ทดลองขับ MG ZS เอสยูวีน้องใหม่กับเทคโนโลยีสุดสมาร์ทในราคาที่โดนใจ (Test Drive Review)
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดลองขับให้สื่อมวลชนได้สัมผัส
New MG ZS สมาร์ทเอสยูวีน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้พร้อมกับราคาที่เร้าใจให้คุณเป็นเจ้าของรถเอสยูวีได้ในราคาไม่ถึงล้านบาท สำหรับ MG ทุกรุ่นโดดเด่นด้วยการดีไซน์ตามแนวคิด "Brit Dynamic" รวมถึง ZS ด้วยเช่นกัน ทำให้ดีไซน์ที่ออกมาจะเน้นไปทางด้านความหรูหราและสปอร์ต และที่สำคัญ ZS ยังมาพร้อมกับ "i-Smart" ระบบอัจฉริยะที่ผู้ขับสั่งการทำงานได้ด้วยภาษาไทยครั้งแรก นอกจากเรื่องความสะดวกสบายแล้ว ด้านระบบความปลอดภัยก็มีมาแบบครบๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับรถที่ทาง MG เตรียมมาให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับในครั้งนี้คือรุ่น X ที่เป็นตัวท็อปของ ZS กับเส้นทาง กรุงเทพฯ - ระยอง ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทาง MG ที่ให้เกียรติกับทางทีมงาน
เช็คราคา.คอม ได้ร่วมทดลองขับในครั้งนี้ New MG ZS จะเป็นอย่างไรไปดูกันดีกว่า
บ่อยครั้งเวลาที่ทีมงานเช็คราคาไปร่วมทดลองขับแบบกลุ่ม หรือ GroupTest มักจะถูกถามว่า "ทำไม? ทดลองขับแต่รุ่นท็อปล่ะ" สำหรับคำตอบของคำถามนี้ง่ายมาก นั่นก็เพราะบริษัทรถยนต์เป็นผู้เตรียมรถไว้ เหตุผลที่หลายๆ บริษัทเลือกจะเตรียมรุ่นท็อปนั่นก็เพราะ รุ่นท็อป มีเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ติดตั้งมาให้แบบครบๆ ที่รถรุ่นนั้นมี ฉะนั้นการทดลองขับครั้งนี้ MG จึงจัดเตรียม ZS รุ่น X ที่เป็นตัวท็อปเอาไว้ให้ บทความนี้ก็จะเป็นการพูดถึงรายละเอียดของรุ่น X เป็นหลักกันนะครับ
อย่างที่ทราบกันตั้งแต่เปิดตัวแล้วว่า NEW MG ZS มีให้เลือกกัน 3 รุ่นย่อย คือ C, D และ X ทั้งหมดถูกออกแบบโดยใช้แนวคิด Brit Dynamic ที่ให้ความหรูหราและสปอร์ต โดดเด่นตามเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปราดเปรียว เร้าอารมณ์ ในด้านหน้าบริเวณกระจังได้ออกแบบใหม่จากการนำแนวคิดของรถยนต์ต้นแบบของ MG มาปรับใช้เป็นรุ่นแรกให้ความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Lights ไฟท้ายเป็น LED Tube
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญเลยสำหรับรุ่น X ที่แตกต่างจากรุ่นย่อยอื่นๆ นั่นก็คือหลังคา ที่จะเป็นหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ที่มีขนาดใหญ่ถึง 90% ของพื้นที่หลังคารถ เวลาเปิดซันรูฟเต็มที่จะกว้างมากช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่ง (สั่งเปิด-ปิดได้ทั้งสวิตช์ควบคุมและสั่งการด้วยเสียง)
ฝาท้ายสไตล์สปอร์ตของ ZS ไม่ใช่ระบบไฟฟ้าแต่ก็ดูไม่เสียหายอะไร จุดเปิดฝาท้ายจะอยู่ตรงบริเวณโลโก้ MG วิธีเปิดก็ง่ายๆ เพียงเอานิ้วโป้งกดบริเวณโลโก้ MG ลงไปแล้วใช้ 4 นิ้วที่เหลือในการช่วยดึงฝาท้ายขึ้นมาโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก เท่านี้ก็เก็บสัมภาระในรถได้แล้ว
ล้อของ MG ZS X จะเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว โดยทาง MG ให้ยาง Yokohama Advan db ขนาด 215/50 R17 มาให้ ส่วนรุ่น C, D นั้นจะให้ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว กับยาง 205/60 R16
ในส่วนของการออกแบบภายใน MG ZS X จะตกแต่งด้วยสีทูโทน (ดำ-น้ำตาล) สะท้อนความหรูหราและสปอร์ตตามแบบรถยุโรป รวมถึงเลือกใช้วัสดุแบบ Soft Touch ช่วยเพิ่มให้ดูพรีเมียมมากขึ้นถึงแม้ว่าในบางจุดอาจจะต้องปรับปรุงอีกสักเล็กน้อยแต่ถ้าคิดถึงราคาที่ไม่แพงมากนักก็พอจะมองข้ามไปได้ เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับแยกส่วนได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ โดยที่เบาะคู่หน้าจะไม่ใช่ระบบไฟฟ้า เบาะผู้ขับปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารด้าหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ด้านซ้ายควบคุมเครื่องเสียง ด้านขวาควบคุมหน้าจอแสดงผล และปุ่มกดเพื่อสั่งงานระบบ i-Smart และติดต่อไปยัง Call Center (เครื่องหมาย * ) สามารถปรับได้ 2 ทิศทาง (สูง-ต่ำ) พร้อมทั้งยังมีระบบปรับน้ำหนักพวงมาลัย 3 ระดับ Comfort (สำหรับขับขี่ในเมือง) Normal (ทั่วไป) และ Sport นอกจากนี้ยังสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยจากความเร็วรถ โดยเพิ่มน้ำหนักจากโหมดที่เลือกอีก 1 สเต็ป ส่วนระบบ Cruise Control จะเป็นก้านให้ปรับใช้งานได้ตามปกติ
ช่องแอร์ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจาก เจ็ท เทอร์ไบน์ หรือไอพ่นของเครื่องบิน ที่อาจจะดูย้อนยุคสักนิดแต่ก็อยู่ร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีอยู่ใน ZS ได้อย่างลงตัว
เครื่องยนต์ของ MG ZS เป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH เหมือนอย่างที่ติดตั้งอยู่ใน MG3 และ MG5 แต่ได้รับการปรับจูนใหม่ ให้มีแรงม้ามากขึ้น และเน้นในเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง ทำให้ ZS มีพละกำลัง 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode
เรื่องของระบบความปลอดภัย MG ZS X จัดให้แบบเต็มๆ เริ่มด้วย โครงสร้างตัวถังเป็นแบบนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุด (คู่หน้า-ด้านข้าง และม่านนิรภัย) ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยแบบ Synchronize Protection System ถึง 9 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย ระบบเบรก ABS, ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก EBA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไหล TCS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด HAS, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS และระบบสัญญาณไฟเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน เท่านี้ก็ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยที่อัดแน่นมาในรถคันนี้
ทดลองขับจริง เส้นทาง กรุงเทพฯ-ระยอง
ก่อนที่จะได้ทดลองขับก็เกิดความสงสัยขึ้นมามากมาย อาทิ "เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ ก็มีอยู่แล้วทำไมไม่เอาใช้", "ทำไมเลือกใช้เกียร์ 4 สปีด" ฯลฯ เรียกว่าหลายความสงสัยพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แต่เมื่อได้ทดลองขับกันจริงๆ แล้ว รถคันนี้ทำได้ดีไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว ในช่วงแรกของการเดินทางจากย่านสาทรขึ้นทางด่วนเพื่อไปยังมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่จุดพัก โดยในช่วงนี้จะเป็นช่วง Free Run ขับอย่างไรก็ได้แต่ขออย่าแซงรถนำ จะช้า จะเร็ว ก็ตามสะดวก ก็เลยมีช่วงให้ดึงเพื่อลองกดดูอัตราเร่งดูเป็นบางจังหวะ และลองสัมผัสถึงการทำงานของรถในส่วนอื่นๆ ไปด้วย
ผลคือ ZS เป็นรถยนต์ที่ให้ความสะดวกสบายในการเดินทาง เบาะมีความกระชับพอตัวทำให้นั่งได้อย่างสบายๆ หลายคนให้คอมเม้นท์ไว้ว่า เบรกนั้นลึกไปหน่อย เบรกไม่ค่อยอยู่ แต่เรากลับมองว่า "รถทุกคันมีคาแร็คเตอร์แตกต่างกันผู้ขับต่างหากที่ต้องปรับตัวเข้าหารถ" หลังจากที่ทำความคุ้นเคยกับเบรกแล้ว ใช่...ระยะที่ต้องเหยียบนั้นลึกกว่ารถอื่นๆ แต่เมื่อชินแล้วก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
ส่วนเรื่องของการเร่งแซงนั้นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 กับบอดี้ขนาดนี้ ถ้าจะกระแทกคันเร่งเพื่อแซงนั้นอาจจะต้องรอ ต้องลุ้นกันหน่อย แต่ด้วยเกียร์ 4 สปีดมาพร้อมกับ Manual Mode ให้คุณสามารถเล่นเกียร์ด้วยได้ ส่วนช่วงล่างนั้นเรียกว่านุ่มแต่ไม่ย้วยจนทำให้เวียนหัวรองรับการเดินทางกับครอบครัวได้สบายๆ ช่วงเวลาที่เข้าโค้งนั้นแน่นอนต้องมีอาการบ้างสำหรับรถสูงๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มีอาการมากจนเกินไป ส่วนการปรับน้ำหนักพวงมาลัยนั้นก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ก็คงไม่ได้ปรับเปลี่ยนกันบ่อยๆ เมื่อหาเจอจุดที่พอใจแล้วก็คงจะตั้งไว้แบบนั้นมากกว่า
โดยระหว่างทางก็ได้มีการแวะเยียมผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอ็มจี ระยอง จำกัด และเพื่อรับฟังการอธิบายการทำงานของ i-Smart กันอีกครั้งหลังจากได้ทดลองเล่นกันมาบ้างตั้งแต่ออกมาจากกรุงเทพฯ โดยการสั่งงานของ i-Smart นั้นทำได้ 3 แบบ คือการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย, สั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีน และสั่งการด้วยมือถือ
การสั่งงานด้วยมือถือสามารถสั่งการได้หลายฟังก์ชั่นผ่านแอพพลิเคชั่นที่สามารถโหลดได้ ไม่ว่าเป็น เปิด-ปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถที่สามารถสั่งเปิดระบบปรับอากาศทิ้งไว้ได้ถึง 10 นาที หรือจะล็อก หรือปลดล็อกรถก็สามารถทำได้ หรือจะระบบวางแผนการเดินทางแล้วส่งเส้นทางไปที่ระบบนำทางในรถก็ได้ จนถึงตรวจสอบสถานะรถ แรงดันลมยาง รวมถึงความผิดปกติอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยนั้น ผู้ขับสามารถสั่งการทำงานของระบบต่างๆ ได้ เพียงพูดว่า Hello MG ในส่วนของการควบคุมการทำงานของซันรูฟก็จะสามารถ เปิด, ปิด, เอียง, ยก และแง้ม ซันรูฟได้ ส่วนระบบปรับอากาศก็สามารถสั่ง เปิด-ปิด, เปลี่ยนทิศทางการเป่าลมเพียงสั่ง