Ford ชูเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะใหม่ล่าสุด ผ่านกิจกรรม Ford Advanced Driving Experience

เช้าอันสดใสในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559 คือจุดเริ่มต้นของกิจกรรม Ford Advanced Driving Experience ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะใหม่ ในรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง Ford Ranger Wildtrak 3.2 และรถยนต์อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง Ford Everest 3.2 Titanium Plus เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เทคโนโลยีเหนือระดับ

โดยตามกำหนดการ เริ่มขึ้นในช่วงเช้า ณ สาทร แสควร์ โดยได้รับเกียรติจาก คุณอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย ขึ้นกล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบ พร้อมทั้งบรรยายสรุปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทางด้านเทคนิคของ Ford Ranger Wildtrak 3.2 และ Ford Everest 3.2 Titanium Plus เพื่อให้ทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสมรรถนะของตัวรถ ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบขับจริง  และยังได้อธิบายเกี่ยวกับการจัดกิจกรรม Ford Advanced Driving Experience ที่จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะอันล้ำสมัยที่ได้เพิ่มเติมขึ้นในฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.2 ลิตร และฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร ไทเทเนี่ยม พลัส รุ่นปี 2016  ทั้งนี้เทคโนโลยีต่างๆ นั้นได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการนำเสนอรถที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลกเพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสในราคาที่สามารถจับต้องได้

การทดสอบเริ่มต้นจากโรงแรม ตึกสาทร แสควร์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนที่ได้ชื่อว่ามีการจราจรที่หนาแน่น โดยเริ่มแรกเป็นช่วงที่ให้ทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกับรถ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการนั่ง จากเบาะหนัง ปรับไฟฟ้า หรือว่าการใช้และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบกุญแจอัจฉริยะ ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์  สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ทางทีมงาน Checkraka.com ถูกจัดให้ทดสอบในรุ่น Ford Ranger Wildtrak 3.2 รถกระบะพันธุ์แกร่ง ที่มาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Ford ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนายกระดับมาตรฐานในรถกระบะให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีช่วยขับอัจฉริยะที่ทาง Ford คิดค้น และพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยการทดสอบครั้งนี้เลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ - พระนครศรีอยุธยา

การทดสอบในครั้งนี้เป็นการทดสอบระบบช่วยขับอัจฉริยะโดยเฉพาะ โดยเจ้า Ford Ranger Wildtrak 3.2 มาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยใช้เรดาร์วัดระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ระบบจะตั้งค่าควบคุมความเร็วอัตโนมัติเพื่อให้รถอยู่ห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัยตามความเร็วที่ตั้งไว้ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกตามคันหน้า ซึ่งหากคันหน้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ต่ำลง ระบบจะลดความเร็วลงอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย เมื่อสภาพการจราจรกลับมาเป็นปกติ ระบบจะเร่งความเร็วอัตโนมัติตามค่าที่ได้ตั้งไว้

ถ้าจะให้พูดถึงในเรื่องสมรรถนะของเจ้า Ford Ranger Wildtrak 3.2 ยังคงตอบสนองได้อย่างฉับไว และเฉียบคมเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเร่งแซง หรือจังหวะที่ต้องทำความเร็ว นั่นก็เป็นเพราะผลพวงจากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล Duratorq TDCi VG Turbo ขนาด 3.2 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ที่มาพร้อมระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น โดยมอบสมรรถนะสูงถึง 200 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดที่ 470 นิวตัน-เมตร

ส่วนในเรื่องของระบบความปลอดภัย Ford Ranger Wildtrak 3.2 ก็ทำได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องที่ติดตั้งบริเวณหน้ารถ เพื่อตรวจจับหาเส้นแบ่งเลน โดยระบบจะสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ขับขี่กำลังเบนรถออกนอกเลนโดยตั้งใจหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าผู้ขับขี่ออกนอกเลนแบบไม่ตั้งใจ ระบบจะเข้าควบคุมแรงบิดของพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าเพื่อดึงรถกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนด้วยระบบสั่นที่พวงมาลัยอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น Ford Ranger Wildtrak 3.2 ยังมาพร้อมกับระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) โดยใช้เรดาร์บริเวณหน้ารถตรวจจับระยะห่างของรถกับวัตถุที่เคลื่อนที่อยู่ด้านหน้า หากระบบวัดค่าเวลาก่อนชนได้ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมกะพริบไฟบนกระจกด้านหน้า และแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงข้อมูล หากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองต่อสัญญาณเตือน ระบบจะชาร์จแรงเบรกเตรียมไว้ทันที จึงทำให้ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้อย่างรวดเร็วเมื่อแตะเบรก ลดความเสียหายจากการกระแทกหรือหลีกเลี่ยงโอกาสการชน

นอกจากนี้ Ford Ranger Wildtrak 3.2 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอีกมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System), ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control), กล้องมองหลังและสัญญาณเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้าหลัง (Font and Rear Park Assist), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program), ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Rollover Mitigation), ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control), ระบบควบคุมการบรรทุก (Adaptive Load Control), ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance)  ซึ่งระบบทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบอย่างเต็มระบบจากทีมงาน Checklaka.com 

นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบเทคโนโลยีเพิ่มเติมใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร ไทเทเนี่ยม พลัส รุ่นปี 2016 ได้แก่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ที่ช่วยให้การนำรถเข้าจอดเทียบข้างเป็นเรื่องง่ายดายด้วยการเหยียบคันเร่ง เข้าเกียร์ และเบรก โดยไม่จำเป็นต้องบังคับพวงมาลัย รวมไปถึงระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert) ซึ่งจะคอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่มีรถคันอื่นอยู่ในจุดบอดหรือเมื่อมีรถตัดผ่านในขณะถอยออกจากซองจอด ช่วยให้การถอยรถออกจากช่องจอดได้เป็นได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น 

สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้สารพัดรูปแบบ หลากหลายสภาพถนน มาพร้อมความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยที่เลยมาตรฐานไปไกลลิบ! รุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ตอบสนองได้ดี ส่วนรุ่น 2.2 ลิตรที่ประหยัดขึ้น กำลังเพิ่มขึ้นนับว่าแค่นี้ก็เกินพอต่อการใช้งานแล้ว 

สำหรับผู้ที่สนใจ Ford Ranger Wildtrak 3.2 มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,189,000 บาท โดยมีให้เลือก 5 สีด้วยกัน คือ สีขาว คลู ไวต์ (Cool White), สีดำ แบล็ก ไมก้า (Black Mica), สีเงินอลูมิเนียม เมทัลลิก (Aluminum Metallic), สีเทา เมโทรโพลิแทน เกรย์ (Metropolitan Gray) และสีพิเศษ สีส้ม ไพร์ด ออเร้นจ์ (Pride Orange) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่น Wildtrak เท่านั้น โดยมาพร้อมภายในสีส้มทูโทนเน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย 

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น FORD RANGER ทุกรุ่น

ดูราคา-สเปค และโปรโมชั่น FORD ทุกรุ่น