ORA Good Cat เปิดราคารุ่น
400 TECH ที่ 989,000 บาท รุ่น
400 PRO ราคา 1,059,000 บาท และรุ่น
500 ULTRA ที่ 1,199,000 บาท แพงไปไหม?.... นับเป็นคำถามที่กวนใจสำหรับผู้ที่สนใจและคาดกหวังกับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตประเทศไทยหรือ "ความหวังหมู่บ้าน" ก็อาจเป็นได้กับการที่กระแสน้ำมันแพงขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกก็ไม่สูงไปกว่าในอดีตที่เคยทะลุ 100 กว่าเหรียญฯ แต่ทำไมน้ำมันยังขยับตัวสูงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การมาเปิดตัวของเหล่า Avanger EV Car จึงอุบัติขึ้นท่ามกลางความหวัง แม้ว่าหลายค่ายจะมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางในหลายรุ่น แต่ด้วยโครงสร้างภาษีและอีกหลาย ๆ ด้าน (ที่ไม่ขอเขียนถึง) ทำให้ราคาที่รัฐฯ สนับสนุนแล้วก้ยังสูงเกินมนุษย์เงินเดือนจะคว้าไหว
ORA Good Cat จึงเป็นทางเลือกเดียว (ในขณะนั้น) ที่จะเข้ามาเยียวยาจิตใจผู้ที่หลงไหลเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและอาจจะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายมากขึ้นแต่วิ่งได้เท่าเดิม หันมาลองใช้การเสียบปลั๊คเพียว ๆ โดยไม่ง้อน้ำมันอีกต่อไป แม้จะรู้ดีว่าค่าไฟจะสูงขึ้นในอนาคตก็ตาม แต่ถ้าคิดเป็นสัดส่วนแล้วนับว่ายังถูกกว่าราคาน้ำมัน จึงทำให้กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงโดยเฉพาะเจ้าแมวดีรุ่นนี้ แต่เมื่อประกาศราคาออกมาหลายคนที่เคยคาดว่า
"รถจีนคงไม่แพงหรอก" หรือ
"ถ้าราคาสูงก้ขายไม่ออก" แต่ความจริงกลับมีคนสนใจและทำให้ยอดจองที่อาจยังไม่ซื้อจริงทะลุไป 4 พันกว่าคันในแค่ 24 ชั่วโมง นั่นแสดงให้เห็นว่า ชาวไทยให้ความสนใจกับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
จากตัวเลขการจองสิทธิ์ของ "น้องแมวดี" อาจจะยังไม่ใช่การซื้อขายจริง แต่ทั้งนี้ผู้ที่จองเอาไว้จะต้อง "ชำระเงินมัดจำ จำนวน 10,000 บาท ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.59 น. รวมถึงออกรถและส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 " หลังจากนั้นก้จะทราบว่าจำนวนที่ซื้อขายจริงเท่าไหร่!!
ORA Good Cat 989,000 บาทแพงไปไหม?
เมื่อ Good Cat เปิดราคาเริ่มต้นที่ 989,000 บาท ถึงรุ่นสูงสุด 1,199,000 บาท หลายคนร้อง ว้าวววว...... ทำไมแพงจัง! ไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ หรือ จะขายได้หรอ หรืออาจหันกลับไปซบอกค่ายเจ้าตลาดและรถยนต์ไอบริด แต่หากในมุมมองของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในประเทศไทยนั้น รถยนต์ไฟฟ้าล้วนส่วนมากราคาพุ่งไปล้านกลาง ๆ ไม่นับรุ่นที่ปรับราคาช่วงหลัง ประกอบกับเทคโนโลยีของระบบชุดมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชุดแปลงไฟ ระบบชาร์จไฟต่าง ๆ รวมถึง ระบบปรับอากาศ มีต้นทุนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้น้ำมัน และยังต้องนำเข้าชิ้นส่วนแบตเตอรี่จากต่างประเทศอีก เพียงแค่ระบบนี้ราคาก็พุ่งขึ้นไปเยอะแล้ว ยังไม่รวมต้นทุนการผลิต ชิ้นส่วนควบอื่น ๆ อีกเพียบ แต่ก็มีจำนวนชิ้นส่วนของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่น้อยกว่าครึ่งของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
ไม่เพียงเท่านั้นในรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นก็มีระบบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีไม่แพ้รถยนต์ทั่วไป อย่าง ORA Good Cat ถูกวางตัวเป็นรถในซี-เซกเมนต์ เมื่อเทียบในเรื่องของขนาดตัวรถ ความกว้างขวางก็ใกล้เคียงกับ Altis, Civic, HR-V หรือ Kicks และวัสดุก็ไม่ดีหรือแย่อยู่ในระดับกลาง ๆ จึงไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างว่าราคาจะต้องต่ำกว่าได้ซะทีเดียวครับ
นอกจากนี้ความสะดวกสบายภายในก็ให้มีค่อนข้างคุ้มอย่างเช่นจอสี TFT Integrated Double Screen ที่ยาวเต็มคอนโซลแบ่งเป็นหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงระบบกรองอากาศ CN95 ซึ่งสามารถลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และลดกลิ่นเหม็นได้ รองรับ Apple CarPlay Android Auto และ Google Assistant และการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
เทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ ปลอดภัย สเปคเทียบเท่ารถยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม!
