ระวัง! มีผู้เสียชีวิตจากการขับ Tesla Model S ขณะใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ
Tesla Model S ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อนายโจชัวร์ บราวน์ ชายวัย 40 ปี อดีตหน่วย Seal เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับ Tesla Model S โดยใช้งานโหมดขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) ซึ่งในขณะนั้นเขากำลังดูภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter อยู่
ตามคำให้การของนายแฟรงค์ บาเรซซี คนขับรถบรรทุกวัย 62 ปี บอกกับทางสำนักข่าว AP ว่า คนขับ Model S กำลังดูภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์อยู่ และยังเล่นอยู่ในตอนที่คนขับเสียชีวิต แต่ในขณะเดียวกันคนขับรถบรรทุกก็ยอมรับว่า เขาเพียงได้ยินเท่านั้นแต่ไม่ได้เห็นว่าคนขับกำลังดูอยู่จริงๆ ส่วนทางสำนักข่าวรอยเตอร์ก็ได้รายงานว่า ทางสายตรวจของ Florida Highway พบเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพาภายในรถคันที่โดนชน
ปกติแล้วระบบ Autopilot ของเทสลาร์ โมเดล เอส จะมีการตรวจเช็คเรื่อยๆ ว่ามือของผู้ขับยังอยู่บนพวงมาลัยหรือไม่ ถ้าไม่ระบบจะส่งสัญญาณเตือน และถ้าพบว่า ปล่อยมือจากพวงมาลัยนานเกินไป รถจะชะลอความเร็วลงจนกว่าจะมีปฏิกิริยาจากผู้ขับ แต่ในกรณีนี้ เป็นไปได้ว่าทางนายโจชัวร์อาจวางมือไว้บนพวงมาลัยขณะกำลังดูภาพยนตร์ หรือรถไม่ได้ลดความเร็วลง ซึ่งคนขับรถบรรทุกก็ได้บอกกับทางสำนักข่าว AP ว่า คนขับเทสลาร์ โมเดล เอส ขับมาด้วยความเร็วสูง และเขาไม่ทันเห็นรถคันดังกล่าว แต่ทาง Tesla เองก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าความเร็วเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
แหล่งข่าวจาก The Detroit Free Press reports กล่าวว่า นายบราวน์ชื่นชอบรถ Tesla มาก เขามักโพสต์คลิปวิดีโอการใช้งานรถบ่อยครั้ง หนึ่งในคลิปที่มีคนดูเกือบสองล้านวิวเป็นเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อมีรถเข้ามาปาดในเลนของเขา รถของเขาได้หักหลบและชะลอความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างยอดเยี่ยม และในวิดีโอส่วนตัวของเขาเองก็ได้เอ่ยว่า โมเดล เอส คือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ดีสุดเท่าที่เขาเคยมี
ด้าน Tesla ออกมาให้ความเห็นว่า นี่เป็นการเสียชีวิตรายแรกจากการใช้งานกว่า 130 ล้านไมล์ของผู้ที่ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ คาดว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุของในครั้งนี้ อาจเกิดจากโหมด Autopilot ไม่สามารถแยกแยะความต่างของสีขาวของรถบรรทุกกับสีของท้องฟ้าได้
การเสียชีวิตของโจชัวร์ บราวน์ทำให้ต้องกลับมาทบทวนเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้งานระบบไร้คนขับอีกครั้ง ถึงแม้จะมีระบบ Autopilot แต่ผู้ขับเองก็ไม่ควรละความสนใจจากท้องถนนตรงหน้าเช่นกัน
ขอขอบคุณข่าวและรูปภาพจาก
Autoblog.com