เชฟโรโลต โคโลราโด 4X4 กับกิจกรรม Jungle Drive Experience ประสบการณ์ออฟโรดสุดขอบผา
ทีมงานคาร์กูรูไทยแลนด์ โดย เช็คราคาดอทคอม ได้รับเชิญจากทาง เชฟโรเลต ประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรม
Colorado Jungle Drive Experience พร้อมสื่อมวลชนสายรถยนต์ชั้นนำ สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ขับรถกระบะแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
เชฟโรเลต โคโลราโด สุดยอดรถกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง พิสูจน์สมรรถนะอันทรงพลัง ออนและออฟโร้ดผ่านเส้นทางสุดประทับใจจากจังหวัดเลยสู่อุทยานแห่งชาติเขาค้อจังหวัดเพชรบูรณ์
การทดสอบทริปนี้ มีรถกระบะเชฟโรเลตให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
โคโลราโด ไฮคันทรี,
โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม,
โคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่น และ
โคโลราโด โฟร์ท ออฟ จูลาย อิดิชั่น ซึ่งล้วนใช้ขุมพลังเดียวกันแตกต่างกันแค่การตกแต่งหลากหลายสไตล์ ผู้เขียนได้นั่งในรุ่นไฮคันทรี สีดำหมายเลข 4 พร้อมกับเพื่อนสื่อมวลชนอีกท่าน
โดยช่วงแรกนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารก่อน ขบวนออกสตาร์ทกันจากร้านอาหารบ้านร่มไม้ จังหวัดเลย มุ่งสู่ผาตัด โดยผ่านจุดชมวิว เลยเก็บภาพบรรยากาศ ความสวยงามของธรรมชาติรอบด้านที่เป็นเขาสูง การขับผ่านโค้งซ้ายขวาขึ้นลงเขาบนเส้นทางสายรอง ความรู้สึกจากตำแหน่งผู้โดยสารนับว่าสะดวกสบายเกินคาด สำหรับรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ปกติมักมีอาการเต้นและแข็งกระด้าง ตัวเบาะโอบกระชับนั่งสบาย
จากจุดชมวิวเลยตาด ผู้เขียนสลับมาขับ ก็พบว่าอัตราเร่งและการทำความเร็วจากเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้ความมั่นใจในการเร่งแซงรถช้าและเติมความเร็วได้ดีเยี่ยม จุดสังเกตุที่ประทับใจในช่วงแรกของการขับเดินทางบนถนนทั่วไปคือ ห้องโดยสารของ
เชฟโรเลต โคโลราโด เก็บเสียงได้ดีอย่างน่าชื่นชม ขบวนมาพักสลับผู้ขับอีกครั้งที่ปั้ม ปตท.แคมป์สน เพื่อเตรียมพร้อมขับออฟโร้ดขึ้นสู่ยอดผาตัด แม้เป็นทางออฟโร้ดแต่ช่วงนี้อากาศเย็นตลอด ทำให้พื้นผิวเส้นทางแห้งและเต็มไปด้วยฝุ่น ตัดความกังวลเรื่องลุยโคลนและทางน้ำท่วมขังออกไป แม้เป็นทางลาดชัดที่คดเคี้ยวแต่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลังก็เพียงพอต่อการรับมือเส้นทางช่วงแรก อาจมีบางจุดที่ต้องปรับเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H เช่น เนินรับแขก นอกนั้นก็ขับ 2 ขึ้นได้แบบสบายๆ จนถึงยอดผาตัดในช่วงเย็นรับชมความสวยงามที่เปรียบเสมือนรางวัลที่บุกบั่นกันขึ้นมา พร้อมกับพักจิบกาแฟชมพระอาทิตย์ลับฟ้า
ช่วงขับกลับนับเป็นไฮไลท์อีกแบบเพราะต้องขับลงเขาเหมือนกับตอนขึ้นมาที่ใช้เวลาไปราวชั่วโมงครึ่ง การขับบนเส้นทางออฟโร้ดท่ามกลางความมึดมิดและเป็นทางลงเขาถ้าไม่ใช่รถที่ให้ความมั่นใจจริงๆ ก็คงทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารเครียดไม่น้อย แต่สำหรับ
เชฟโรเลตโคโลราโด ไฮคันทรี 4X4 ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไฟสาดส่องชัดเจนทุกรายละเอียดของเส้นทาง ระบบช่วงล่างที่รับภาระได้อย่างดีและนั่งสบายกำลังดีแม้เป็นทางออฟโร้ด เราใช้เวลาขับลงราวหนึ่งชั่วโมงก็ถึงถนนด้านล่าง และขับกลับที่พักกันที่บลูสกาย รีสอร์ท ท่ามกลางอุณหภูมิภายนอกราว 13 องศาเซลเซียส
หลังจากพักผ่อนกันเต็มอิ่มท่ามกลางความสวยงามของรีสอร์ทบลูสกาย ที่อุณหภูมิในช่วงเช้า 9 องศา เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเขาค้อในช่วงนี้มาก โปรแกรมวันที่สองเรามีภาระกิจขับเข้าชมธรรมชาติของป่าสนกันที่ทุ่งนางพญา ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไป 60 กม. เส้นทางหลังผ่านหน้าด่านอุทยานฯ เป็นทางแคบและออฟโร้ด เส้นทางการขับต่างจากเมื่อวานที่ผาตัด เพราะเป็นทางราบ แต่ต้องลุยเข้าป่าที่เส้นทางแคบแบบพอดีคันจริงๆ บางจังหวะที่เจอรถสวนมาก็ต้องถอยหาพื้นที่ว่างด้านข้างแอบกัน ความสนุกของการขับบนเส้นทางออฟโร้ดวันนี้ คือการได้ทำความเร็วบนพื้นดินอัดแน่น ลองความคล่องตัวในการหักเลี้ยวไปตามเส้นทางป่าที่คดเคี้ยวพร้อมหลบหลีกต้นไม้ เมื่อเราไปถึงจุดสิ้นสุดอันเป็นจุดจอดท่ามกลางต้นสนใหญ่ อากาศที่กำลังเย็นสบาย โอโซนที่ได้สูดเต็มปอด ทำให้คิดว่าการมีรถกระบะนั่งสบาย ลุยสนุก พาเราไปในเส้นทางที่ไม่คาดคิดอย่าง
เชฟโรเลต โคโลราโด ก็น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ที่ชื่นขอบการเดินทางท่องเที่ยวลุยธรรมชาติทั้งหลาย นอกเหนือการใช้รถในชีวิตประวันแล้ว นับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจการขับทดสอบของปีนี้จริงๆ
เชฟโรเลต โคโลราโด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้รับการยอมรับจากนักขับทั่วโลกว่าเป็นรถยนต์ที่ทนทาน สมบุกสมบัน โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์เปี่ยมพลังพร้อมลุยในทุกสภาพถนน ทว่ามอบความสะดวกสบายถึงขีดสุดด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม พรั่งพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ให้ลุยทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