เชฟโรเลต เผยรถยนต์ซูเปอร์คาร์ "คอร์เวทท์ สติงเรย์ 2020" เครื่องวางกลาง "เฉียบ!" ยิ่งขึ้น
เชฟโรเลต สานต่อตำนานความสำเร็จที่ยาวนานของคอร์เวทท์ ด้วยการ เผยโฉม คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ครั้งแรกของคอร์เวทท์รุ่นโปรดักชั่นเครื่องยนต์วางกลาง สติงเรย์ รุ่นปี 2020 คือการสร้างจินตนาการใหม่เพื่อส่งมอบอีกระดับของสมรรถนะ เทคโนโลยี ความประณีต และความหรูหราให้แก่ลูกค้าจากเครื่องยนต์วางหน้าสู่เครื่องยนต์วางกลาง
"คอร์เวทท์แสดงถึงความเป็นสุดยอดนวัตกรรมและการผลักดันของจีเอ็มออกจากกรอบเดิมได้เสมอ รถสมรรถนะสูงที่มีเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าได้ถึงขีดจำกัดของสมรรถนะแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบใหม่" มาร์ก รอยส์ ประธานกรรมการ จีเอ็ม กล่าว "คอร์เวทท์รุ่นใหม่ยังคงมีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ให้ความสะดวกสบายและความสนุกสนานสไตล์คอร์เวทท์ แต่มีการขับขี่ที่เหนือกว่ารถทุกรุ่นในประวัติศาสตร์ของคอร์เวทท์ ลูกค้าจะได้สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจจากการที่เราให้ความใส่ใจในรายละเอียดและสมรรถนะในทุกมิติ"
Chevrolet Corvette Stingray 2020 เครื่องยนต์วางกลางเฉียบยิ่งขึ้น
รถยนต์เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ไม่เพียงแค่ย้ายเครื่องยนต์มาวางกลางลำเท่านั้นแต่ยังออกแบบใหม่หมดทุกรายละเอียด
- การกระจายน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น โดยถ่ายเทน้ำหนักไปทางด้านหลังเพื่อเพิ่มสมรรถนะบนทางตรงและบนสนามแข่ง
- ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นและให้การควบคุมที่แม่นยำด้วยตำแหน่งผู้ขับขี่ที่ใกล้กับเพลาล้อหน้ามากขึ้นจนเกือบจะอยู่บนล้อหน้า
- อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เร็วที่สุดสำหรับคอร์เวทท์รุ่นเริ่มต้น - ประมาณ 3 วินาทีเมื่อมาพร้อมกับแพ็กเกจ Z51
- ทัศนวิสัยเสมือนนั่งอยู่ในรถแข่งด้วยการปรับตำแหน่งฝากระโปรง มาตรวัดและพวงมาลัยต่ำลง ทำให้การมองเห็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความชัดเจน
- พัฒนาจุดแข็งด้านการใช้งานของคอร์เวทท์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงสองตำแหน่งที่มีความจุรวม 12.6 ลูกบาศก์ฟุต เหมาะสำหรับกระเป๋าสัมภาระหรือถุงกอลฟ์ซัก 2 ใบ
การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่งและอากาศยาน
รูปลักษณ์ภายนอกของเชฟโรเลต สติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีความโดดเด่นและล้ำสมัยด้วยเครื่องยนต์วางกลางที่เหมาะสมและสะดุดตา แต่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์แบบคอร์เวทท์อย่างชัดเจน มีความปราดเปรียวและแข็งแกร่ง รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวทรงพลังถ่ายทอดความรู้สึกแห่งการเคลื่อนไหวและพละกำลังจากทุกมุมมอง
"ในฐานะที่เป็นรถสมรรถนะสูงระดับตำนานของอเมริกา การได้ออกแบบคอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นคือ โอกาสที่พิเศษอย่างยิ่งสำหรับทีมงาน เป็นสิ่งที่นักออกแบบของเชฟโรเลตปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมมาตลอดกว่า 60 ปี" ไมค์ ซิมโค รองประธานฝ่ายออกแบบ เจนเนอรัล มอเตอร์ส กล่าว "นี่คือการเปิดตัวรถที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง เราเชื่อมั่นว่าคอร์เวทท์สามารถแข่งขันกับรถที่ดีที่สุดในโลกได้"
Chevrolet Corvette Stingray รุ่นใหม่นี้ได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีตและใช้วัสดุพรีเมียมระดับซูเปอร์คาร์ รวมทั้งมีการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การจัดวางเครื่องยนต์ในตำแหน่งใหม่เป็นจุดสำคัญที่ส่งผลการออกแบบรถรุ่นนี้อย่างแท้จริง นี่คือหัวใจของคอร์เวทท์ เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่เปรียบดังอัญมณีที่เปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ในตู้โชว์ เราสามารถมองเห็นเครื่องยนต์ได้ผ่านกระจกหลังขนาดใหญ่ นอกจากนี้ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ทำให้การวางสายไฟ ท่อ น็อต และสลักเกลียว เหมือนอย่างที่เราพบเห็นกันในดีไซน์ของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันยุคใหม่และที่สำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป เช่น
- ไฟหน้าดีไซน์เรียบง่ายและกลมกลืนไปกับไฟโปรเจคเตอร์ใหม่ล่าสุด
- ซ่อนมือจับประตู ฝากระโปรง และฝาท้ายเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อดีไซน์ของรถโดยรวม
- ช่องรับอากาศด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับการระบายอากาศเครื่องยนต์และเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์
- เสารูปทรง A สัมพันธ์กับความเร็วและเพิ่มทัศนวิสัย
- กระจกหลังขนาดใหญ่โชว์เครื่องยนต์ พร้อมร่องระบายอากาศ 7 ช่อง
- ปลายท่อไอเสีย 4 ชุดติดตั้งอยู่ด้านริมของตัวรถทั้งสองฝั่ง
- ไฟท้ายแบบคู่ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบวิ่งตามทิศทางการเลี้ยว
มีต้นกำเนิดมาจากสนามแข่งและวิศวกรรมการบินอย่างแท้จริง โครงสร้างรถที่เยื้องมาด้านหน้าได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินขับไล่ F22 และ F35 รวมถึงเครื่องบินรบยุคใหม่และรถแข่งฟอร์มูล่าวัน เอกลักษณ์แบบคลาสสิกของคอร์เวทท์ยังนำมาประยุกต์ใช้กับสติงเรย์ อย่างรูปลักษณ์ด้านหน้าอันโดดเด่นที่สื่อถึงความเป็นรถสมรรถนะสูง สันขอบแนวนอนแบบคลาสสิก ซุ้มล้อหน้าที่ดุดัน และไฟหน้าแบบคู่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งคล้ายรุ่นก่อน
ความแข็งแกร่งเชิงบิดที่สูงขึ้น พร้อมความรู้สึกเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถทั้งบนถนนและสนามแข่ง เสถียรภาพที่เป็นเลิศด้วยจุดศูนย์ถ่วงตัวรถที่ต่ำและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม คงเอกลักษณ์แผงหลังคาถอดออกได้สไตล์คอร์เวทท์ที่หลายคนชื่นชอบ โดยสามารถถอดเก็บไว้ใต้ฝากระโปรงท้ายได้ง่ายดาย และครั้งแรกสำหรับคอร์เวทท์ที่มีจำหน่ายทั้งรุ่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วย
ภายในห้องโดยสารปรับต่ำแหน่งทั้งเบาะนั่ง อุปกรณ์ คอนโซลหน้าใหม่ทั้งหมด
- ห้องโดยสารไม่เพียงถูกเลื่อนมาด้านหน้า 16.5 นิ้ว แต่ยังโอบล้อมตัวผู้ขับขี่ ส่งเสริมความรู้สึกแบบรถสมรรถนะสูงและแนวคิดอากาศยาน
- ระบบควบคุมอากาศแนวตั้งและช่องแอร์ที่มีขนาดบางมากลดความสูงของแผงแดชบอร์ดหน้า จึงทำให้ห้องโดยสารเตี้ยและให้ความรู้สึกกว้างขวาง
- พวงมาลัยวงเล็กแบบสองก้านตัดตรงที่ขอบบนและขอบล่างรุ่นใหม่ไม่บดบังมุมมองต่อหน้าจอแสดงผลมาตรวัดขนาด 12 นิ้วที่ปรับเปลี่ยนได้
- สติงเรย์ ปี 2020 มาพร้อมวัสดุห้องโดยสารระดับพรีเมียม สร้างสรรค์ด้วยคุณภาพและความพิถีพิถันขั้นสูง
- วัสดุหนังที่ตัดเย็บด้วยมือ พร้อมเดินตะเข็บด้ายแบบหนา
