NISSAN GO ANYWHERE in Malaysia เที่ยวไปได้ทุกที่กับรถยนต์นิสสัน
การเดินทางขบวน
รถยนต์นิสสัน "GO Anywhere ลุยได้ทุกที่" ตะลุยรอบประเทศมาเลเซียกว่า 2,000 กม. ในทริปแรกออกเดินทางจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สู่ประเทศเทศมาเลเซีย โดยจะมีสื่อกรุ๊ปถัดไปมารับไม้ต่อ เพื่อวนกลับไทยอีกครั้ง
ทริปนี้เป็นการเดินทางด้วยรถยนต์นิสสัน ทั้ง 3 รุ่นคือ
นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่น 2.5 AWD นิสสัน เทอร์ร่า รุ่น 2.3 VL 4X4 และ
นิสสัน นาวาร่า 2.5 VL 4X4 รวมกว่า 15 คัน พร้อมการเตรียมแผนเดินทางร่มกับทางทีมงานประเทศมาเลเซีย
การเดินทางแบ่งออกเป็น 3 กรุ๊ป สลับรับไม้ต่อมาขับกันจนจบทริปใช้เส้นทางเริ่มตนจากตัวเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประเทศไทย ผ่านด่านในอำเภอซะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อข้ามแดนสู่ประเทศมาเลเซีย มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ "GO Anywhere ลุยได้ทุกที่" ไปพร้อม ๆ กันนะครับ แอดฯ ช้างรายงาน..!!!
Day 1 หาดใหญ่ - มาเลเซีย ด้วย Nissan X-Trail
วันแรกเดินทางจาก อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา ประเทศไทย ขับรถผ่านด่านสะเดา ซึ่งตรงนี้ทางนิสสัน จัดการเรื่องขอทะเบียนและป้ายวงกลมสำหรับการขับเข้ามาเลเซียเรียบร้อย ออกเดินทางด้วยรถยนต์
นิสสัน เอ็กซ์เทรล 2.5 AWD CVT เตรียมผ่านด่านสะเดากัน
ระหว่างลงจากรถเพื่อตรวจตามขั้นตอนเข้าเมืองมาเลเซีย
เมื่อผ่านด่านขับรถมุ่งหน้าสู่เมือง Menara Alor Setar พักทานอาหารที่หอคอยสูง 165.5 เมตร ชมวิวแบบ 360 องศา ตลอดเส้นทางจะคล้าย ๆ ประเทศไทย ภูมิประเทศเป็นภูเขาหอนปูนส่วนใหญ่ เหมือนพังงากับภูเก็ต จะเห็นรถยนต์ประจำชาติที่นี้คือ Proton และ Protodua หลังจากนั้นเดินทางต่อสู่ยอดเขาสูงกว่า 1,200 เมตร Jerai Hill Resort ที่พักคืนแรก
กินข้าวบนแทงค์น้ำ เอ้ย ร้านอาหารลอยฟ้า!
