All New Bentley Flying Spur แกรนด์ทัวริ่งสุดหรู ขุมพลัง W12 635 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 25.99 ล้านบาท
All New Bentley Flying Spur (ดิออล์นิว เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์) ที่สุดแห่งแกรนด์ทัวริ่งซีดาน 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ คงความหรูหราพร้อมการตกแต่งสุดร่วมสมัยครั้งแรกในประเทศไทย ที่สุดในโลกแห่งยนตกรรม ฟลายอิ้ง บี มาสคอตของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะถูกนำมาเพิ่มความหรูหราและผสานความร่วมสมัยเป็นครั้งแรกให้กับ ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ แกรน ทัวเรอร์ 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ
ด้วยดีไซน์สุดล้ำสมัยตอบรับทศวรรษหน้า ฟลายอิ้ง บี ถูกออกแบบมาให้ฝังอยู่ภายใต้โลโก้ปีกนกของเบนท์ลีย์บริเวณฝาประโปรงหน้า และสามารถปรับขึ้นมาเหนือฝากระโปรง ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในด้านเทคโนโลยีความล้ำสมัยของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 3
ในส่วนอนาคตของต้นแบบยนตกรรมหรู ฟลายอิ้ง บี ได้ถูกนำมาใช้กับคอนเซปคาร์อย่าง EXP 100 GT ซึ่งถือเป็นไอคอนสุดอัจฉริยะ ด้วยฟังก์ชันเรืองแสง โดยสามารถปรับแสงตั้งแต่งกระจังหน้ารถ ผ่านตัวมาสคอต ฟลายอิ้ง บี ตลอดจนตัวถังถึงห้องโดยสาร
ฟลายอิ้ง บีได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 90 กว่าปีที่แล้ว กับโมเดลเครื่อง 8 ลิตร ปี 1930 ตัวมาสคอตไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นมาตรฐานในสมัยนั้น เพียงแต่เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเท่านั้น
มาสคอตแบบดั้งเดิมเป็นตัวอักษร B ประกบด้วยปีกนก และมีลักษณะแบนเรียบ ถือกำเนิดโดย W.O. Bentley ผู้ก่อตั้งบริษัท Bentley Motor ในปี 1919 ซึ่งเป็นเวลากว่า 100 ปี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี รูปแบบมาสคอตได้ถูกออกแบบใหม่ให้สอดคล้องกับอีกทศวรรษของเบนท์ลีย์ และถือเป็นวิวัฒนาการของการออกแบบมาสคอตแบบดั้งเดิม สำหรับ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้น ตัวมอสคอตได้ถูกออกแบบมาให้สามารถควบคุมและปรับแสงด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเชื่อมกับ Welcome Lighting และระบบกุญแจอัจฉริยะเมื่อผู้ขับเข้าใกล้ตัวรถ
ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ รวมเอาความโฉบเฉี่ยวของสปอร์ต ซีดาน และนิยามใหม่ของความหรูหราแบบร่วมสมัยเข้าด้วยกัน ซึ่งการออกแบบ การประกอบและวางระบบ รวมถึงงานฝีมือได้ถูกดำเนินการในประเทศอังกฤษ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตรถแกรนทัวร์เรอร์อันดับต้นๆของโลก ทำให้มั่นใจได้ถึงความเป็นที่สุดของความปราณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด
เดอะออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นได้ถูกสรรค์สร้างมาให้นำเสนอดีไซน์ดั่งการแกะสลัก แต่ยังคงไว้ซึ่งความทันสมัย และมีสัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรง ที่เป็นความโดดเด่น ของเจเนอเรชั่นนี้ โครงสร้างของไฟหน้า LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล และล้อมไปด้วยแผ่นโลหะเคลือบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบมาเป็นรูป ตัวอักษร B อีกทั้งล้อใหม่ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อบุคลิกที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของ ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
