ชาร์จ แมเนจเม้นท์ ประสบความสำเร็จอีกระดับกับก้าวสู่การผนึกกำลัง 4 พันธมิตรชั้นนำของประเทศ “บางจาก - สยามฟิวเจอร์ - กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว - พันธมิตรกลุ่มค้าปลีก” นำร่องด้วยการผนึกกำลังค่ายรถยนต์ปอร์เช่ ร่วมพัฒนาสถานี การันตีมาตรฐานรองรับซูเปอร์คาร์ พร้อมโชว์ศักยภาพเตรียมเปิด High Power Charging Station กำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จเพียง 10 นาที เร็วสุดในประเทศไทย! จากปัจจุบันรองรับการชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จเร็วสุดเริ่มที่ 25 นาที ชูจุดเด่นบริการที่เหนือกว่าด้วยแอปพลิเคชั่น SHARGE รองรับบริการค้นหาสถานี จองหัวชาร์จล่วงหน้า 24 ชั่วโมง และตรวจสอบเวลาชาร์จของรถที่ชาร์จคันก่อนหน้า และจ่ายค่าไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่น
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจชาร์จ EV ที่จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย ซึ่ง SHARGE คาดการณ์ว่าภายในปี 2574 จะเติบโตขึ้น 10 เท่า เนื่องจากภาครัฐเข้ามาสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เรื่องมาตรการส่งเสริมการนำเข้า EV จากต่างประเทศซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยมีราคาที่ถูกลงมาก ประเด็นนี้มองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญให้ผู้ใช้รถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดความต้องการใช้ EV มากขึ้น ธุรกิจเกี่ยวกับการชาร์จ EV ก็เติบโตควบคู่กันไป จะเกิดการลงทุนพัฒนาสถานีชาร์จมากขึ้น ทั้งหมดนี้จะสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 ที่จะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ เป็น EV ทั้งหมด
จากแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย SHARGE จึงได้ตั้งเป้าในการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งกระแสสลับ (AC Charging) และกระแสตรง (DC Charging) เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 200 สถานี หรือราว 1,200 หัวชาร์จ โดยปัจจุบัน SHARGE มีจุดให้บริการ EV Charging ใน 7 สถานี รวมกว่า 50 หัวชาร์จ ในทำเลธุรกิจ ปรได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ชิดลม, โครงการ T77, สิงห์ คอมเพล็กซ์, ไบเทค บางนา, ทรูดิจิทัล พาร์ค และอาคารฮักส์ นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 6 สถานีภายใน ธ.ค.นี้ โดยเมื่อรวมกับแผนการเปิดสถานีเพิ่มเติมในปี 2565 จะส่งผลทำให้ SHARGE มีสถานีให้บริการถึง 213 สถานีหรือกว่า 1,200 หัวจ่ายได้ภายในปีหน้า
โดยล่าสุด SHARGE ได้จับมือกับพันธมิตร 4 กลุ่มใหญ่ เพื่อเพิ่มขอบเขตบริการไปสู่การเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อให้บริการครอบคลุมไปสู่ผู้ใช้ EV ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยพันธมิตรที่เข้ามาร่วมมือในขณะนี้มาจากองค์กรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในด้านทำเลที่ผู้ใช้ EV เข้าถึงง่าย ประกอบด้วย 1. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) 2. พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม 3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) 4.พันธมิตรกลุ่มห้างค้าปลีกอื่นๆ โดยจากการร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 4 กลุ่มนี้ทำให้ SHARGE มีแผนจะเปิดให้บริการสถานีชาร์จภายในปีนี้อีก 6 สถานี
การเข้ามาของพันธมิตรทั้ง 4 กลุ่ม จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้ SHARGE ด้วยการดึงเอาจุดเด่นของพันธมิตรแต่ละราย ครอบคลุมทำเลศักยภาพ สนับสนุนธุรกิจให้เกิดการบริการที่ดีที่สุด สร้าง EV Charging Ecosystem อย่างครบด้าน และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพันธมิตรแต่ละรายมีสถานที่ให้พัฒนาเป็นสถานีชาร์จ EV ในทำเลที่แตกต่างกัน เริ่มต้นจาก
- บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นของ SHARGE ที่จะมาร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV ชาร์จเร็ว (High Power Charging Station) ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ ในทำเลกรุงเทพ โดยเฉพาะในย่านใจกลางธุรกิจ ถ.สุขุทวิท, ถ.พัฒนาการ และ ถ.ศรีนครินทร์ โดยสถานีแรกที่จะพัฒนาร่วมกันจะอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมันบากจาก ซ.สุขุมวิท 62 ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564 นี้
- พันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว กลุ่มผู้ประกอบการในหัวเมืองต่างๆเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่จะร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station ในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยขณะนี้มีสถานีให้บริการแล้วที่โรงแรม The Standard หัวหิน เป็นสถานีนำร่อง
- บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือคอมมูนิตีมอลล์และแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำกระจายอยู่ในทำเลศักยภาพ ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์จะเป็นการชาร์จแบบปกติ ให้บริการที่ เจ อเวนิว ทองหล่อ, เอกมัย พาวเวอร์ เซ็นเตอร์, ลา วิลล่า อารีย์ และ มาร์เก็ตเพลส กรุงเทพกรีฑา ซึ่งทุกทำเลถือว่ามีศักยภาพสูงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มาช็อปปิ้งหรือรับประทานอาหารที่ปกติจะใช้เวลาตามแหล่งไลฟ์สไตล์เหล่านี้มากกว่า 1 ชั่วโมง โดยจำนวนสถานีร่วมที่กับสยามฟิวเจอร์จะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.นี้ ทุกสถานี
- กลุ่มพันธมิตรห้างค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มนี้จะให้บริการสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าในใจกลางเมืองที่ต้องการที่ชาร์จขณะเดินช็อปปิ้งให้ครอบคลุมมากขึ้น
การเปิดสถานีให้บริการร่วมกับพันธมิตรครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่สนับสนุนให้ SHARGE สามารถเปิดบริการสถานนี้ได้ครอบคลุมลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม (NIGHT-DAY และ ON-THE-GO) ซึ่งสอดคล้องตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่วางไว้ ซึ่งการเปิดสถานีในทุกทำเลศักยภาพของ SHARGE นี้เพื่อให้ SHARGE ก้าวไปสู่ผู้ให้บริการธุรกิจชาร์จรถ EV ครบวงจร ซึ่งสถานีของ SHARGE ในหลายทำเลเป็นสถานีที่พัฒนาร่วมกับค่ายรถยนต์ปอร์เช่ (บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีของค่ายรถยนต์ชั้นนำนี้ถือเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของสถานีชาร์จที่สามารถรองรับการชาร์จสปอร์ตคาร์ของทางปอร์เช่ และค่ายอื่นๆได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นการการันตีลูกค้าของปอร์เช่ที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีการให้บริการหลักยังคงเน้นลูกค้ากลุ่ม NIGHT ที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จตามที่พักอาศัย เพราะถือเป็นกลุ่มใหญ่สุดที่จะมีความต้องการชาร์จไฟฟ้า เนื่องจากเป็นการให้บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันที่มักจะชาร์จไฟฟ้าขณะที่จอดรถไว้ที่พักอาศัยในช่วงกลางคืน ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างระบบนิเวศเพื่อช่วยกันผลักดันการใช้ EV ของไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการช่วยให้ผู้ใช้ EV เข้าถึงที่ชาร์จได้เพียงพอถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันให้ EV เติบโต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
สำหรับการเปิดบริการสถานีบริการของ SHARGE จะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการให้บริการ เพราะล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเปิดให้บริการสถานีแบบ High Power Charging Station ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จต่ำสุด 10 นาที ถือเป็นการให้บริการที่เร็วที่สุดในประเทศไทย จากปัจจุบันที่ SHARGE มีสถานีบริการที่มีกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ และใช้เวลาชาร์จต่ำสุด 25 นาที นอกจากนี้ยังให้บริการด้านการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น SHARGE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับการใช้งานชาร์จ EV ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และครอบคลุมทุกสถานีการให้บริการที่ทุกแบรนด์สามารถใช้งานร่วมกันได้ โดยความโดดเด่นของแอปพลิเคชั่น SHARGE คือผู้ใช้บริการสามารถจองหัวชาร์จล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง โดยมีค่าจอง 20 บาท และค่าจองนี้สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าในการชาร์จได้อีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ในปัจจุบัน SHARGE เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียว นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลของสถานีชาร์จแต่ละแห่งว่ารถที่กำลังชาร์จอยู่แต่ละคันจะชาร์จเสร็จในช่วงเวลาไหน เพื่อให้ผู้ใช้งานคันต่อไปสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น