รวมรถยนต์เปิดตัวใหม่ในงาน Motor Expo 2024 รถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เผยโฉมไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เน้นการประกาศราคากันในงานนี้ แต่ก็ยังมีรถหลายรุ่นที่เตรียมเปิดในงานนนี้ทั้งเปิดและขายเลยหรืออาจจะเปิดตัวให้เห็นก่อนขายจริงในปีหน้า โดยรถยนต์รุ่นที่น่าสนใจเปิดตัวก่อนหรือในงานนี้มีอะไรบ้างไปดูกันครับ
*บทความนี้เรียงแบรนด์ตามสะดวกไม่เน้นระยะเวลาเปิดตัวหรือลำดับใด ๆ
AVATR 11 เปิดตัวพร้อม 2 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้นที่ 2.099 ล้านบาท
AVATR 11 มาพร้อม 2 รุ่นคือ Standard Range และ AVATR 11 รุ่น Long Range
AVATR 11 สามารถเปิดประตูทั้ง 4 บาน จากระยะไกล ประตูไฟฟ้าอัจฉริยะมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับสิ่งของและผู้คน เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น และเมื่อก้าวเข้ามาภายในรถ คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราและเงียบสงบ แสงไฟภายในแบบ Ambient Lighting ที่มีถึง 256 สี พร้อมกับดีไซน์ Vortex สร้างบรรยากาศอบอุ่น การออกแบบภายในห้องโดยสารของ AVATR 11 ภายในได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Keystone (หินหลักบนยอดโค้ง) หรูหราให้ความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่พิเศษให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และสว่างไสวสามารถป้องกันรังสียูวีถึง 99.9% และป้องกันความร้อนถึง 80% ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อนอีกต่อไป กระจกมองหลังแสดงภาพจากกล้องแบบสตรีมมิ่งความละเอียดสูงให้คุณมองเห็นได้กว้างขึ้นและชัดเจนขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยในทุกช่วงเวลาและทุกสภาพอากาศ
AVATR 11 มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง L2+ (ADAS) มีเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และกล้อง HD 5 ตัว ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ / 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และรองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 240 กิโลวัตต์ ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบบ DC 25 นาที เทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัย แบตเตอรี่ขนาด 116 kWh จาก CATL ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไฟฟ้า ทำให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 680 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว พร้อมระบบแพลตฟอร์ม 800 โวลต์ที่รองรับการชาร์จเร็วจาก 30% เป็น 80% ของแบตเตอรี่ 90 kWh ใน 15 นาที และ 116 kWh ใน 25 นาที เพียงคุณแวะชาร์จ 1 ครั้ง ก็สามารถเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้
New Honda Civic eHEV RS ราคาถูกลง 20,000 บาท!
New Honda Civic ปรับโฉมและราคาต่ำลง โดยรุ่น e:HEV RS และทุกรุ่นย่อยมีการปรับโฉมเล็กน้อยน้อยที่เรียกว่า FaceLift นั่นแหละ แต่การปรับครั้งนี้ไม่ได้เน้นเรื่องสมารรถนะ เน้นเพิ่มเติมความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารและปรับปรุงระบบการทำงานเกี่ยวกับความต่อเนื่องและนุ่มนวลของการส่งกำลังการผสานกำลังระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ทำงานแม่นยำมากขึ้น
สำหรับ Civic e:HEV RS จะปรับชัดเจนมากที่สุดเริ่ม ที่กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ซึ่งมองผ่าน ๆ อาจจะไม่รู้สึกมากนักแต่เมื่อค่อน ๆ เล็งดี ๆ ลวดลายและรูปทรงเส้นสายต่าง ๆ ของกันชนหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะไปตัดหมอก "หายไป" อยากได้ต้องซื้อเป็นอุปกรณ์ตกแต่งเท่านั้น ไฟท้าย LED รมดำ อันนี้ยอมรับว่าสวยและดูดุดันเข้มมากขึ้น ยิ่งการใช้ของดำตัดขอบประตู มือจับ สปอยเลอร์ กระจกมองข้างและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำแบบ Matte Black ดีไซน์ใหม่ นั้นยิ่งมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น และเสริมด้วยเซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด และมีสีใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)
ภายในเพิ่มเติมความสะดวกสบายกับระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่งที่ลองฟังเสียงแล้วนับว่า หนักแน่นแบบนุ่ม ๆ เบสไม่กระทุ้งขี้หูมากนัก (ตั้งค่าเสียงเดิมจากโรงงานนะ) เรียกว่าเบสมาแบบไม่กรบย่านเสียงอื่น ๆ นับว่าออกแบบมาได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ ส่วนสิ่งที่ใหม่มากคือ "Google built-in" แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัวใช้ได้ทันทีเพียงลงทะเบียนอีเมลส่วสตัวลงไปเท่านั้น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เท่าเดิมแบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ที่มีให้ในทุกรุ่นย่อยเช่นเดิม
new Honda HR-V สีใหม่..อับเกรดจอเพิ่มออปชั่น คาดการณ์ เปิดราคาถูกกว่าเดิม !!!
