Mercedes-Benz รุกตลาดรถหรูรับปี 2560 เปิดตัว The E-Class รุ่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการเปิดตัว The E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย มาพร้อมกับฟังก์ชั่นอันล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของสาวกดาวสามแฉกชาวไทยได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือกสรรถึง 3 แบบ ได้แก่
The E 220 d Avantgarde,
The E 220 d Exclusive และ
The E 220 d AMG Dynamic The E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย เป็นรถยนต์ในกลุ่ม Contemporary Luxury ที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ ทั้งโดดเด่นในด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะอันทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียวตามหลัก Sensual Purity รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น เป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และขับขี่สนุกขึ้นเพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดีไซน์ภายนอก The E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ นอกจากนี้ รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถยังออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว สำหรับ The E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance สำหรับรุ่น The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS - Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS - Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering Light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
โดย The E 220 d AMG Dynamic จะเพิ่มเติมความพิเศษด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ The E-Class ออกแบบภายใต้แนวคิดที่ต้องการผสมผสานสไตล์สปอร์ตเข้ากับสุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อมอบความรู้สึกสะดวกสบายขณะขับขี่และโดยสาร เบาะที่นั่งจึงถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม ผสานการออกแบบตามหลักการสรีระศาสตร์ที่เน้นเรื่องความรู้สึกสบายสำหรับการเดินทางไกล โดยเบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ สำหรับรุ่น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง nappa
ขณะที่รุ่น The E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa, ชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ โดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Wide screen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิก แบบสปอร์ต และแบบ Progressive ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์รุ่น The E 220 d AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทย จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)
ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive มาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 พร้อม Controller และ Touchpad ในขณะที่ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับระบบ COMAND Online พร้อม Controller และ Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester และฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay) และ Android (Android Auto) นอกจากนี้ ทั้ง 3 รุ่น ยังติดตั้งด้วยระบบแผนที่นำทางพร้อมระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The E-Class มาพร้อมกับระบบ "Mercedes-Benz Intelligent Drive" เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) และระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) เป็นต้น สำหรับ The E 220 d Avantgarde จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ในขณะที่ The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
The E-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 194 แรงม้า ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ 9G-TRONIC ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ มีน้ำหนักเบาลง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กม./ลิตร* และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 102 กรัม/กม.*
(*อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และ อัตราการปล่อย CO2 อ้างอิงจากการทดสอบตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปเพื่อจุดประสงค์ในการเปรียบเทียบความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละประเภทเท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงกับรถยนต์คันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะและไม่สามารถนำไปใช้เป็นข้อผูกมัดในการเสนอขายสินค้าได้)
ราคาของ The E-Class รุ่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย