OMODA & JAECOO ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) นวัตกรรม HEV + EV แห่งอนาคตที่พัฒนาต่อยอดจาก Chery Automobile เจเนอเรชั่นที่ 3 นำผู้บริโภคเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมที่ให้พละกำลังเหลือล้น พร้อมด้วยประสิทธิภาพอันสูงล้ำ การประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยมและการเชื่อมต่ออัจฉริยะ ณ Pathumthani SpeedWay โดยให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเหนือชั้นจากรถคันนี้
เทคโนโลยีล้ำสมัยของ JAECOO 7 SHS
JAECOO 7 SHS ใช้ ระบบ SHS (Super Hybrid System) นวัตกรรม HEV + EV ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile ทำให้เครื่องยนต์สามารถปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพการขับขี่ พร้อมระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง ช่วยรักษาสมรรถนะในการขับขี่แม้ในสภาวะที่ทำงานหนัก ทำให้รถสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน และสลับการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ได้อย่างอัจฉริยะ
เมื่อผสานกับเครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ระบบ Super Electric Hybrid DHT System ช่วยให้ JAECOO 7 SHS ทำงานได้อย่างนุ่มนวล ช่วยให้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ ชม. (แบตเตอรี่มากกว่า 25%) ซึ่งถ้ารวมระยะทางการขับขี่ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าสามารถไปได้ไกลถึง 1,300 กม.
ความปลอดภัยระดับพรีเมียม
JAECOO 7 SHS มาพร้อมระบบแบตเตอรี่ที่ความปลอดภัยสูง มีการป้องกันรอบด้าน ทั้งการทนความร้อน, แรงกระแทก และการกันน้ำ พร้อมฟังก์ชันการป้องกันการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาทีหลังเกิดการชน ทำให้สามารถตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่อุณหภูมิสูงเกินไป และมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีความหนาแน่นของพลังงานสูง สามารถมอบระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะไกลถึง 106 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ในกรณีพิเศษยังสามารถกลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่กลางแจ้ง เปลี่ยนรถให้กลายเป็นสถานีจ่ายไฟฟ้าที่ปลอดภัยได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์
ประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้รอยต่อ
OMODA & JAECOO เปิดโอกาสให้ทดสอบสมรรถนะของ JAECOO 7 SHS ที่ให้กำลัง 347 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 525 นิวตันเมตร พร้อมมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำ
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเลน, เข้าโค้ง, การทรงตัวของรถ, การควบคุมรถบนพื้นผิวเปียก เพื่อให้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความเป็นรถไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดได้อย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่ต้องการความเงียบและประหยัดพลังงาน การเดินทางไกลที่ต้องการพละกำลังและความมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
สุชาดา ชูสงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นอกเหนือจากดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) นำเสนอนวัตกรรม HEV + EV ล้ำสมัยผ่านการผสานเทคโนโลยี 3 ส่วนหลัก ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถมอบทั้งสมรรถนะที่เหนือชั้นและการประหยัดพลังงานที่เป็นเลิศ การทดสอบสมรรถนะครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ ที่ผสานความเป็นรถไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างไร้ข้อจำกัด เราเชื่อมั่นว่า JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) จะมาเปลี่ยนมาตรฐานการขับขี่ในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยนวัตกรรมที่มอบทั้งอิสระและความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน"

ระบบ SHS (Super Hybrid System) นวัตกรรม HEV + EV มอบประสบการณ์การขับขี่แบบคู่ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับ JAECOO 7 SHS ด้วยการผสานจุดเด่นของรถไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดไว้ในคันเดียว ทั้งการขับขี่ที่เงียบ ไร้มลพิษ และเร่งความเร็วได้อย่างนุ่มนวลแบบรถไฟฟ้า พร้อมความมั่นใจในระยะทางไกลและความสะดวกในการเติมน้ำมันแบบรถไฮบริด JAECOO 7 SHS จึงตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน ทั้งการเดินทางในเมืองที่ต้องการความเงียบและประหยัดพลังงานด้วยโหมดไฟฟ้า ไปจนถึงการเดินทางระยะไกลที่ต้องการความมั่นใจด้วยระบบนวัตกรรม HEV + EV
สรุปหลังขับ
จากการที่ได้ทดลองขับ JAECOO 7 SHS ในระยะทาง 3 รอบ ได้ทดลองโหมดการขับขี่ทั้ง Eco, normal และ Sport ผ่านสถานีทดสอบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นออนโรดและออฟโรดเพื่อดูสมรรถนะของรถคันนี้พบว่า แรงบิดที่ได้จากจากกำลังมอเตอร์ผสมผสานกับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้การออกตัวฉับไวรวดเร็ว ล้อมีอาการหมุนฟรีให้ได้ยิน ในสถานีสลาลอมรู้สึกได้ว่าตัวถังมีอาการยกตัวเล็กน้อยให้รู้สึกรู้สึกได้อยู่ ส่วนสถานีเลนเชนจ์ก็ทำได้คล่องตัว การลดระดับความเร็ว ชะลอเบาเบรกนับได้ว่าเป็นฟีลลิ่งที่ตอบสนองกลับได้ง่ายและจับได้ดีกว่ารถญี่ปุ่นในคลาสเดียวกันบางรุ่น

โดยรวมคงสรุปได้แต่เรื่องสมรรถนะการขับว่ารถคันนี้ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยมและต่อเนื่อง การสลับระหว่างโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์นั้นทำได้ดีมากแทบไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลย ในส่วนของเกียร์ก็เช่นกันราบรื่นต่อเนื่อง จะมีก็แต่เรื่องช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกแข็งกระด้างพอสมควรโดยเฉพาะการขับบนพื้นที่ออฟโรด แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นให้ความสบายทั้งแถวหน้าและแถวหลัง หน้าจอตรงกลางขนาด 14 นิ้ว สัมผัสง่ายและมองได้ชัดเจน สำหรับความคุ้มค่าจากสเปคที่เคลมมานั้น JAECOO 7 SHS สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 100 กิโลเมตรรวมไปถึงการเติมน้ำมันเต็มถังสามารถวิ่งได้ไกลจากการทดสอบในหลายประเทศอยู่ที่ 1,400 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยก็นับว่าเป็นรถ PHEV ที่น่าใช้เหมาะกับการเป็นรถครอบครัวคันเดียวได้สบายที่จะต้องลุ้นคือราคาจำหน่ายที่จะเปิดตัวในไทย
JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดรถยนต์ไทยเร็วๆ นี้ พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะเหนือชั้น และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ทาง
www.omodajaecoo.co.th และเพจ
Facebook: Omoda & Jaecoo Thailand