สูงและเสียวมาก
พื้นที่นั่งจะหมุนช้า ๆ ไปพร้อมกับการทานอาหาร
วิวสวยงาม
อาหารบนนี้พอทานได้ จืดบ้าง เค็มบ้าง ไก่อร่อยแต่จะออกแห้ง ๆ ขนมปังกระเทียมเกรียมอร่อยไม่น้อย
กาแฟรสชาติคล้ายตามโรงแรมในบ้านเรา
น้ำส้มคั้นสีคล้ายน้ำสับปะรด
เมืองอะลอ เซต้าร์
Nissan X-Trail 2.5 AWD CVT นุ่มนวล เกาะถนนขึ้นเขาสบาย
ความรู้สึกเมื่อลองขับ
Nissan X-Trail 2.5 AWD CVT รถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้ความสะดวกสบายด้วยนิสสันอินเทลลิเจนต์โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ในรุ่นนี้ให้มาครบ ๆ ทั้ง
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) แบบ 360 องศา
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA และHill Descent Control - HDC)
- เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control - VDC)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning - LDW)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) เป็นต้น
การขับขี่ของทีมงานเช็คราคาในวันแรกส่วนมากเป็นถนนเรียบ ขับผ่านระหว่างเมือง ใกล้เคัยงกับการขับใช้งานจริง ๆ เอ็กซ์เทรล ให้ความสะดวกสบายด้วย Nissan Connect ที่มีระบบอินโฟเทนเมนท์แบบAlliance In-Vehicle Infotainment (A-IVI) ที่เชื่อมต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay กับแอปพลิเคชันอื่นๆ ให้สามารถเชื่อมต่อได้ผ่านหน้าจอพร้อมกับระบบเสียงแบบสเตอริโอ
เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร QR25DE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time เกียร์ออโต้แบบ Xtronic CVT + M-Mode 7 สปีด 170 แรงม้า เกินพอต่อการใช้งาน และยังปลอดภัยด้วย 4WD ให้เข้าโค้งทางชันในช่วงขึ้นเขา Jerai และกำลังเหลือเฟือยแม้ขึ้นทางชันแบบหักศอก เพียงเติมคันเร่งเบา ๆ ก็สามรถขึ้นเนินชันได้อย่างสบาย
ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลภายในมีฟังก์ชั่นเพียบ พร้อมหลังคาซันรูฟและเบาะ 7 ที่นั่ง แถมด้วยระบบเปดประตูท้ายอัตโนมัติแบบ Hands Free Auto lift Gate
ทางขึ้นเขาแคบแต่สนุก
บนที่พักยอดเขา Jerai
วิวสวยเห็นทะเล
Day2 Jerai Hill Resort - ปราสาท Kellie's - Kuala Lumpur มันกับ Nissan Terra
ลงจากยอดเขาสูง Jerai Hill Resort กว่า 1,200 เมตร มุ่งหน้า ปราสาท Kellie's ที่มีอายกว่า 1,000 ปี และเคยใช้ถ่ายหนังเรื่อง Anna And The king ซึ่งปัจจุบันถูกขายต่อ ๆ กันไปจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชน
ผู้สร้างแห่งนี้เป็นวิศวกรรวยมาก สร้างให้มีช่องใส่ลิฟต์ด้วย แต่ไม่ทันเสร็จดีเสียชีวิตก่อน จึงถูกขายต่อ ๆ กันไป
สถานที่เคยถ่านหนัง Anna and The King
ต่อด้วยการขับขี่ผ่านเส้นทางหลวงหมายเลข E1 หรือ AH2 ที่เป็นถนนที่ดีที่สุด เรียบเนียบ สะดวกและรถมอเตอร์ไซค์สามารถวิ่งได้ด้วย ใช้เดินทางหลักสู่เมืองต่าง ๆ โดยในมื้อกลางวันนั้นได้เดินทางสู่ย่านชุมชนชาวจีนชิมอาหารจีนในมาเลเซียกัน!
ร้านอาหารจีนในมาเลเซีย