- ใช้โลหะแท้
- ฝาปิดลำโพงสแตนเลส พร้อมระบบเครื่องเสียง Bose Performance Series
- การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับเบาะ GT2 และ Competition Sport Seats
- มีวัสดุอลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์แท้ให้ลูกค้าเลือกตกแต่งคอนโซลและแผงประตู
ห้องโดยสารด้านหน้าและหลัง รวมถึงแดชบอร์ดหล่อขึ้นจากวัสดุ "ลอยตัว" ชนิดพิเศษที่ทำจากไฟเบอร์กลาสและเรซินเอกสิทธิเฉพาะซึ่งมีน้ำหนักเบาอย่างยิ่ง วัสดุประเภทนี้เบามากจนสามารถลอยอยูบนผิวน้ำได้ โดยนำมาผสมผสานกับไฟเบอร์กลาสและคาร์บอนไฟเบอรประเภทอื่นๆ เพื่อลดมวลน้ำหนัก พร้อมกับทำให้เสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนลดลง ความสะดวกในการเข้าและออกห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถเครื่องยนต์วางกลาง แตกต่างจากคู่แข่งเนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีชายบันไดที่มีขนาดใหญ่เกินไปเพื่อรองรับน้ำหนักโครงสร้างและน้ำหนักตัวรถ จึงทำให้เข้าและออกจากตัวรถได้ง่ายยิ่งขึ้น
การออกแบบอันชาญฉลาดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ทั้งการขยายระยะการปรับเบาะเลื่อนไปด้านหลังได้อีก 1 นิ้วและเพิ่มองศาการปรับเอนอีกเกือบเท่าตัว พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้าเพียงพอต่อการเก็บกระเป๋าคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและกระเป๋าสัมภาระใบเล็กขนาดมาตรฐานกับการถือขึ้นเครื่องบิน (แครรี่ ออน)
เครื่องยนต์ Small Block V-8 รุ่นใหม่ ความจุ 6.2 ลิตร เจนเนอเรชั่นใหม่ของเชฟโรเลต ซึ่งเป็นขุมพลัง V-8 แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่นเดียวในกลุ่มเดียวกัน มีพละกำลัง 495 แรงม้า (369 กิโลวัตต์) และแรงบิด 470 ฟุต-ปอนด์ (637 นิวตันเมตร) เมื่อติดตั้งท่อไอเสียสมรรถนะสูง ติดตั้งเครื่องยนต์ที่ต่ำทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำ ช่วยเพิ่มการควบคุมระดับสูงสุด การปรับปรุงระบบการไหลเวียนและการหล่อลืนใช้ระบบอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้งติดตั้งกับเครื่องยนต์ และปั๊มน้ำมันหล่อลื่น 3 ตัวเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงระหว่างการขับขี่อย่างดุดันในสนามแข่ง น้ำมันหล่อลื่นจะคงปริมาณที่สูงเพื่อไม่ให้สมรรถนะการขับขี่ลดลง ศักยภาพการรับแรงเหวี่ยงของสติงเรย์ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก ระบบหล่อลื่นแบบแห้งของเครื่องยนต์ LT2 ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อมอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เป็นเลิศระหว่างการเร่งที่มีแรงเหวี่ยงเกินกว่า 1G ในทุกทิศทาง และฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังเป็นกระจกน้ำหนักเบาที่มีความหนา 3.2 มม. เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถโชว์เครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ ฝาครอบกระจกดังกล่าวมีร่องขอบด้านข้างที่ช่วยระบายความร้อนจากห้องเครื่องยนต์ LT2 พร้อมจุดที่โดดเด่นอีกมากมายคือ
- เสื้อสูบและระบบระบายอากาศถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด แกนกลางของเพลาข้อเหวี่ยงติดตั้งในตำแหน่งใกล้กับพื้นต่ำลง 1 นิ้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับชุดเพลาส่งกำลังเพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
- อ่างน้ำมันเครื่องที่เรียบง่ายซึ่งลดมวลน้ำหนัก
- ตัวหล่อเย็นน้ำมันเครื่องมีความจุเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
- ฝาครอบวาล์วสีแดงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบช่วงล่างใหม่ พร้อมโช๊คอัพสปริงที่สร้างบุคลิกการขับขี่และการควบคุมแบบใหม่ทั้งหมดได้แก่
- ปรับปรุงอัตราทดพวงมาลัยจาก 16.25:1 เป็น 15.7:1
- ติดตั้งยางสมรรถนะสูงที่เหมาะกับสภาพถนนในทุกฤดูเป็นครั้งแรกในรถสปอร์ต ซึ่งรองรับการเข้าโค้งด้วยแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางเกือบ 1G
- ช่วงล่างด้านหน้ายกตัวขึ้นได้ภายในเวลา 2.8 วินาทีเพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้นบริเวณกันชนหน้าประมาณ 40 มม. ป้องกันการกระแทกเนิน หลุม ทางขึ้นที่ลาดชัน และสิ่งกีดขวางอื่นๆ บนถนน โดยระบบนี้ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 24 ไมล์ต่อชั่วโมงและปรับตั้งมาให้ทำงานโดยอัตโนมัติผ่านระบบ จีพีเอสที่จดจำสิ่งกีดขวางได้สูงสุด 1,000 ตำแหน่ง
- ระบบช่วยออกตัวทำงานได้ดีขึ้นด้วยการกระจายน้ำหนักไปด้านหลัง ทำให้สติงเรย์รุ่นใหม่ออกตัวได้รวดเร็วยิ่งกว่าคอร์เวทท์ทุกรุ่นในประวัติศาสตร์
- Z51 Performance Package
- ช่วงล่างสมรรถนะสูงซึ่งสามารถปรับตั้งได้ด้วยมือ จานเบรกขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมโลโก้ Z51 บนคาลิปเปอร์เบรก
- เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปอิเลคโทรนิคผนวกรวมอยู่ในชุดเพลาส่งกำลังซึ่งควบคุมแรงบิดระหว่างสองล้อหลัง ช่วยรักษาเสถียรภาพได้อย่างยอดเยี่ยม
- สปอยเลอร์หน้าและสปอยเลอร์หลังสองชิ้นแบบเปิดเพิ่มแรงกดรวมกันได้ทั้งหมด 400 ปอนด์ ทำให้มีการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น
- ระบบ Magnetic Ride Control 4.0 ซึ่งอ่านสภาพถนนได้ดีขึ้น ส่งต่อข้อมูลที่แม่นยำผ่านไปยังเครื่องวัดความเร็วที่ติดตั้งกับช่วงล่าง ช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบอิเลคโทคนิคต่อการควบคุมของผู้ขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นมากขึ้น ผลลัพธ์คือคุณภาพการขับขี่ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน
- เพิ่มเสถียรภาพการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้นกับเทคโนโลยีควบคุมสมรรถนะการขับขี่ (Performance Traction Management)
ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการถ่ายทอดแรงบิดเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วระดับเสี้ยววินาทีของเกียร์ DCT วิศวกรได้ปรับแต่งเกียร์ DCT มาพร้อมแพดเดิลชิฟท์ โดยให้เกียร์ 1 มีอัตราทดต่ำมากเพื่อให้ตัวรถพุ่งออกตัวได้อย่างรวดเร็วและมีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น เกียร์ 2 ไปจนถึงเกียร์ 6 มีอัตราทดทำให้เครื่องยนต์รักษาพละกำลังเกือบจะอยู่ในระดับสูงสุด เกียร์ 7 และเกียร์ 8 มีอัตราทดสูง ทำให้การขับขี่ทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายและง่ายดายโดยมีแรงเค้นทางกลไกต่ำและมีประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม
ระบบเกียร์ DCT ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Transmission Range Selector ด้วยการใช้ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าจึงไม่มีอินเตอร์เฟซแสดงผลแบบกลไกระหว่างคันเกียร์และชุดเกียร์ ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าของคอร์เวทท์ประกอบด้วยสลักแบบดึงสองตัวสำหรับเกียร์ถอยหลัง (Reverse) และเดินหน้า (Drive) รวมถึงสวิทช์จอด (Park) เกียร์ว่าง (Neutral) และเกียร์ต่ำ/ธรรมดา (Low/Manual) ตัวเปลี่ยนเกียร์ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามสะดุดตามากขึ้นและมีขนาดเล็กกว่าตัวเปลี่ยนเกียร์มาตรฐาน
เพิ่มรูปแบบการขับขี่จาก 4 รูปแบบการขับขี่เป็น 6 รูปแบบประกอบด้วย Weather, Tour, Sport และ Track และอีก 2 รูปแบบการขับขี่ใหม่ ได้แก่
- MyMode รูปแบบการขับขี่ที่รองรับการปรับแต่งได้ตามสไตล์การขับขี่ที่ชื่นชอบ และสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
- Z mode รูปแบบการขับขี่ที่ตั้งตามชื่อแพ็กเกจสมรรถนะสูง Z06 ZR1 และZ51 อันโด่งดังซึ่งทำงานด้วยการกดสวิทช์ Z บนพวงมาลัย รูปแบบการขับขี่ประเภทนี้เป็นรูปแบบการขับขี่แบบใช้งานครั้งเดียวที่ยกระดับจากรูปแบบการขับขี่ MyMode ให้มีความก้าวล้ำหน้าขึ้นอีกขั้น ผู้ขับขี่สามารถปรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังได้อีกด้วย
อ็อปชั่นที่มีให้เลือกสรรมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับคอร์เวทท์
ลูกค้าเชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ สามารถสั่งออปชั่นทั้งภายนอกภายในได้ตามต้องการและมีให้เลือกมากที่สุดตั้งแต่เคยผลิตมา
- สีตัวถัง 12 สี - แดง Torch Red, ขาว Arctic White, ดำ Black, เงิน Blade Silver Metallic, เทา Shadow Gray, เทา Ceramic Matrix Gray, แดง Long Beach Red, ฟ้า Elkhart Lake Blue และส้ม Sebring Orange รวมถึง 3 สีใหม่ล่าสุด ฟ้า Rapid Blue, บรอนซ์ Zeus Bronze และเหลือง Accelerate Yellow
- โทนสีห้องโดยสาร 6 รูปแบบ ดำ Jet Black, เทา Sky Cool Gray, แดง Adrenaline Red, น้ำตาล Natural/ Natural Dipped, ฟ้า Two-Tone Blue และแดง Morello Red
- สีเข็มขัดนิรภัย 6 สี ดำ Black, ฟ้า Blue, น้ำตาล Natural, แดง Torch Red, เหลือง Yellow และส้ม Orange
- การเดินตะเข็บมีให้เลือก 2 สี เหลืองและแดง ขณะที่ห้องโดยสารสีดำมาตรฐานจะมาพร้อมการเดินตะเข็บสีเทา Sky Cool Gray
เบาะนั่ง 3 รูปแบบ
- T1 สไตล์แบบสปอร์ตที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายพร้อมมอบการโอบกระชับที่ดีสำหรับสถานการณ์การขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดดเด่นด้วยหนัง Mulan และมีอ็อปชั่นพยุงหลังสองทิศทางและการปรับปีกเบาะ
- GT2 ครั้งแรกสำหรับคอร์เวทท์ที่เบาะประเภทนี้มีรูปลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่งผสมผสานความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ทางไกลด้วยโฟมที่มีความหนาสองชั้น ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สลับหนัง Napa ปีกเบาะรองนั่งหุ้มหนัง Mulan ด้านหลังเบาะพ่นสีดำสนิท มีการพยุงหลังสองทิศทางและการปรับปีกเบาะ รวมถึงการปรับอุณหภูมิและระบายอากาศ
- Competition Sport ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ที่เอาจริงเอาจังกับการขับขี่ในสนามแข่ง เบาะประเภทนี้มีส่วนปีกเบาะรองนั่งที่โอบกระชับอย่างเต็มที่ หุ้มหนัง Napa เต็มรูปแบบและพนักพิงศีรษะตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงฟังก์ชั่นปรับอุณหภูมิและระบายอากาศ พร้อมด้วยผ้าทอที่มีความทนทานสูงรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากเสื้อเกราะเคฟลาร์
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ซูเปอร์คาร์ขนานแท้สำหรับใช้งานได้ทุกวัน
โครงสร้างของคอร์เวทท์สร้างขึ้นล้อมรอบส่วนกลางของตัวรถซึ่งเปรียบดังกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแรงของการบิดเกลียวซึ่งรองรับการติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการลดชิ้นส่วนตัวถังที่ไม่จำเป็น ลูกค้าคอร์เวทท์จะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการขับขี่ขั้นสูงสุดด้วยศักยภาพการยึดเกาะขณะขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม รถรุ่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่งของถนนอย่างเหนียวแน่นโดยมีแรงสั่นสะเทือนน้อยระหว่างการขับขีด้วยความเร็วสูงหรือการเดินทางไกล
ฟีเจอร์เทคโนโลยีใหม่ ประกอบด้วย ระบบอินโฟเทนเมนท์เจนเนอเรชั่นใหม่ของคอร์เวทท์ที่ทำงานได้รวดเร็วและง่ายขึ้น แสดงผลผ่านหน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า การเชื่อมต่อบลูทูธแบบวัน ทัช ครั้งแรกในรถยนต์เชฟโรเลต พร้อมการสื่อสารไร้สายระยะสั้น Near Field Communication การชาร์จไฟไร้สาย ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่มีการเรียนรู้ระหว่างใช้งาน แจ้งสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ได้ดียิ่งขึ้น จอแสดงผลมาตรวัดรุ่นใหม่ขนาด 12 นิ้วที่รองรับการปรับแต่งได้ และเปลี่ยนตามรูปแบบการขับขี่ทั้ง 6 รูปแบบ หน่วยความจำตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พวงมาลัยสามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิได้ ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยางช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อแรงดันลมยางถึงระดับสูงสุด ระบบ Performance Data Recorder-PDR ครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบบวิเคราะห์การขับขี่สามารถปรับตั้งให้บันทึกได้โดยอัตโนมัติเหมือนกับกล้องติดรถที่เริ่มบันทึกทุกครั้งที่คอร์เวทท์ เคลื่อนที่ หรือปรับตั้งให้เริ่มบันทึกเมื่ออยู่ในรูปแบบการขับขี่ Valet
ระบบเครื่องเสียง Bose รุ่นใหม่ 2 ระบบประกอบด้วยลำโพงพรีเมียม 10 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบ Bose Performance Series ลำโพง 14 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์เสริม ฝาครอบลำโพงได้รับการติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของส่วนล่างประตูเพื่อความหรูหราและยังช่วยป้องกันความเสียหายจากเท้าของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นใหม่สร้างด้วยกลยุทธ์การผสมผสานวัสดุอัจฉริยะ
โครงสร้างหลักที่แข็งแกร่ง เหนียวแน่น และมีน้ำหนักเบาที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอลูมิเนียมขึ้นรูปแรงดันสูง 6 ชิ้น เรียกว่า Bedford Six ซึ่งผลิตที่ศูนย์การผลิตจีเอ็ม พาวเวอร์เทรนในเมืองเบดฟอร์ด รัฐอินเดียน่า ช่วยลดจำนวนข้อต่อในตัวรถ จึงทำให้โครงสร้างมีความเหนียวแน่นมากขึ้นซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการเข้าโค้งในสนามแข่ง ลดน้ำหนักด้วยการใช้คานกันชนหลังแบบโค้งผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ปี 2020 ขึ้นสายการผลิตที่ศูนย์การผลิตโบว์ลิงกรีนของจีเอ็มในช่วงปลายปี 2562 ราคาจำหน่ายและข้อมูลเพิ่มเติมจะได้รับการประกาศอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดตัว