มินิ ประเทศไทย พาเปิดประสบการณ์กับ All-New MINI Countryman Press Drive
มินิ ประเทศไทย จัดกิจกรรมพิเศษ
The All-New MINI Countryman Press Drive นำสื่อมวลชนสัมผัสดีไซน์อันโดดเด่น แรงบิดที่เป็นเอกลักษณ์ กำลังขับเคลื่อนเหนือระดับ และประสบการณ์ ขับขี่ที่สนุกสนานในแบบฉบับของมินิ พร้อมร่วมทดสอบและสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์
มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติแบบสบายๆ ในสไตล์ ADD STORIES เติมเรื่องราวและประสบการณ์ ที่มีความหมายให้กับชีวิต ระหว่าง 19 - 22 มิถุนายน 2560 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การขับทดสอบ เริ่มต้นจากเขาตะเกียบใช้เส้นทางบายพาสหัวหินแล้วตัดเข้าสู่เขื่อนปราณบุรี โดยมีเส้นทางออฟโรดให้ได้สัมผัสการลุยเพื่อท่องเที่ยวในแบบ คันทรี่แมน โดยรถรุ่นที่ผู้เขียนได้ขับนั้นเป็น
Cooper S HighTrim ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด เริ่มจากการเข้าไปนั่งเพื่อปรับเบาะให้เข้ากับสรีระและท่าทางการขับ เบาะหนังรุ่นนี้เป็นทรงสปอร์ตจึงมีปีกด้านข้างโอบกระชับลำตัว ถ้าขับแบบสปอร์ตบนถนนดำ เข้า-ออกโค้ง เบาะแบบนี้คงตอบสนองการใช้งานได้ดี แต่ถ้าใช้งานทั่วไปผู้เขียนรู้สึกว่าถ้าคนตัวใหญ่อาจอึดอัดบ้าง อย่างไรก็ตามพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังให้ผิวสัมผัสที่ดี เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้าได้ละเอียดอย่างที่ต้องการ ช่วงที่ได้ลองขับบนเส้นบายพาส ซึ่งทางค่อนข้างเปิดโล่ง ผู้เขียนมีโอกาสได้เร่งแซงรถช้า และทำความเร็วแบบต่อเนื่องยาวๆ พบว่าตัวรถคันทรี่แมนให้การทรงตัวที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะรุ่นนี้ที่มีระบบ Dynamic Damper Control แม้มินิ คันทรี่แมน ใหม่ จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร แต่ก็มีความมั่นคงแม้วิ่งด้วยความเร็วระดับ 150-190 กม./ชม. ซึ่งผู้เขียนไม่ได้รู้สึกว่ารถวิ่งเร็วขนาดนั้น ต่างกับรถญี่ปุ่นทั่วไปชัดเจน
ส่วนการเข้าโค้งก็สามารถตอบสนองได้อย่างฉับไวสไตล์มินิ ที่พวงมาลัยคม และแม้เป็นรุ่นเน้นครอบครัวและการเดินทาง แต่ความรู้สึกการขับแบบโกคาร์ตก็ไม่ได้จางหายไปแต่อย่างใด ระบบกันสะเทือนก็ไม่ได้สะเทือนมากแม้เจอลอนถนน การปรับโหมดผู้เขียนได้ลองทั้ง Sport, MID และ Green ก็พอสรุปได้ว่า MID เป็นการเซ็ตติ้งที่เพียงพอและกำลังดีกับการใช้งานแบบ all round ถ้า Sport อาจไว้ใช้ในการขับขึ้น-เขาก็หรือถนนที่มีโค้งซ้าย-ขวาเยอะๆ และก็ผสานกับการใช้แพดเดิ้ลชิฟต์เลือกเกียร์เอง ยิ่งทำให้ขับทางยากๆ ได้สนุกและมั่นใจมากขึ้น ด้านระบบเบรกผู้เขียนพร้อมสมาชิกในรถอีก 2 ท่าน นับเป็นการเพิ่มน้ำหนักที่เพียงพอต่อการทดสอบ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ให้ฟีลลิ่งการหยุดที่ดีพอ เพียงแต่สัมผัสแรกที่กดแป้นเบรกลงไป เหมือนมีช่วงดีเลย์การทำงานอยู่เสี้ยวนึง
การขับบนทางฝุ่น ระบบช่วงล่างได้ทำหน้าที่มากขึ้น การซึบซับแรงกระแทกจากด้านล่างทำได้ดีมาก บางช่วงผู้เขียนได้ลองเร่งแบบฉับพลัน ทั้งช่วงทางตรงและเลี้ยวโค้ง พบว่ารถสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เสียอาการ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีระบบช่วยเหลืออย่าง Dynamic Traction Control และ Electronic Differential Lock Control ทำงานผสานกัน แม้ช่วงที่ลงไปขับเดินคันเร่งปกติบนพื้นหญ้า วิ่งก็ยังวิ่งได้ดีโดยไม่เสียอาการแต่อย่างใด สรุป Mini Countryman Cooper S Hightrim (2,999,000 บาท) เป็นรถที่เหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยว หรือชอบออกไปหาเรื่องราวใหม่ๆ ให้กับชีวิต และเน้นรถที่มีสมรรถนะเร้าใจ ขับสนุก หรือเลือก Cooper S Countryman (2,699,000 บาท) ที่สาระสำคัญของตัวรถไม่ต่างกันก็ประหยัดได้อีก 3 แสนบาท
มินิ คันทรีแมน ใหม่ (F60) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น
มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,300 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 เพียง 148 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีพวงมาลัยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชั่นเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มากับตัวรถ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Easy Opener ให้สามารถควบคุมการเปิดปิดฝากระโปรงรถเพียงใช้เท้าจ่อบริเวณใต้กันชนท้าย
ส่วน มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วย ติดตั้งเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 143 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบสปอร์ต พวงมาลัยหนังแท้แบบสปอร์ตพร้อมมัลติฟังก์ชั่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
นอกเหนือจากสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นของมินิทุกรุ่นแล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดคือความสบายใจของลูกค้ากับโปรแกรม MINI Service Inclusive อภิสิทธิ์พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถมินิ คุ้มครองรถให้ขับเคลื่อนไปในทุกเส้นทางอย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับกำหนดใดที่ถึงก่อน) นอกจากนี้ มินิยังมีโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย