วย Dynamic Response Pro และระบบช่วงล่างแบบล่วงหน้าที่ใช้ข้อมูล eHorizon Navigation ในการอ่านถนนข้างหน้าและปรับสภาพระบบช่วงล่างให้ตอบสนองอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ด้วยระบบช่วยบังคับเลี้ยว (Steering Assist) เพื่อให้การเคลื่อนไหวจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วกะทันหันของตัวยานพาหนะเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบช่วงล่างแบบอิสระโดยสมบูรณ์เป็นรากฐานสำคัญของการขับขี่อย่างหรูหราและมีเพลาหลังแบบแขนห้าก้านตัวแรกของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งแยกห้องโดยสารจากพื้นผิวที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยโดยใช้สปริงถุงลมขั้นสูง
New Range Rover ยังคงรักษาสายเลือดอันมีค่าของการบุกเบิกนวัตกรรมด้วยชุดเทคโนโลยีที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพ การปรับแต่ง และความปลอดภัยอย่างง่ายดาย สถาปัตยกรรมยานยนต์ไฟฟ้าล่าสุด (EVA 2.0) ของแลนด์โรเวอร์คือสิ่งที่สร้างทุกอย่างให้เป็นไปได้และมีระบบการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over-The-Air (SOTA) สำหรับโมดูลอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 70 โมดูล นั่นหมายความว่าเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่จะพัฒนาปรับปรุงและยังคงทันปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
ยกระดับเทคโนโลยีอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ที่ได้รับรางวัลของแลนด์โรเวอร์ ด้วยหน้าจอสัมผัสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หน้าจอแบบลอยขนาด 13.1 นิ้ว ที่โค้งมนสะท้อนถึงความประณีตทางสถาปัตยกรรมของการตกแต่งภายในด้วยการออกแบบแบบมินิมอล ให้การควบคุมฟังก์ชันหลักทั้งหมดในยานยนต์ที่ใช้งานง่าย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อมอบอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาคล้ายคลึงสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยฮาร์ดสวิตช์ที่สะดวกสบายสำหรับการควบคุมอุณหภูมิ
Pivi Pro ทำงานอย่างกลมกลืนร่วมกับจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่แบบโต้ตอบขนาด 13.7 นิ้ว แบบกึ่งลอยใหม่อันสวยงาม ซึ่งมีคุณสมบัติกราฟิกความละเอียดสูงรูปแบบใหม่ที่สะท้อนการออกแบบหน้าจอหลักของ Pivi Pro ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นครั้งแรกของแลนด์โรเวอร์ที่จอแสดงผลส่วนกลางจะให้การตอบสนองแบบสัมผัสเมื่อแตะที่หน้าจอ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเหลือบมองที่หน้าจอ จึงเป็นการลดความจำเป็นในการละสายตาจากท้องถนนและทำให้ Pivi Pro ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นไปในตัว
ผู้โดยสารแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง (RSE) โฉมใหม่ ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 11.4 นิ้วแบบปรับได้ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของเบาะพิงด้านหน้า ระบบสามารถทำงานได้อย่างอิสระจากกันและรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่มีพอร์ต HDMI ในขณะที่เมื่อใช้งานฮอตสปอต Wi-Fi จะหมายความว่าผู้โดยสารที่นั่งแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงบนสมาร์ททีวีได้ขณะเดินทาง
อุปกรณ์ควบคุมหน้าจอสัมผัสบนที่นั่งเบาะหลังขนาด 8 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่บนที่เท้าแขนตรงกลางที่นั่งเบาะหลังแบบ Executive Class ให้การควบคุมที่รวดเร็วและง่ายดายเพื่อตำแหน่งที่นั่งที่สมบูรณ์แบบ ยกระดับประสบการณ์หรูหราให้กับที่นั่งแถวหลัง
New Range Rover ทุกๆ คันมาพร้อมกับไฟ LED ทั้งคันที่มีประสิทธิภาพและส่องสว่างร่วมกับไฟหน้า LED ใหม่แบบดิจิทัลความละเอียดสูง ซึ่งให้ช่วงลำแสงไกลมากถึง 500 เมตร ระบบไฟสร้างรายละเอียดการออกแบบที่เหนือชั้นและมีคุณสมบัติไฟเพื่อการส่องสว่างเวลากลางวันอันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีไฟหน้าแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Front Lighting) และเทคโนโลยีการฉายภาพเมื่อสตาร์ทเครื่อง จึงทำให้ไฟเหล่านี้เป็นไฟหน้าที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยานพาหนะของแลนด์โรเวอร์ ระบบไฟหน้าแบบปรับอัตโนมัติสามารถเลือกทอดเงาลงบนวัตถุในเส้นทางของเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ได้มากถึง 16 ชิ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นๆ จะไม่ตาพร่าในขณะที่ยังคงให้แสงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ เทคโนโลยีเบี่ยงแสงไฟแบบคาดการณ์ขณะขับขี่ (Predictive Dynamic Bending Light) ใช้ข้อมูลการนำทางเพื่อปรับลำแสงสำหรับมุมถนนที่เข้ามาใกล้ตลอด เวลาบนท้องถนน ไฟช่วยขับขี่ (Manoeuvring Light) แบบใหม่ช่วยให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำในสภาพแวดล้อมแสงน้อยได้อย่างมั่นใจ ด้วยการสาดแสงรอบบริเวณของรถยนต์ ทำงานร่วมกับระบบกล้องรอบด้าน 3 มิติเพื่อให้ความคล่องตัวที่ง่ายดาย
New Range Rover เป็นตัวแทนของที่สุดแห่งขีดความสามารถอันประณีตจากการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืนไม่ขาดตอนของระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งเป็นไปได้ด้วยสถาปัตยกรรมตัวถัง MLA-Flex แบบใหม่ ความสามารถที่ทรงพลังมากมายที่ไม่มีใครเทียบได้นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบควบคุมแชสซีแบบผสานของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งเป็นระบบควบคุมเดี่ยวสำหรับชุดเทคโนโลยีขั้นสูงที่ปรับแต่งการขับเคลื่อนของรถยนต์ให้เหมาะกับทุกๆ การเดินทาง เพื่อปรับแต่งลักษณะของการขับขี่ล่วงหน้าและตอบสนองตามสถานการณ์อย่างละเอียด ทุกคันมีระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อเพื่อการขับขี่ที่ง่ายดาย พร้อมเสถียรภาพขณะขับด้วยความเร็วสูงที่มากขึ้นและความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสะดวกสบายเท่ากันทั้งบนท้องถนนที่กว้างและถนนในเมืองที่คับแคบเป็นอุปสรรค เพลาหลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าให้มุมบังคับเลี้ยวสูงถึง 7 องศา และหมุนในมุมที่ต่างกับล้อหน้าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ทำให้เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่มีวงเลี้ยวที่น้อยกว่า 11 เมตร* ซึ่งแคบที่สุดในบรรดาแลนด์โรเวอร์ ที่ความเร็วสูงขึ้นไปเพลาหลังจะหมุนตามล้อหน้าเพื่อเสถียรภาพและความสะดวกสบายที่มากขึ้น
นอกจากนี้ New Range Rover ยังเป็นแลนด์โรเวอร์รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติ Dynamic Response Pro ระบบป้องกันการพลิกคว่ำแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเชิงรุก 48 โวลต์ รุ่นใหม่นั้นตอบสนองได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบไฮดรอลิก ด้วยแรงบิดสูงสุด 1,400 นิวตันเมตร ที่อัดเข้าสู่บาร์ป้องกันการหมุนเพื่อให้การเคลื่อนไหวของตัวถังอยู่ภายใต้การควบคุม, ระบบช่วงล่างแบบอิสระโดยสมบูรณ์แยกห้องโดยสารจากพื้นผิวที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย เพื่อความราบรื่นที่ไม่ขาดตอนตลอดเวลา เกิดจากการรวมปริมาตรสปริงถุงลมชั้นนำ อุตสาหกรรมเข้ากับแดมเปอร์วาล์วคู่ โดยที่ทั้งหมดจัดการโดยซอฟต์แวร์ควบคุม Adaptive Dynamics ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทเอง
สำหรับขุมพลังของ New Range Rover จะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่ให้กำลัง 350 แรงม้า กับแรงบิด 700 นิวตันเมตร ส่วนอีกรุ่นจะเป็นรุ่น Plug-in Hybrid ที่จะใช้ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ตระกูล Ingenium แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 38.2 kWh โดยคิดเป็นความจุที่ใช้งานได้ 31.8kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105kW จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน 100% ระยะทางสูงสุด 113 km. (มาตรฐาน WLTP) หรือให้ระยะทางบนถนนจริงที่คาดหวังไกลถึง 80 กิโลเมตร**
โดยจะให้กำลัง 2 แบบ แบบแรก 440 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตันเมตร กับแบบ 510 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ส่วนระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด (iAWD) ควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งทำงานตรวจสอบระดับการยึดเกาะและการสั่งการของผู้ขับขี่ 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อคาดการณ์กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังและกระจายไปทั่ว เพลาหลัง เพื่อแรงยึดเกาะที่ดีที่สุดทั้งบนทางราบเรียบและทางขรุขระ
PHEV สุดล้ำสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวเพื่อการเดินทางส่วนใหญ่ในเมืองและในชนบท โดยที่ปล่อยก๊าซ CO2 โดยรวมต่ำกว่า 30 กรัมต่อกิโลเมตร ลูกค้าเรนจ์โรเวอร์ทั่วไปจะสามารถครอบคลุมระยะทางสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ของการเดินทางโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การบรรจุแบตเตอรี่อย่างชาญฉลาดไว้ใต้ยานยนต์และภายในฐานล้อช่วยให้มั่นใจได้ว่าทั้งพื้นที่สัมภาระและสมรรถนะสำหรับทุกภาคพื้นจะไม่ด้อยลง Range Rover ทุกคันยังมีระบบล็อกเฟืองท้ายแบบเชิงรุก มีหน้าที่ปรับแรงยึดเกาะจากเพลาหลังในระหว่างการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงบนพื้นผิวที่ลื่นและในระหว่างการหักล้อบนทางขรุขระ เพิ่มขีดความสามารถและความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่
New Range Rover มี 4 รุ่นย่อยให้เลือก ประกอบด้วย
พร้อม
LAND ROVER CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี ร่วมสัมผัสความหรูหราของ เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ได้ที่โชว์รูมรถยนต์แลนด์โรเวอร์ ชั้น 2 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008 และ
www.landrover.co.th หมายเหตุ :
*ฐานล้อมาตรฐานเท่านั้น วงเลี้ยวของฐานล้อยาวมีขนาด 11.54 เมตร
**ตัวเลขระยะทาง EV อิงตามยานพาหนะที่ผลิตจำหน่ายตลอดเส้นทางที่เป็นมาตรฐาน ระยะทางที่ได้จะแตกต่างกันไปตามสภาพของรถและแบตเตอรี่ เส้นทางและสภาพแวดล้อมจริง และสไตล์การขับขี่
คุณสมบัติเสริมและความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามข้อมูลจำเพาะของยานพาหนะ (รุ่นและระบบส่งกำลัง) และตลาด หรือจำเป็นต้องติดตั้งคุณสมบัติอื่นๆ เพื่อให้พร้อมเหมาะสม โปรดติดต่อผู้แทนจำหน่ายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ พระราม 4 โทร 02-666-7500, โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ สยามพารากอน โทร 02-007-0008, โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ภูเก็ต โทร 076-355-703 หรือ ติดตามข่าวสารได้ที่
www.jaguar.co.th และ
www.landrover.co.th