เป่าตัว, เป่าเท้า, เร่งพัดลม และ ลดพัดลมได้ อีกทั้งยังควบคุมการทำงานของกระจกฝั่งผู้ขับให้สามารถเปิด-ปิดได้ด้วย เนื่องจากการทำงานในส่วนนี้เป็นเพียงระบบเริ่มต้นยังมีการพัฒนาชุดคำ หรือการควบคุมอื่นๆ ได้ในอนาคต โดยทาง MG ก็จะปล่อยตัวอัพเดทให้ผู้เป็นเจ้าของรถอัพเดทเวอร์ชั่นคล้ายๆ ระบบปฎิบัติการของโทรศัพท์มือถือได้ในอนาคต แต่จากการทดลองใช้งานจริงภายในรถจะต้องไม่มีเสียงดังมาก คือถ้าจะสั่งให้ระบบทำงานอาจจะต้องพูดเพียงคนเดียว โดยให้ผู้ร่วมเดินทางเงียบ เพราะหากเกิดพูดคุยกันแล้วสั่งงานไปด้วย ระบบในช่วงแรกจะแยกแยะเสียงไม่ออกและไม่ทำงาน ซึ่งก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับการทดลองขับช่วงที่ 2 จะเป็นช่วงพิเศษคือช่วง Eco Run หรือการขับขี่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการทดลองขับในช่วงนี้ MG กำหนดเส้นทางเอาไว้ที่ 80.2 กิโลเมตร ให้เวลาเดินทางไว้ที่ 90 นาที ซึ่งในระหว่างทางมีทั้งฝนตกหนักจนมองทางแทบไม่เห็นและสภาพการจราจรระหว่างเส้นทางที่มีไฟแดงเยอะเป็นบางช่วง ทำให้อัตราสิ้นเปลืองในรถที่ทีมงานเช็คราคาร่วมเดินทางไปด้วยนั้นอยู่ที่ 17.3 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนสถิติที่ดีที่สุดในกลุ่มคือ 17.5 กิโลเมตร/ลิตร โดยที่ทาง MG ให้ข้อมูลไว้ว่า อัตราสิ้นเปลืองของ MG ZS บน ECO Sticker นั้นอยู่ที่ 16 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
จากการได้สัมผัสกับ MG ZS รุ่น X ซึ่งเป็นเวลา 2 วัน ก็ต้องบอกว่าเป็นรถที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะคุณจ่ายเงินเพียง 789,000 บาท ก็ได้เป็นเจ้าของรถเอสยูวีที่มีระบบความปลอดภัย และความสะดวกสบายอัดแน่นมาให้เต็มที่ เหมาะสำหรับครอบครัวยุคเริ่มต้นที่อยากเป็นเจ้าของรถสักคันที่สามารถไปไหนก็ได้ตามต้องการ โดยที่ภาระต่อเดือนในการผ่อนก็ไม่หนักจนเกินไป (คำนวณคร่าวๆ จากการผ่อน 48 เดือน ก็อยู่ราวๆ หมื่นนิดๆ) ซึ่งถ้าหากคุณมีกำลังที่จะจ่ายไหวจะมองเอสยูวีแบรนด์อื่นเป็นทางเลือกก็ได้ แต่ถ้าอยากประหยัด ZS เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับการทำงานของระบบสั่งการด้วยเสียงเป็นอะไรที่น่าสนใจยิ่ง ถ้าเป็นอย่างที่ทาง MG บอกคือจะมีการปรับให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและง่ายยิ่งขึ้นในอนาคต ด้านเรื่องของการขับขี่ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบอัตราเร่งรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดรถคันนี้ก็ใช้งานได้ไม่เลวนะ (ระหว่างขากลับขับไล่ความเร็วมาเรื่อยๆ ก็วิ่งได้ไม่เบาเหมือนกัน) ปัญหาใหญ่สุดท้ายสำหรับการตัดสินใจซื้อรถ MG คงไม่ใช่เรื่องดีไซน์และเทคโนโลยีแล้ว น่าจะเป็นเรื่องบริการหลังการขายและราคาขายต่อ ซึ่งตรงนี้ทาง MG ก็กำลังเร่งขยายผู้แทนจำหน่ายให้เพิ่มมากขึ้น และยังมีระบบ Uesd Car ที่พร้อมจะให้ลูกค้า MG ที่ต้องการเปลี่ยนรถมาขายด้วยราคาที่ดีกว่า ทีนี้ก็อยู่ที่ผู้ซื้อแล้วว่าจะตัดสินใจยังไงกับ MG ZS รถเอสยูวีสุดสมาร์ทคันนี้