ทั้งนี้การออกแบบใหม่ของ โลโก้ ฟลายอิ้ง บี ในศตวรรษนี้ ที่กระจังหน้านั้น ได้ถูกปรับให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ที่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความงดงามโฉบเฉี่ยว เสนอรูปลักษณ์ของความมีคุณภาพของรถรุ่นนี้ พลังฝีมือทางด้านเทคโนโลยี ของเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ไม่เป็นสองรองใคร โดยได้ถูกกำหนดให้เป็น รถแกรนด์ทั่วริ่งซีดาน ที่มีความหรูหราที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้ โดยนำเสนอทั้ง เทคโนโลยีขั้นสุด ที่ผสานโครงรถยนต์ อะลูมิเนียม และ ระบบการควบคุมไฟฟ้า ถึง 48 โวลต์เข้าด้วยกัน
การขับเคลื่อนของเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นถูกออกแบบให้เป็นการคลับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ควบคู่ไปกับระบบ Active All-Wheel Drive และ Bentley Dynamic Ride ทำให้ผลการตอบสนอง ของระบบควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพมาก มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนใหม่ โดยใช้แอร์สปริงแบบ Three-chamber ทำให้ระบบช่วงล่างนั้นสามารถนำเสนอได้ทั้ง ความนุ่นลึกแบบรถลีมูซีน และยังสามารถตอบสนองอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยเน้นประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่ไม่เคยพบในรถในรุ่นเซ็กเมนท์นี้มาก่อน
นอกจากนั้นฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอตัวช่วยในการขับขี่อีกหลายระบบ ทั้งแบบมาตรฐาน ที่รวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆ อย่าง Traffic Assist, City Assist and Blind Spot Warning โดยที่ระบบเบรคของเบนท์ลีย์นั้น ได้รวบรวมระบบรักษาความปลอดภัยชั้นสูง โดยมีการใช้วัสดุชั้นเยี่ยมหลากหลาย
โดยหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นได้ใช้ระบบขับเคลื่อนใช้ขุมพลังบล็อก W12 สูบ ความจุ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ชาร์ต ระบบเกียร์ ดูโอคลัช 8 สปีด ระบบ TSI เพิ่มพละกำลังที่ 635 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำความเร็วที่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เวลา 3.8 วินาทีและ ความเร็วสูงสุดที่ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในส่วนของ ช่วงล้อนั้นเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ได้เพิ่มความยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีห้องโดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร นอกจากนั้นยังมีความวิจิตรบรรจง จากการตกแต่งโดยแผ่นไม้วีเนียร์ ทั้งแบบสีเดียว และแบบทูโทนให้เลือก โดยในส่วนออฟชั่นนั้น ยังรวมไปถึง การปักของเบาะหนัง Mulliner Driving Specification ในรูปแบบของเพชรอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการปักลวดลายเพชร 3 ชั้นในส่วนประตูข้าง
ความโดดเด่นของเทคโนโลยีผสานความสบายและสนุกของผู้โดยสารด้วยการรังสรรค์ หน้าจอดิจิตอลคมชัดแบบทัชสกรีน (HD Digital) พร้อมกับหน้าปัดแบบ Rotating display ที่คอลโซลกลาง ขนาด 12.3 นิ้ว อันประดับไปด้วยไม้วีเนียร์ พร้อมไปด้วย รีโมตคอนโทรล ของหน้าจอทัชสกรีนที่ควบคุมคำสั่งได้จากผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งหมดนี้ทำให้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์เป็นยนตรกรรมชั้นเอกที่มีความทันสมัยของนวัตกรรม และให้ความรู้สึกหรูหราตลอดการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการความทันสมัย ภายในยังสามารถเลือกหลังคาแก้วแบบพาโนรามิครูฟ ซึ่งมีความยาวตลอดหลังคารถอีกด้วย
ความโดดเด่นของการออกแบบของฟลายอิ้ง สเปอร์ ออกแบบมาอย่างใหม่หมดจด ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยไร้ที่ติ โดยมีการเพิ่มความยาวของฐานล้อเพิ่ม 130 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ เจเนอเรชั่นที่ 2 ของโมเดลนี้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นถูกจัดให้มีความเข้มแข็งขึ้น บึกบึนในส่วนของเส้นหลัก ที่คมชัดและลากผ่านตัวรถเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ได้ถูกยกพื้นและสร้างขึ้นใหม่ โดยมีโครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบประติมากรรม ของเส้น power line ตามต้นแบบของรุ่น เดอะ คอนทิเนนเทิล จีที โดยทีมวิศวกรรมของเบนท์ลีย์ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการ อัดอะลูมิเนียม และหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง จึงได้ออกมาเป็น ตัวรถที่มีความแข็งแรง หนึบแน่น เพิ่มความแข็งแรงและการทรงตัวที่ดีของรุ่นนี้
การรังสรรค์พิเศษสุดนี้ยังมีความโดดเด่นไปด้วยกันกับ ไฟหน้า LED ที่ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างการออกแบบแบบคริสตัลคัท พร้อมด้วยวัสดุโครเมี่ยม ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไฟหน้ามีความเงา ประกายแม้จะไม่ได้เปิดไฟ ด้านหลังของไฟท้ายรถยังถูกออกแบบให้มีไฟท้ายที่มี ตัวอักษร กราฟิค B ล้อมไปด้วย ลวดลาย diamond knurling ที่พบในช่องแอร์ภายในรถ อีกทั้งนำเสนอยังออฟชั่นมาตรฐานของล้อขนาด 21 นิ้ว และตัวเลือกออฟชั่นพิเศษอย่าง ล้อ 22 นิ้วจาก Mulliner อีกด้วย เสียงท่อที่เร้าใจไม่แพ้ดีไซน์ของมัน ซึ่งได้ผลพวงมาจาก ท่อไอเสียแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ในช่วงการควบคุมด้านหลังของตัวรถที่ถูกจูนมาแล้ว ให้มีการแสดงผลของท่อไอเสีย ให้คนขับได้ทราบถึงสภาวะต่างๆของรถอีกด้วย
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอหลังคาแก้วพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ไปคลุมเหนือ แผงด้านหลังได้อีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ยังเพิ่มในส่วนหนังแผงกัน Alcantara ที่เคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทริคมาพร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาที่มีให้เลือกแมช ถึง 15 สีอีกด้วย
โลโก้ ฟลายอิ้งบี ที่ใช้ตกแต่งหน้าคันรถนั้น ยังถูกออกแบบใหม่หมดจดในสไตล์ทันสมัยโดยออกแบบมาเฉพาะ ในโอกาสที่เบนท์ลีย์เฉลิมฉลองครบ 100 ปี โดยเน้นไปยังความหมายของวิวัฒนาการของ แบรนด์ในศตวรรษที่กำลังจะถึงนี้ โดยโลโก้ที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์นี้ สัมพันธ์กับ ไฟหน้ากระพริบ เมื่อเจ้าของรถเดินเข้าไปใกล้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นำเสนอ สีมาตรฐานของเบนท์ลีย์ถึง 17 สี โดยถูคัดสรรให้เหมาะเจาะกับ บุคลิกและลายเส้นที่ถูกออกแบบมาของรถ
ห้องโดยสาร อันหรูหราด้วยฝีมือปราณีตบรรจง
การออกแบบภายในของ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูของเบนท์ลีย์ โดยเป็นผู้นำของความหรูหรา และ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างไร้ซึ่งคู่เปรียบเทียบ ด้วยความโดดเด่นของสไตล์ ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่ให้ความสบาย และแหวกแนวด้วยการปักที่นำเสนอสีด้ายกว่า 15 เฉดสี อีกทั้งคอนเซปต์ Bentley's Wing ที่สองข้างของปีกอันทรงพลังพาดผ่านคอนโซลหน้าและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถ
นอกจากนั้นยังมีไม้วีเนียร์ ที่ประดับบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์ และบริเวณประตูของรถ ส่งผลให้รถดูกว้างขึ้นอีกด้วย มาพร้อมกับ คอลโซลกลางที่มีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบสัมผัสทัชสกรีนแบบ HD ที่ดูสมดุลย์ไปกับช่องแอร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ที่นำเสนอความไร้ที่ติของเทคโนโลยี กับที่ชาร์ต wireless และ ปลั๊กชาร์ต USB อีกสองจุดสำหรับอุปกรณ์สื่อสารอีกด้วย
พร้อมจอดิจิทัลอเนกประสงค์สุดล้ำของเบนท์ลีย์คือ Bentley Rotating Display ที่ประกอบด้วยทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนหน้าปัด 3 ด้านแบบหมุนได้ ผู้ขับจึงสามารถสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, ทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของ อุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา ซึ่งความหรูหรา สง่างาม พร้อมรายละเอียดสุดประณีตซึ่งจะพบได้ใน เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์อีกด้วย
การปักของหนังเบาะรถลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bentley EXP 10 Speed 6 ถูกนำเสนอผ่านลาย Three-dimensional diamond นั้นยังสามารถพบได้บริเวณประตูเป็นครั้งแรก เท่านั้นยังไม่พอเบนท์ลีย์ยังนำเสนอลาย Diamond knurling ในส่วนช่องแอร์ และยังถูกประดับไว้ล้อมรอบนาฬิกาอีกด้วยรวมไปถึง ชุดของคำสั่งของชุดซอฟแวร์ใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นสำหรับความโค้งของท่อต่างๆ
ลายไม้วีเนียร์ลายใหม่ Crown Cut Walnut ได้ถูกนำเสนอให้เป็นออฟชั่นหนึ่งของฟลายอิ้ง สเปอร์ โดยลายนี้มีความโดดเด่นในความทันสมัย และยังมีตัวเลือกเพิ่มกับ Dark Fiddleback และ Piano Black สำหรับท่านที่ชอบ ลายไม้ทูโทนยังสามารถสั่งได้ตามใจนึก โดยสามารถเลือกประเภทไม้ที่ประดับห้องโดยสารได้อย่างใจ
ทางเลือกแดชบอร์ดออกแบบให้ยาวและดูพลิ้วไหว คล้ายโลโก้รูปปีกนกของเบนท์ลีย์ยังมีให้เลือก พร้อมสีที่สวยงดงามสง่า ที่เชื่อมต่อระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังมีออฟชั่นใหม่ล่าสุด Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 สีด้วยกัน เบาะนั่งมีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ, ระบบเก้าอี้นวด ระบบปรับเบาะเอียงด้านบน ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่ละเมียดละไมไปด้วย การปักและถักทอของปรมาจารย์ชั้นครูจากเบนท์ลีย์ โดยเบาะหลังยังให้ความรู้สึกกว้าง พร้อมที่จะปกป้องทุกที่ที่ไป โดยเบาะหลังนั้นยังมีที่พักแขนในส่วนกลาง และที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย
เจนเนอร์เรชั่นที่สามของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ถูกพัฒนาให้ใช้ระบบ แอร์สปิงแบบสามห้อง ที่ประกอบไปด้วย ลมกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้ส่งผลให้รถ สามารถเน้นการทำงานในระบบสปอร์ตได้ดีขึ้น เกาะพื้นถนนได้ดี แถมยังคงรูปแบบของรถลีมูซีนอันหรูหรา ตามโหมดการทำงานที่ผู้ขับได้เลือก ในรุ่นใหม่นี้ยังเพิ่มในระบบฟีเจอร์ CDC (Continuous Damping Control) ที่ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์อีกด้วย
นอกจากนี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ยังได้นำเสนอ ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ที่สามารถวัด ระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับความแตกต่างในระดับความสูงปรกติ ระบบอากาศ ในสปริงจะถูกฟื้นฟูให้เหมาะกับระดับปรกติอย่างสมบูรณ์
ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และ ความนุ่มสบายมากขึ้น ระบบนี้มาพร้อมกับการควบคุมของกระแสไฟ 48 โวลต์ โดยจัดการความหนึบแน่น ของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถ ตามคำสั่งของการเข้าโค้ง และปรับให้ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นมีความเสถียรเช่นเดิม และความพิเศษของเบรคทำจากวัสดุเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของรุ่น Continental GT ที่มีขนาด 420 มิลลิเมตร โดยจานเบรคคาลิปเปอร์ ยังมีชื่อของเบนท์ลีย์ อยู่บนตัวจาน ทั้งในแบบมาตรฐานสีดำเงา และ ออฟชั่นในสีแดงเงาอีกด้วย
เทคโนโลยี อัน ชาญฉลาด ของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
แผงหน้าปัทม์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Display หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบ HD ที่มีเซนเซอร์โดยหน้าจออัจฉริยะสามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและ หน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถโชว์ ผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่นใน Home screen
ประกอบด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับที่ครบครัน ทั้ง Traffic Assist, City Assist และ Blind Spot Warning พร้อมกับระบบช่วยเหลือการมองยามค่ำคืนที่เพิ่ม Head Up Display ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถโฟกัสถนนข้างหน้าTop View Camera กล้องติดรถคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่บันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ และระบบถอยจอดรถอัตโนมัติอีกด้วย
เทคโนโลยี LED Matrix แต่ในส่วนของดีไซน์รูปทรงโคมไฟหน้ากลับรักษาความคลาสสิกและลำแสงไฟ พื้นผิวภายในโคมไฟโปร่งใส สวยงาม ให้ความสว่างสดใส และการตัดแสงโดยหลีกเลี่ยงแสงแยงตาจากรถฝั่งตรงข้าม
ด้านหลังของผู้โดยสาร เบนท์ลีย์ได้เพิ่มหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ที่ใช้สะดวก วางไว้แนบกับคอนโซล โดยสามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมต นอกจากนี้รีโมตคอนโครลอัจฉะริยะยัง สามารถควบคุมระบบอื่นๆของ รถได้อีก ด้วยอาทิ ฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และ ควบคุมไฟ Mood Lighting ในรถอีกด้วย
ระบบเสียงทั้งสิ้น 3 แบบ ไม่ว่าจะมาตรฐาน ที่ให้ลำโพง 10 ตัว ระบบไฟ 650 วัตต์ หรือเครื่องเสียงชั้นนำ Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง16 ตัว กับแผงประดับ ที่ให้ความสวยงาม นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบ BeoSonic system ทางเลือกใหม่ที่ปรับระดับเสียงเพียงสัมผัส และแน่นอนกับระบบเครื่องเสียง Naim 2,2000 โวลต์ กับลำโพงถึง 19 ตัว พร้อมเครื่องแปลงความถี่ของเสียง โดยติดตั้งไว้หน้าที่นั่งทั้ง 2 ข้าง ให้ความคมชัดของเสียงและสามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน
The New Flying Spur (เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์) เจ้าของวิวัฒนาการขุมพลังใหม่ 6 ลิตร เครื่องยนต์ทวิน เทอร์โบชาร์จ W12 นี้พร้อมแล้วสำหรับทุกการสั่งจอง โดยเบนท์ลีย์ แบงค็อก สนนราคาเริ่มต้นที่ 25.99 ล้านบาท
โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 27 ปี เอเอเอสได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ทุกปีทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถเบนท์ลีย์ทุกท่านตาม นโยบายหลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอสดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" และให้ชื่อ AAS เป็น "The Name you can Trust" มานานกว่า 27 ปี