โดยรวมแล้วรสชาติดีมาก ถูกปากกับคนในทริปนี้
เมื่ออิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางต่อโดยมากับนิสสันจะให้สบาย ๆ ธรรมดาก็จะไม่ได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถยนต์ทั้ง 3 รุ่น จึงขับอ้อมภูเขาชมธรรมชาติกันอย่างเพลิดเพลินช่วยย่อยอาหารกลางวันได้ดี
มาลุยเส้นทางออฟโร้ด ย่อยอาหารกันต่อ
Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ผู้ใหญ่ใจดีสุขุมนุ่มลึก
ในวันที่สองเปลี่ยนรถยนต์มาเป็นทอร์ร่า คันใหญ่หนักแน่นแต่คล่องตัว และนุ่มนวลไม่แพ้เอ็กซ์เทรล ด้วยการเดินทางยังคงเป็นถนนเรียบ ๆ ในช่วงเช้า เมื่อทางโล่ง ๆ ได้ลองสมรรถนะจากขุมพลัง 2.3 ลิตร 190 แรงม้า ที่มีกำลังไหลแบบให้ความนุ่มนวลไม่กระชากมากนัก เน้นเพื่อการเดินทางแบบครอบครัว แต่ให้อัตราเร่งแซงที่ดี ไต่ระดับขึ้นได้เรื่อย ๆ จนแตะที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างรวดเร็ว เห็นคันใหญ่แต่ไม่อืดนะครับ
ความสะดวกสบายจัดเต็มไม่แพ้เอ็กซืเทรลเช่นกันด้วยระบบกล้องรอบคัน 360 องศาบนกระจกมองหลัง ซึ่งจุดนี้หวังว่าจะย้ายมาที่จอกลางพร้อมกับเปลี่ยนจอใหม่ให้ใหญ่และสวยขึ้นแบบเดียวกันในนาวาร่า
สะดวกด้วยเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ สวิตช์ปรับเบาะแถวสองอัตโนมัติ และประตูท้ายแบบ Hands Free ช่องแอร์หลัง พร้อมระบบเชื่อมต่อของ Nissan Connect ระบบอินโฟเทนเมนท์แบบAlliance In-Vehicle Infotainment (A-IVI) ที่เชื่อมต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วกับสมาร์ทโฟนผ่านApple CarPlay กับแอพพลิเคชันอื่นๆให้สามารถเชื่อมต่อได้ผ่านหน้าจอพร้อมกับระบบเสียงแบบสเตอริโอเหมือนกับในเอ็กซ์เทรล
นอกจากจะขับบนถนนที่สะดวกสบายแล้ว ก็เกรงว่าการเดินทางจะง่ายเกิดไป ทางนิสสันจึงจัดช่วงทดสอบสั้นกับทางแบบ Off Road ให้ได้ลองแบบสนุกสนานกัน ลัดเลาะตามตีนเขาที่สภาพถนนสุดบรรยาย ทั้งกราว ทราย หิน แอ่งน้ำให้ขับผ่าน แบบเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งนิสสัน เทอร์ร่าผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ หลังจากนั้นมุ่งตรงเข้าสู่ตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางในวัน 2 เข้าที่พัก Impiana KLCC Hotel รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร
ภูมิประเทศจะคล้ายทางภาคใต้ของไทย
เลอะแบบมีศิลปะ
รถไฟฟ้าโมโนแรลในเมืองกัวลาลัมเปอร์
F1 ภายในตึก Petronas
ตึก Petronas Twin Towers แลนมาร์คของมาเลเซีย
Day3 เมืองปุตราจายา ชมเปอร์ดานาปุตรา ทำเนียบรัฐบาล และ มัสยิดสีชมพู กับ Nissan Navara คันแกร่ง
อุโมงค์ยาวว่า 2 กิโลเมตร กว่าจะเจอแสงสว่างปลายอุโมงค์
เริ่มเดินทางจากในตัวเมืองสู่เส้นทางหลวง E1 ที่ดีที่สุดของมาเลเซีย เส้นทางจากโรงแรมที่พักจะต้องลอดผ่านอุโมงค์ที่มีความยาวมากราว ๆ 2 กิโลเมตร และตัดเข้าทางหลวง E20 พร้อมจอดแวะจุดพักริมทาง "ลองชิมอาหารและกาแฟท้องถิ่น" ดูบ้าง หนึ่งในนั้นคือ กล้วยที่ปั้นให้กลมและทอด คล้ายกล้วยทอดของไทยแต่รสชาติเหมือนเค้กกล้วยหอมแหะ!
Nissan Navara 2.5 4WD VL 7AT ขับสนุกแกร่งไม่กระด่าง
เมื่อสลับรถมาเป็นสิสสัน นาวาร่า ในวันสุดท้ายคิดว่าจะต้องหนักขับยากและเหนื่อยกว่าในบรรดารถทั้ง 3 รุ่น แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าฟิวลิ่งการขับแถบไม่ต่างกับเทอร์ร่า มีเพียงช่วงล่างด้านหลังที่มีกระเด้งอยู่บ้างเพราะเป็นแหนบ แต่เมื่อขับทางยาว ๆ ไม่ค่อยกระเด้งมากนัก ยกเว้นเมื่อตกหบุมหรือเนินก็มีกระเทือนตามสไตลฺรถปิคอัพ
ในบรรดารถทั้ง 3 รุ่นกลับชอบนาวาร่าในเรื่องอัตราเร่งมากที่สุด เพราะเร่งได้ตอบสนองตามเท้ามากที่สุด เกียร์เปลี่ยนกระฉับกระเฉงเพราะมี 6 จังหวะ จึงมีอารมณืดึงมัน ๆ ให้รู้สึกบ้าง
ระบบอินโฟเทนเมนต์กลับดูดีและลงตัวกว่าด้วยจอเครื่องเสียงบิวอิน และภาพจากกล้องรอบคัน 360 ที่มองง่ายขนาดใหญ่กว่า และที่สำคัญ NISSAN CONNECT สามารถเชื่อมต่อรถของคุณเข้ากับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แล้วด้วยครับ
จุดจอดแวะพักริมทาง
ชิมกาแฟที่ดูคล้าย "กาแฟโบราณ" ของไทย ต้องบอกเลยว่าของไทยเราอร่อยที่สู๊ดแล้ว...อันที่จริงมาเลเซียขึ้นชื่อเรื่อง "กาแฟขาว" ไม่ใช่คนชงขาวนะ แต่เป็นกรรมวิธีการสกัดเมล็ดกาแฟของที่นี้ ให้ออกมาเป็ยสีขาว ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสลองชิมดูได้แต่ซื้อแบบซองกลับมาชงเท่านั้น
เข้าใกล้ปุตราจายา เมืองแห่งราชการ
หลังจากนั้นเดินทางไปยังสถานที่สำคัญทางการเมืองของประเทศมาเลเซ๊ยนั่นคือ ปุตราจายา ที่ตั้งของเมืองราชการ แวะถายรูปกับ เปอร์ดานาปุตรา ทำเนียบรัฐบาล และ มัสยิดสีชมพู (Putra Mosque) ท่ามกลางอากาศแบบร้อนจริงจังไม่แพ้ประเทศไทยเลย
ทำเนียบรัฐบาล มัสยึดสีชมพู สาระหลังเดินทางกับ Nissan GO ANYWHERE in Malaysia
การเดินทางด้วยรถยนต์ขับจากประเทศไทยเข้าสู่มาเลเซียนั้น ใช้ใบขับขี่ที่เป็นรุ่นใหม่มีแถบแม่เหล็กด้านหลังเท่านั้น ซึ่งสามารถขับรถได้ทั่วประเทศในแถบอาเซียน ส่วนรถยนต์ต้องส่งหลักฐาน ทะเบียนรถ ชื่อผู้ขับขี่ ให้ทางสถานทูตหรือด่านที่จะนำรถออกไป โดยเมื่อทำเสร็จจะได้รับป้ายวงกลมติดหน้ารถ บอกรายละเอียดการใช้ขับขี่ในประเทศมาเลเซีย เลขทะเบียนที่ถูกแปลงเป็นอังษรอังกฤษ พร้อมกับสติ๊กเกอร์ตัวอักษรสำหรับติดด้านหน้าและหลังรถในขณะขับในประเทศมาเลเซีย
ป้ายวงกลมสำหรับใช้ขับขี่ในประเทศมาเลเซีย
ป้ายสติ๊กเกอร์สำหรับขับในมาเลเซีย
ต่อแถวเข้า Touch and Go ใช้บัตรแตะ
หน้าตาบัตรทางด่วน
การใช้ทางด่วนนั้นจะเลือกได้ทั้งแบบจ่ายเงินสด ซื้อบัตรแตะแบบ Touch and Go และแบบบัตรคิดหน้ารถเหมือน Easy Pass ของไทยเรา ถนนสายหลักที่ใช้เดินทางนั้นจะมีป้ายเตือน "กล้องจับความเร็ว" 3 จุด เมื่อผ่านป้ายที 3 จะมีกล้องตั้งอยู่ ดังนั้นคนที่นี้จะรู้กันว่า เมื่อถึงป้ายเตือนอันที่ 3 แล้วจะขับช้าลงตามกฎหมายกำหนด ที่มีทั้ง ไม่เกิน 90 และ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อผ่านกล้องไปแล้ว....บังเทิงเลยครับ ส่วนมากจะเพิ่มความเร็วกัน!
มอเตอร์ไซค์ก็วิ่งบนทางด่วนระหว่างเมืองได้
และถนนสายหลักใช้วิ่งระหว่างเมืองที่นี่ก็อนุญาติให้รถจักรยานยนต์สามารถใช้ร่วมกันได้ เราจึงเห็นรถจักรยานยนต์วิ่งไหล่ทางบ้าง บิ๊กไบค์แซงขวาบ้าง จึงอาจต้องระวังกันมากขึ้น
ขนมปังราดนมข้นหวาน
ขนมรสชาติเหมือนข้าวเหนียวเปียกแต่มีกลิ่นแก้วมังกร
วุ้นตาหน้าไม่น่ากินแต่อร่อยมาก ๆ
คัสตาร์ดช็อคโกแลต
อาหารการกินนั้น ในทริปนี้อาจจะได้ทดลองอาหารไม่มากนัก พอที่จะเล่าให้ฟังได้บ้าง อาหารคาวรสชาตจะหนักไปทางเค็มและหวาน แต่ยังดีที่มีรสจัด ทำให้มีรสไม่ต่างจากอาหารไทยนัก ส่วนขนมหวานนับว่าอร่อย แม้น่าตาจะแปลก ๆ แต่อร่อยหอมคนละแบบกับในไทย ส่วน "น้ำพริก" ขอผ่านเพราะแม้จะดูเหมือนน้ำพริกกะปิ แต่รถออกเค็มมาก ๆ และ "น้ำจิ้มซีฟู้ต" ไม่มีครับ!!! ทริปนี้ต้องขอบคุณทีมงานนิสสันจัดน้ำพริกและซอสต่าง ๆ มาช่วยเอาไว้
คล้ายบราวนี่แต่เหนียวกว่า ติดทั้งฟันติดทั้งเหงื่อก
ข้าวเหนียวถั่วดำนี่เอง
วุ้นแสนอร่อยอีกแล้ว
ก๋วยเตียวที่มีรสเค็มนำ
กาแฟร้อนหอมใช้ได้
มาถึงกาแฟที่ทางมาเลเซียมีชื่อเสียงคือ กาแฟขาว หรือ White Coffee ต้นตอมาจาก Old Town Ipoh, Perak, Malaysia ส่งผลให้ Ipoh เป็นหนึ่งในสามเมืองกาแฟชั้นนำของ Lonely Planet เมล็ดกาแฟคั่วกับเนยเทียมน้ำมันปาล์มและกาแฟที่ได้รับจะเสิร์ฟพร้อมกับนมข้น แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองชิมจกร้านกาแฟสด เพียงแค่ซื้อแบบ 3 in 1 มาลองเท่านั้น
Proton และ Perodua
รถยนต์ที่เห็นจนชินตาได้แก่ Proton และ Perodua ซึ่งเป็นรถยนต์ประจำประเทศมาเลเซียโดยรัฐบาลเป็นผู้สร้างรถให้เป็นรถยนต์แห่งชาติ จึงเห็นวิ่งบนถนนกันเป็นจำนวนมาก ทั้งรถแบบซิตี้คาร์ คอมแพ็กต์คาร์ จนถึง รถยนต์อเนกประสงค์ และรวมึงรถยนต์นิสสันก็มีให่เห็นเยอะมาก ๆ เลย
Perodua Myvi
จบทริปอันน่าประทับใจกับ
Nissan GO ANYWHERE in Malaysia ไปได้ทุกที่ กับกาขับรถจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ข้ามแดนสู่มาเลเซีย และสิ้นสุดที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ เป็นอันจบเส้นทางที 1 แต่ขบวนนิสสันถูกรับไม้ต่อจากทริป 2 และ 3 และวนกลับสู่ประเทศไทยอีกครั้งซึ่งรวมระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร รวม 8 วัน เพื่อพิสูจน์ว่า รถยนต์
Nissan X-trail Nissan Navara และ
Nissan Terra ไปได้ทุกที่ ลุยได้ทุกทาง จริงๆ ครับ