ORA Good Cat ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 PS แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้ ต้องบอกว่ากำลังระดับนี้เทียบเท่าเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 - 2.4 ลิตร ขับสนุกแน่นอนไม่ต้องรอรอบอีกด้วย ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) และหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พวงมาลัยปรับน้ำหนักได้ 3 แบบคือ เบา-สบาย-สปอร์ต พร้อมเหล็กกันโคลง พร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดอีโค่ โหมด อีโค่พลัส และโหมดอัตโนมัติ
ORA Good Cat ยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างครบครัน ด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ อาทิ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Adaptive Cruise Control : ACC - with Intelligent Turning) (มีเฉพาะในรุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบนี้ยังช่วยชะลอความเร็วในขณะเข้าโค้งโดยอัตโนมัติให้อีกด้วย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Assist :ICA) (มีเฉพาะในรุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA) ระบบจะทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (Wisdom Dodge System : WDS) (มีเฉพาะในรุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA) ระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (Integration Intelligent Parking : IIP) (มีเฉพาะในรุ่น 500 ULTRA) ใช้เซ็นเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา (มีเฉพาะในรุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA) ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ "เฮลิคอปเตอร์" และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่นให้อะไรบ้างจะคุ้มค่าไหม? 1. ORA Good Cat รุ่น 400 TECH มาพร้อมกับสีรถยนต์ภายนอกที่มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White) โดยภายในห้องโดยสารของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ทุกคันจะเป็นสีดำและเป็นเบาะผ้า มาพร้อมกับล้อขนาด 17 นิ้ว และเซ็นเซอร์กะระยะหลัง 4 จุด
โดดเด่นด้วยหน้าจอแบบ Integrated Dual Screen ขนาดใหญ่ 17 นิ้วพร้อมฝาครอบ และระบบนำทางอัจฉริยะ
2. ORA Good Cat รุ่น 400 PRO มีสีภายนอกให้เลือกเพิ่มเติมจากรุ่น 400 TECH รวมเป็น 5 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) สีขาว (Hamilton White) สีฟ้า (Coral Blue) และตัวเลือกสีทูโทนอย่าง ตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof) และตัวรถสีขาวพร้อมหลังคา
สีดำ (Hamilton White with Black Roof) โดยในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ทุกคันจะมีสีภายในห้องโดยสารเป็นสีดำ พร้อมเบาะหนัง ซึ่งในรุ่น 400 PRO ได้มีการเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ รวมไปถึงกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา และหลังคาไฟฟ้า Panoramic Sunroof พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว เซ็นเซอร์กะระยะหลัง 4 จุด และระบบไล่ฝ้าภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ
โดย ORA Good Cat ทั้งรุ่น 400 TECH และรุ่น 400 PRO ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยใช้เวลาในการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงแบบ DC 0%-80% ภายในระยะเวลาประมาณ 46 นาที หรือชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
3. ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA มาพร้อมสีภายนอกที่มีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) สีขาว (Hamilton White) สีฟ้า (Coral Blue) และตัวเลือกสี
ทูโทนอย่างตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof) และตัวรถสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ซึ่ง 5 สีภายนอกนี้ จะมาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำและเบาะหนัง ส่วนสีภายนอกแบบทูโทน อีก 2 สีที่เพิ่มเข้ามา คือ ตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีเขียว/เทา พร้อมเบาะหนัง และตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) ที่มาพร้อมภายในห้องโดยสารสีเบจ/น้ำตาล และเบาะหนัง โดยทุกคันในรุ่นนี้จะมาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามาถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยใช้เวลาในการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงแบบ DC จาก 0%-80% ภายในระยะเวลาประมาณ 60 นาที หรือชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง
ในรุ่น 500 ULTRA นี้ ยังพิเศษไปด้วยฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีที่ให้มาเพิ่มเติมจากรุ่นอื่นๆ อย่าง ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ เพื่อช่วยจอดอัตโนมัติได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง และยังมีเบาะนวดไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะของผู้ขับ ระบบ Welcome Seat และระบบบันทึกตำแหน่งของกระจกมองข้าง รวมไปถึงไฟ Welcome light เซ็นเซอร์กะระยะหลัง 6 จุด และระบบไล่ฝ้าภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ
ซึ่งทั้ง 3 รุ่น มีมิติตัวรถ 1,825 x 4,235 x 1,596 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,650 มม. ถือว่ายาวที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน โดยตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM E LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าอัจฉริยะที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนและรองรับเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และเปี่ยมไปด้วยความปลอดภัยขั้นสูง ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น ยังโดดเด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมระบบ Active Air Intake และไฟหน้าอัจฉริยะแบบ Full LED รูปทรงกลมแบบ Cat-Eyes หลังคา Panoramic Sunroof ที่เปิด -ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า (สำหรับรุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA) แถบไฟท้ายพาดยาวจากซ้ายจรดขวา (LED Tail light Strip) ไฟตัดหมอกท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ภายในห้องโดยสารของ ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น ได้รับการออกแบบอย่างประณีตภายใต้แนวคิด "Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship" นับเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ดึงดูดทุกสายตา พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Integrated Double Screen ที่แบ่งออกเป็นหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงระบบกรองอากาศ CN95 ซึ่งสามารถลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสดชื่นอยู่ตลอดเวลา
ORA Good Cat คุ้มค่าหรือไม่ถามใจ เธอดู
แน่นอนว่า ORA Good Cat เป็นรถยนต์หน้าใหม่ไฟแรง การเปิดราคามาเฉย ๆ อาจยังไม่ดึงดูดเท่าไหร่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงจัดแคมเปญพิเศษอัดแน่นด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย Good Cat ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ 400 TECH ราคา 989,000 บาท รุ่น 400 PRO ราคา 1,059,000 บาท และรุ่น 500 ULTRA ราคา 1,199,000 บาท โดยยังคงใช้นโยบายแบบ "ONE PRICE" ราคาเดียวเท่ากันในแต่ละรุ่น ในทุกๆ ช่องทางการจำหน่าย ทั่วประเทศ
ในโอกาสนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้ส่งมอบแคมเปญ ORA Good Cat PREMIERE DEAL สำหรับช่วงการเปิดตัว
ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2564 เวลา 20.00 น. ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เวลา 23.59 น. ที่อัดแน่นไปด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ได้แก่
• ดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 18,000 บาท
• ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 20 เมตร จำนวน 1 ครั้ง (ไม่รวมค่าแท่นชาร์จ) มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
• ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
• ฟรี ค่าแรงและค่าอะไหล่งานบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM PRO Service Inclusive : GPSI) จำนวน 5 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 10,588 บาท
• ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ( Roadside Assistance ) เป็นระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท
• ฟรี สิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับและส่งมอบรถยนต์เพื่อเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะทาง จำนวน 2 เที่ยว
(ไป-กลับ) รวม 4 ครั้ง มูลค่ารวม 3,000 บาท (ฟรี ระยะทาง 10 กิโลเมตรแรก/ครั้ง และกิโลเมตรต่อไปคิดเป็นราคา
5 บาท/กิโลเมตร)
• รับ GWM Point 15,000 คะแนน เพื่อแลกรับของสมมนาคุณและบริการต่างๆ บน GWM Application
รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ ORA Good Cat PREMIERE DEAL กว่า 125,000 บาท
นอกจากนี้ ORA Good Cat ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมการเตรียมเปิดสถานีชาร์จ แห่งแรกในประเทศไทยต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และขยายสาขา GWM Store หลังเปิดให้บริการแล้วกว่า 21 แห่ง ทั่วประเทศ ยืนยันเปิดครบ 30 แห่ง ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 50 แห่งภายในไตรมาสแรกปีหน้าอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจองรถ ORA Good Cat ในแคมเปญ ORA Good Cat PREMIERE DEAL สามารถดูรายละเอียดเงื่อนไขของแคมเปญนี้ พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารของ ORA Good Cat เพิ่มเติมได้ที่ GWM Application หรือ เว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH หรือ Official Facebook Page : GWM Thailand และ ORA Thailand
ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ในแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL หรือสั่งซื้อแพ็กเกจ ORA Value Plus สำเร็จแล้ว จะต้องทำสัญญาจองซื้อรถ ORA Good Cat และชำระเงินมัดจำ จำนวน 10,000 บาท ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.59 น. รวมถึงออกรถและส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขของแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL ได้ที่เว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH/ORA-TERMS-CONDITION