FORD ทุ่ม 5 ล้านเหรียญฯ ยกระดับการผลิต ลดการใช้พลังงานลงได้ 50-70 เปอร์เซ็นต์
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ลงทุนเพื่อการดูแลคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าด้วยการติดตั้งหลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานภายในโรงงานผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศไทย จีน อินเดีย เวียดนาม และไต้หวัน โดยการลงทุนซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นี้ จะช่วยให้ฟอร์ดสามารถประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งช่วยยกระดับทั้งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของแสงไฟอีกด้วย
"การลงทุนระยะยาวสำหรับเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลังงานในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน" มร. แกรี่ จอห์นสัน รองประธานฝ่ายการผลิต ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว "ที่ฟอร์ดเราคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกๆ ด้าน และเรารู้สึกตื่นเต้น ที่ได้นำแนวทางการทำงานและการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นมาใช้ในศูนย์การผลิตรถยนต์ของเรา"
การติดตั้งเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในโรงงานผลิตรถยนต์จะช่วยให้ฟอร์ดสามารถลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมหาศาล หรือเท่ากับปีละ 18 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งมากเพียงพอสำหรับการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดมาตรฐานจำนวนมากกว่า 1,900 หลังต่อปี หรือเทียบเท่ากับการประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้มากถึง 50-70 เปอร์เซ็นต์
เทคโนโลยีหลอดไฟ LED ซึ่งปกติจะมีอายุการใช้งานที่ 5-10 ปี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไฟแบบเดิม จึงช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมบำรุงและการเปลี่ยนหลอดไฟลงได้อย่างมากอีกด้วย หลอดไฟแบบใหม่นี้ ยังช่วยส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทคโนโลยีหลอดไฟ LED จะไม่บรรจุสารปรอทเหมือนกับหลอดไฟทั่วไปแบบฟลูออเรสเซนต์ ดังนั้นหลอดไฟ LED จะไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มขยะอันตราย นอกจากนี้ หลอดไฟ LED ยังให้แสงสว่างมากกว่า แต่ให้ความร้อนที่น้อยลง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานฟอร์ดทุกคนดีขึ้นตามไปด้วย
หลอดไฟ LED ใหม่นี้ได้รับการติดตั้งที่โรงงานผลิตรถยนต์ของฟอร์ดทั้งในประเทศไทยและจีน และทีมงานฟอร์ด อินเดียได้ติดตั้งหลอดไฟดังกล่าวรอบแรกแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และคาดว่า การติดตั้งหลอดไฟภายในโรงงานผลิตรถยนต์ที่ประเทศไต้หวันและเวียดนามจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี การลงทุนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก และฟอร์ดจะยังคงดำเนินการพัฒนาและติดตั้งหลอดไฟ LED อย่างต่อเนื่องต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
สำหรับในประเทศไทย ฟอร์ด ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีหลอดไฟ LED ภายในโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดระยอง ทั้งที่ โรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ เอเอที ซึ่งเป็นศูนย์การผลิต ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และ ฟอร์ด เรนเจอร์ และที่โรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ เอฟทีเอ็ม โดยได้ติดตั้งหลอดไฟ LED ไปแล้วมากกว่า 10,000 หลอด ทั้งนี้ ฟอร์ดคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนจากหลอดไฟแบบเดิมมาเป็นหลอดไฟ LED จะช่วยให้โรงงานผลิตรถยนต์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 1.9 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ต่อปี
"การติดตั้งหลอดไฟประหยัดพลังงานนี้นับเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่สำคัญ จากความมุ่งมั่นของเราในการค้นหาแนวทางต่างๆ เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งภูมิภาค และเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมฟอร์ดทั่วโลก รวมทั้งบริษัทคู่ค้าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อการพัฒนาที่รวดเร็วสูงสุดในเรื่องเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้า" มร. เจียเชง หลิว ผู้จัดการด้านพลังงาน ฟอร์ด แลนด์ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าว
เมื่อปี 2011 ฟอร์ด ได้เริ่มดำเนินโครงการระดับโลกเพื่อร่วมกันลดการใช้พลังงานต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันภายในศูนย์การผลิตลง 25 เปอร์เซนต์ให้ได้ภายในปี 2016 และเมื่อเดือนมีนาคม 2015 ฟอร์ดกำลังก้าวไปสู่จุดหมายที่วางไว้ โดยสามารถลดการใช้พลังงานลงได้กว่า 21.4 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา โรงงานผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สามารถลดการใช้พลังงานต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันลงได้ 7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟรูปแบบใหม่จะช่วยสนับสนุนและผลักดันกลยุทธ์ของฟอร์ดในเรื่องการลดการใช้พลังงานและการปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้กับฟอร์ด
"โรงงานผลิตรถยนต์ของฟอร์ดใน เอเชีย แปซิฟิกได้ปรับวิธีการแบบองค์รวมอย่างเข้มงวด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีหลอดไฟ LED จะช่วยทำให้ความมุ่งมั่นของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น" มร. หลิว กล่าว "ความมุ่งมั่นดังกล่าว ผนวกกับความพยายามในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะทำให้ฟอร์ดยังคงความเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในทุกๆ ด้านต่อไป"