Preview ทดลองขับ The All-New Subaru Forester e-Boxer ไฮบริดแรงดี คุ้มเกินตัว ที่สิงคโปร์

เรียกว่าเป็นรถอีกรุ่นที่ได้ไปทดลองขับไกลถึงประเทศสิงคโปร์กับ The All-New Subaru Forester e-Boxer แม้จะได้ทดลองขับในระยะสั้นๆ แต่ The All-New Subaru Forester e-Boxer น่าจะเป็นรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เป็นเครื่องเบนซินและยังทำงานควบคู่กับระบบไฮบริด และเป็นรถ SUV ที่มีระบบความปลอดภัยรอบคัน กับความสะดวกสบายภายในรถระดับรถไฮคลาส พร้อมทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

หลังจากที่เราทีมไทย ได้ลงประจำการในสนามที่จะพร้อมทดสอบ จะมีการทดสอบแบ่งออก 2 ประเภทคือ การทดสอบระบบ EyeSight และ ทดลองขับ The All-New Subaru Forester e-Boxer ในด่านต่างๆ ที่ทางสนามได้จัดจำลองขึ้น (อิงจากสถานการณ์จริง)

ระบบ Subaru Eyesight หรืออาจจะเรียกว่าเป็นดวงตาที่ 3 ของระบบความปลอดภัยในรถซูบารุ รุ่นใหม่ๆ ซึ่งได้คิดค้นเพิ่มออพชั่นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง และลดการชนท้ายรถคันหน้าได้ทันท่วงที โดยดวงตาที่ 3 จะแฝงอยู่บนแผงกระจกมองหลังโดยมีกล้อง 2 ตัวในการจับภาพเคลื่อนไหวในระยะ 110 เมตร ซึ่งจะป้องกันทั้งคนเดินเท้า จักรยาน หรือสิ่งกีดขวางต่างๆ และรถคันหน้าที่เบรคกระทันหัน  แต่ทว่าระบบนี้บ้านเราอาจจะไม่ได้สัมผัส เพราะจะมีอยู่ในซูบารุที่มีขายในผั่งยุโรปเท่านั้น 

รถยนต์นั่ง ซูบารุ ในบ้านเราแม้จะค่อยๆ ทำตลาด แต่ด้วยนวัตกรรม และดีไซน์ที่สวยและจัดลูกเล่นให้ไม่มีกัก ทำให้ใครหลายๆ คน เลือกใช้เป็นพาหนะคู่ใจและมอบให้เป็นรถครอบครัว สำหรับ Subaru Forester ตัวเด่นที่เราได้มาทดลองขับกันไกลถึงเมืองสิงโต เป็นรุ่นที่พิเศษที่มีการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และไฟฟ้า มีฉายาว่า e-Boxer

หากใครที่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูขนาดใหญ่อาจจะมีความกังวลถึงพละกำลังว่าจะถดถอย หรือไหวหรือเปล่า? ในจังหวะที่ต้องรีดแรงม้า แต่หลังจากที่ได้ทดสอบกันในช่วงสั้นๆ ขอยื่นยันไว้ ณ ที่นี่ว่าหากคุณได้สัมผัส Subaru Forester e-Boxer คันนี้คุณจะเลิกคิดถึงความเป็นไปไม่ได้ทันที!

ดีไซน์ภายนอกของ 2019 Subaru Forester e-Boxer Hybrid ได้รับการผลิตบนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ Subaru Global Platform ปรับลุคให้สปอร์ตขึ้น เน้นสันเหลี่ยมรอบคัน มิติตัวถังมีความยาว 4,625 มม. กว้าง 1,815 มม. และสูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อถูกยืดออกจากรุ่นก่อนอีก 30 มม. เป็น 2,670 มม. 

ไฟหน้า-ท้าย LED พร้อมไฟ Day time ให้อารมณ์สปอร์ต ฝั่งโลโก้จากค่าย ตรงกลางเด่น พร้อมเสริมไฟตัดหมอกซ้าย-ขวา กระจังโครเมี่ยมเดินเส้นเป็นกรอบไฟ 

จุดขายของ Subaru คือล้อแม๊กซ์ดีไซน์สวยที่ใส่ให้กับรถเกือบทุกรุ่น 

สำหรับในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่หมด กว้างขวางด้วยเบาะนั่งแบบ 2 แถว โดยพนักพิงหลังของเบาะหลังสามารถแยกพับในอัตราส่วน 60:40 แผงคอนโซลกลางจะมีการติดตั้งปุ่ม X-Mode สำหรับเอาไว้ใช้ล็อกในการกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางที่ถูกเลือกใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งหน้าจอสำหรับแสดงสถานะในการทำงานของระบบไฮบริด สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ e-Boxer

ปุ่ม X-Mode  ตรงคอนโซลกลาง สำหรับเอาไว้ใช้ล็อกในการกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์

สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริดที่เรียกว่า e-Boxer จะเป็นการทำงานของเครื่องยนต์หลักที่เป็นเบนซินในรหัส F20 แบบ 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน และ Di โดยตัวเครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.2กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที และทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 13.6 แรงม้า และ 3.6 กก.-ม. สำหรับแรงบิด

สำหรับตัวรถของ Forester e-Boxer ขับเคลื่อนโดยกลไกการทำงานของเครื่องยนต์แบบคู่ ประกอบด้วยสองส่วนคือ ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่จะทำงานเมื่อรถขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำเพื่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเปลี่ยนไปใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อรถขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่สูงขึ้น โดยระบบดังกล่าวช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 5.4 ลิตร/100กิโลเมตร และเครื่องยนต์ SUV ไฮบริด โดยให้แรงบิดสูงถึง 188 นิวตันเมตร/4000 รอบ ต่อนาที 

ด้านท้ายของตัวรถมีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ที่ ทำให้ถังน้ำมัน ทำให้ถังน้ำมันของรุ่น e-Boxer มีความจุน้อยกว่ารุ่นธรรมดา 15 ลิตร

ในการทดสอบ Subaru Forester e-Boxer จะมีหลายจุดที่ได้ทำการจำลองสนามไว้ให้เราได้สัมผัสความนุ่ม เงียบ ช่วงล่างและการควบคุมรถ จังหวะแรกที่เราได้ออกตัวและกดคันเร่งหวดกันจนมิดไมล์ แม้ช่วงแรกอาจจะต้องเรียกแรงฮึดขึ้นมาสักหน่อยแต่ก็ไม่ปล่อยให้คอยนานสำหรับรถกึ่งไฟฟ้าถือว่าทำได้ดีในช่วงออกตัว (อยากลองขับให้ยาวอีกนิด) ต่อมาด้วยฐานสลาลม เปลี่ยนอารมณ์เป็นเป็นซิกแซก ยังคุมความเร็วไว้ที่ 60-70 ถือว่าการทำงานของช่วงล่างและการควบคุมพวงมาลัยเสถียรเข้ากัน เกาะถนนได้ดี ไม่มีเหวี่ยงท้ายให้น่าตกใจ 

ถัดมาสร้างความตื่นเต้นขึ้นมาอีกหน่อย กับโค้งถนนเปียก และเป็นทางขรุขระ ถือว่าเป็นจุดที่เป็นที่ทำให้เห็นสมรรณะของรถไฮบริดคันนี้ได้ชัดเจน ความเร็วยัง 50-60 กับโค้งที่ยังเป็นพื้นเปียกและทางขรุขระ Forester e-Boxer คันนี้เอาอยู่! บอกตามความรู้สึกเลยว่าเอาอยู่ จริงๆ รถไม่หลุดเลน ไม่ไถล พวงมาลัยมีการตีคืนให้กลับสถาพเดิม เพื่อพร้อมขับต่อ เรียกว่าช่วงล่างที่พัฒนามาแล้วยังช่วยเสริมในเรื่องควาปลอดภัยทั้งคนขับ และผู้โดยสารที่นั่งข้างหลัง (ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นที่ได้ทดลองในสนาม) e-Boxer คันนี้ถือว่าหนึบ!

จุดสุดท้ายในฐานที่มีการทดสอบกำลังเครื่องยนต์ของเจ้าไฮบริดคันนี้ (ด่านนี้อินสตักเตอร์เป็นคนขับทดสอบ) โดยทีมงานจะสาธิตโดยการใช้ Roller จำลองเหตุการณ์ ถ้าหากเกิดเหตุในกรณีรถตกอยู่ในสภาพติดหล่ม หลุม โคลนลึก ด้วยความสามารถของการทำงานที่ควบคู่ไปกับ ระบบ e-boxer ยังมีประโยชน์ในเรื่องการใช้แรงในการบิดตัวให้รถสามารถเคลื่อนจากจุดที่เป็นหลุมลึก เพียงเหยียบคันเร่งโดยใช้รอบต่ำ (แลดูไม่เหนื่อย) แรงขับจากมอเตอร์ไฟฟ้าดีพอที่ทำให้ไม่ต้องเดินคันเร่งมาก ทำให้รถสามารถผ่านจุดๆ นั้นไปอย่างง่ายดาย เป็นอีกจุดเด่นที่ Forester ทุกรุ่นได้พัฒนาให้มีการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น 

สำหรับโอกาสในการนำ 2019 Subaru Forester e-Boxer Hybrid มาขายในประเทศไทยนั้นเรียกได้ว่ายังพอมีลุ้น เพราะอย่างน้อยทางซูบารุนั้น เพิ่งเปิดโรงงานซูบารุแห่งแรกในประเทศไทย และเริ่มเดินสายการผลิต The All New Subaru Forester เจเนอเรชั่นที่ 5 ไปหมาดๆ ส่วนราคาทางสิงคโปร์ที่เป็ปนที่เปิดตัวครั้งแรกก็ยังไม่มีการประกาศราคาออกมาอย่างเป็นทางการ คงต้องรอติดตามกันต่อไป รถดีๆ ใครก็อยากใช้จริงไหม?

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น SUBARU ทุกรุ่น

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น SUBARU FORESTER