เปิดราคาจริง 29 พ.ย. 2024 ใน Motor Expo 2024 นี้
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Full Hybrid e:HEV ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit - IPU) แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน ตอบสนองทันใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร ไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง* และมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย
new Honda HR-V 2024 มีการปรับปรุงในหลายจุด กว่าที่ตาเห็นและเพิ่มฟังก์ชั่นให้กับรุ่นเริ่มต้นนับว่าคุ้มค่ามากขึ้นกว่าในช่วงเปิดตัวแรก ๆ ด้วยซ้ำครับ โดยสิ่งที่เพิ่มเติมมาให้ในทุกรุ่นย่อยได้แก่
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อม ใหม่! จอแสดงไฟเบรก
- ส่วนด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ทั้งกันชนหน้า กระจังหน้า (RS) และรุ่น E,EL กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ
- รุ่น RS ล้ออัลลอยลายใหม่
- การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์
- ช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหลังทุกรุ่นย่อย
e:HEV RS ใหม่!
- การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าเรียบและดูหนามากขึ้น ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ตในดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS
- ไฟท้ายแบบ Full LED Light Strip ดีไซน์ใหม่ สี Smoke เสริมความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
- ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว กับสีใหม่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond cut ซึ่งเป็นล้อลายเดิมจากรุ่นก่อนหน้าแต่ถูกออกแบบใหม่ ด้วยการขัดมันเงาและสลับลายใหม่
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) สามารถเปิด-ปิดไฟสูงได้แยกฝั่งทีละข้างเพื่อหลบหลีกรถสวนทาง
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) เมื่อหมุนพวงมาลัยไฟส่องขณะเลี้ยวจะติดฝั่งนั้นอัตโนมัติ
- เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มีมาให้ตามคำเรียกร้องแล้ว
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อม ใหม่! จอแสดงไฟเบรก
- การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ปรับขอบด้านข้างฝั่งคนนั่งที่สูง ๆ ออกไปให้คนนั่งใช้งานสะดวกขึ้น
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง เพื่อใช้งานการเชื่อมต่ออื่น ๆ ให้หลากหลายมากขึ้น
- ใหม่! สีภายนอกสีใหม่ สีกากีแซนด์ (มุก) พร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน และอีก 4 สีเดิม สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) สีเทา เมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก)
HYUNDAI IONIQ 5N รถยนต์ไฟฟ้า Hi-Performance พลัง 601 แรงม้า 3.79 ลบ
มาพร้อมกำลังขับเคลื่อนถึง 601 แรงม้า มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจอย่างไร้คู่แข่ง เสริมการทำงานด้วยโหมด N Grin Boost ซึ่งจะเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 641 แรงม้า มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และยังมีระบบการขับขี่ในสไตล์ RACE, Drift และเลือกการขับเคลื่อนมอเตอร์หน้าหรือหลังหรือเท่ากันได้เองตามความชอบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเสียงสังเคราะห์ที่เร้าใจสเหมือนรถยนต์สันดาบพลังแรงที่ผู้ผลิตตั้งใจเติมแต่งใส่ความเป็นรถยนต์สันดาบสมรรถนะสูงเข้าไปเพื่อเพิ่มอรรถรสใสการขับให้สนุกมากยิ่งขึ้น หรือเจ้าตัวเองยังเรียกว่า "รถคนบ้า" เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เลียนแบบทั้งเสียง ฟิวลิ่งขับขี่และมีระบบเปลี่ยนเกียร์ให้เหมือนจริงอีกด้วย
Hyundai Staria Elite รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 1,659,000 บาท
ฮุนได สตาร์เรีย อีลิท (Hyundai Staria Elite) ปรับไปใช้โลโก้แบรนด์แบบใหม่สองมิติ และยังมีกุญแจดีไซน์ใหม่ในรูปทรงของโลโก้ฮุนได เช่นเดียวกับ ฮุนได สตาร์เรีย ยูโร 5 รุ่นอื่น ส่วนล้ออัลลอยด์มีขนาด 17 นิ้ว สำหรับอุปกรณ์อื่นในห้องโดยสารมีทั้ง ช่องชาร์จแบบ USB Type C, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย ผู้ขับขี่สามารถอ่านข้อมูลการขับขี่อย่างชัดเจน ผ่านหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ LCD ขนาด 4.2 นิ้ว ทั้งยังปลอดภัยและสะดวกสบายในทุกการจอดกับ เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
เซ็นเซอร์กะระยะเข้าจอด (หน้า / หลัง), ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC, ระบบควบคุมเสถียรภาพเมื่อมีลมปะทะข้างตัวรถ CSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BSW และ ถุงลมนิรภัย 6 จุดพร้อมม่านถุงลมนิรภัย
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ผ่านมาตรฐาน ยูโร 5 และติดตั้งมาในทุกรุ่นย่อยของ ฮุนได สตาร์เรีย โดยยังคงมอบสมมรรถนะเต็มระดับเท่าเดิมด้วย กำลังสูงสุด 175 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 431 นิวตันเมตร แต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งกว่า ด้วยอัตราการสร้างมลพิษลดลง ทั้งยังเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift
ด้วยข้อเสนอพิเศษ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี1 และ ฟรีการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร2 นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอการเงินพิเศษให้กับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% สำหรับเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนสูงสุด 48 เดือน1
หมายเหตุ
1 เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด
2 แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
GAC AION เปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ที่ขับได้ถึง 620 กม. ในราคาเริ่มต้น 1.449 ลบ.
รถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยจุดเด่น 5 ด้านของตัวรถ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance
HYPTEC HT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง มอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.8 วินาที ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 แบบ lithium ion phosphate ขนาดความจุ 83.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยและคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ และเทคโนโลยี ซูเปอร์ชาร์จ รองรับการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จไฟจาก 10-70% ได้ภายใน 15 นาที วิ่งได้ระยะทาง 372 กม. และมีระยะทางขับขี่ไกลสูงสุด 620 กม. สามารถเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ - โคราช โดยไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟสู่อุปกรณ์ภายนอก V2L กำลังสูงสุด 3,300 วัตต์
สำหรับการเปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ ในครั้งนี้ เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่
HYPTEC HT 620 Premium ราคาจำหน่าย 1,449,000 บาท
HYPTEC HT 620 Luxury (ประตูปีกนก) ราคาจำหน่าย 1,749,000 บาท
สิทธิประโยชน์ HYPTEC Exclusive Privilege*
- Financial Benefit ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% (เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 งวด) *เมื่อรับรถและจดทะเบียนรถ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
- Exclusive Warranty Package
- รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน (เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์) *กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ
- รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน
- Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)
- In-car Internet Service แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน
- Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ
- 24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
Mercedes-Benz เปิดตัว 2 รุ่น CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé
Mercedes-Benz CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในเซกเมนต์เดียวกับ E-Class Coupé นำเสนออีกขั้นของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความสปอร์ต ความหรูหรา และความทันสมัยตามสไตล์ยนตรกรรมยุคใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กระจายการส่งกำลังที่ด้านหน้า 45% และด้านหลัง 55% ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.ราคา 3,950,000 บาท
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé พร้อมขุมกำลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ 100% ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.2 วินาที และเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งแพ็กเกจ AMG Driver’s Package ช่วยปลดล็อกความเร็วได้สูงสุดถึง 270 กม./ชม. ราคา 5,250,000 บาท
Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ SUV Premium ตัวโหด 544 แรงม้า
Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รถเอสยูวีสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid เจเนเรชั่นที่ 4 สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) ติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงแบบจัดเต็ม และเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว สำหรับรุ่นประกอบในประเทศ และยังมี AMG Performance 4MATIC+, AMG RIDE CONTROL+ suspension, AMG high-performance brake system และ AMG Performance exhaust system โดยเปิดราคาจำหน่ายที่ 5,850,000 บาท
ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ (M256M) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in hybrid และแบตเตอรี่ขนาด 31.2 kWh มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ Mercedes ยังมีรุ่น Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ Final EDITION ว่าที่ตำนานแห่งรถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู รุ่นสุดท้ายในประเทศไทย มาเผยโฉมครั้งแรกบนสนามแข่ง โดยมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่เอาใจสาวก AMG เสริมความดุดันขั้นสุดด้วยชุดแต่ง AMG Night Package II และล้ออัลลอยด์ 5-twin spoke สีดำ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์สีแดงประทับสัญลักษณ์ AMG จัดเต็มด้วยแพ็คเกจเสริมของ Mercedes-AMG อย่าง AMG Performance exhaust system และ AMG DYNAMIC PLUS package ที่มาพร้อมโหมด “RACE” และ Drift mode รวมถึงการติดตั้งไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้าง Surround lighting with projection ฉายภาพโลโก้ AMG โดยในช่วงเปิดตัวจะมาพร้อมราคาจำหน่ายที่ 5,480,000 บาท
EQE 300 ราคา 3,970,000 บาท มาพร้อมความพรีเมี่ยมหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว (Single Motor) บริเวณตำแหน่งล้อหลัง มอบกำลังแรงม้าสูงสุด
245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
550 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 7.3 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง
651 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 15 นาที
EQS 450 SUV 4Matic AMG Premium ราคา 5,990,000 บาท รถยนต์ SUV ระดับ S-Class ไฟฟ้าแบบ 7 ที่นั่งใหญ่สุด ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All-wheel drive ให้กำลังสูงสุด
360 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
800 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 118 kWh ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด
658 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดยรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 31 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 12 ชั่วโมง 15 นาที
ALL NEW MG3 HYBRID+ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นราคาพิเศษ 1,000 คันแรกเท่านั้น
ALL NEW MG3 HYBRID+ รถยนต์พลังไฮบริดที่ดี่อีกรุ่นหนึ่งของ MG และไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ขนาดนี้ !.....กล้าบอกเลยครับว่าเป็นรถ Hatchback 5 ประตูระดับ B-Segment ที่ให้ทั้งความทันสมัย ความแรงสั่งได้และให้ความประหยัด 20++ กม./ลิตร! พร้อมความปลอดภัย ADAS ในคันเดียว สมรรถนะของระบบ HYBRID+ ที่มีการบริหารพลังงานในแบบรถยนต์ไฟฟ้าจากมอเตอร์ขับเคลื่อนให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า 250 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ที่ใช้สร้างกระแสไฟได้สูงสุด 45 กิโลวัตต์ ผสานเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พัฒนาขึ้นใหม่ ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20 กำลังรวมสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้า EDU 3 ระดับ มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ความจุ 1.83 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง พร้อมเกียร์ 3 ระดับ รุ่น D ราคา 559,900 บาท* (จาก 579,900 บาท) และรุ่น X ราคา 599,900 บาท* (619,900 บาท)
*ราคานี้ 1,000 คันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นปรับเพิ่มรุ่นละ 20,000 บาท
MINI Aceman SE ขุมพลังไฟฟ้า วิ่งไกล 405 กม. ราคา 1,999,000 บาท
MINI Aceman SE ผสานข้อดีของ Cooper SE และ Countryman ภายนอกมาพร้อมดีไซน์ของครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ให้ประโยชน์ใช้สอยมากกว่า Cooper SE และให้ความคล่องตัวมากกว่า Countryman โดยผสานจุดเด่นของทั้งสองรุ่นได้อย่างลงตัว มีการตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำรอบคัน แผ่นกันกระแทก และแร็คหลังคา เพื่อบ่งบอกถึงความเป็น SUV ที่น่าใช้ส่วนของกระจกที่ห่อหุ้มตัวรถและ Floating Roof ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mini ยังคงมีใน Aceman อย่างครบถ้วน กระจังหน้าแปดเหลี่ยมแบบปิดสไตล์ EV ช่องดักอากาศจริงจะอยู่ที่ด้านล่างเพื่อช่วยระบายความร้อน ไฟหน้า LED ทรงเหลี่ยมพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟท้ายแบบ Pixel-Style
หน้าจอทรงกลม OLED ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 240 มม. กลางคอนโซล พร้อมระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 และมีระบบผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะใหม่ของ Mini อย่าง “Spike” ออพชันที่น่าสนใจ ได้แก่ เบาะนั่ง John Cooper Works ปรับไฟฟ้าพร้อม memory รองรับระบบ Active Seat เบาะคนขับ, พวงมาลัยแบบสปอร์ตพร้อมระบบอุ่น, ถาดแท่นชาร์จไร้สาย, MINI Head-Up Display, ระบบเสียง Harman Kardon
Aceman SE มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับ Cooper SE สเปคไทย ซึ่งให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า (168 kW) แรงบิด 330 นิวตันเมตร จับคู่แบตเตอรี่ความจุ 54.2 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. และระยะทางขับขี่ 405 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
สำหรับการชาร์จ Aceman รองรับการชาร์จ DC ที่ความเร็วสูงสุด 95 kW สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10-80% ได้ภายใน 31 นาที ส่วนการชาร์จ AC ที่ความเร็วสูงสุด 11 kW สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-100% ภายใน 5 ชั่วโมง 45 นาที
New Nissan Navara คอนโซล TERRA เครื่องใหม่ EURO 5
New Nissan Navara ภายนอกคงความเข้มดุดันเหมือนเดิมส่วนภายในลุคใหม่ทุกมุมมองกับคอนโซลหน้าจากรุ่นเทอร์ร่า เปลี่ยนบรรยากาศภายในของห้องโดยสารให้พรีเมี่ยมมากขึ้น ด้วยการตกแต่งที่ลงตัวทุกจุด เด่นด้วยจอทัชสกรีนใหญ่ขนาด 9 นิ้ว ในรุ่น PRO-4X และ PRO-2X เพิ่มความสปอร์ต พรีเมียม มาพร้อมวัสดุบุนุ่มคุณภาพสูงในหลายๆ จุด เช่น ที่พักแขน และคอนโซลหน้า และติดตั้งกระจกอคูสติก (Acoustic Glass) ลดเสียงรบกวนจากภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวน
เครื่องยนต์ใหม่ YS23DDTT ความจุ 2.3 ลิตร 4 สูบ แบบทวินเทอร์โบได้มาตรฐานยูโร 5 (EURO V) ฟิลเตอร์ Diesel Particulate Filter (DPF) ช่วยกรองละอองเขม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไฟ DPF โชว์ที่หน้าจอ ผู้ขับสามารถกดปุ่มให้ฟิลเตอร์ DPF ทำงาน เพื่อลดปริมาณเขม่าควันลงกำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นโหมดแมนนวล (M mode) ได้เพื่อเพิ่มความสนุกสนการขับที่ควบคุมได้ตามใจ รวมทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิง และรองรับน้ำมันดีเซลทุกประเภท (B7, B10, และ B20)
นิสสัน นาวารา รุ่นปี 2024 มีสีภายนอกให้เลือกแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ตั้งแต่สีเทา Stealth Gray ที่เป็น ซิกเนเจอร์ สีทองแดง Forged Copper สีแดง Burning Red สีดำ Black Star สีเทา Twilight Gray สีเงิน Brilliant Silver สีขาว White Pearl และ Solid White
XPENG G6-Ultra Smart Coupe SUV
XPENG G6-Ultra Smart Coupe SUV รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมขนาดใหญ่เทคโนโลยีเต็มคัน ขุมพลังแรง พร้อม 2 รุ่น RWD Standard Range ราคา 1,439,000 บาท และ RWD Long Range ราคา 1,599,000 บาท
ภายนอกรูปทรงโค้งมน ไฟหน้าด้านล่างพร้อม Day time Running Light แบบเรียวแบน ไฟท้ายแบบ Galaxy Sword LED ไฟท้ายที่ถูกออกแบบให้รวมเข้ากันเป็นชิ้นเดียว หลังคาแบบพาโนรามิค มือเปิดประตูแบบซ่อน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวและติดตั้งกล้องรอบคัน ล้ออัลลอย 20 นิ้ว
จุดเด่นคือ ระบบนำรถออกจากช่องจอดในแนวตรง,ระบบช่วยจอดแบบไร้คนขับ,ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและออกนอกเลนขณะฉุกเฉิน,ระบบควบคุมรถยนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ,ระบบเช็คตำแหน่งรถยนต์ เป็นต้น
รุ่น
standard Range มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (LFP) ขนาด 66 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.9 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 505 km. (NEDC)
รุ่น
Long Range มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (NMC) ขนาด 87.5 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.7 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 625 km. (NECD)
ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ทุกรุ่นย่อย
ทุกรุ่นฟรี
- ประกันชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี
- Wall box
- ช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี
- อุปกรณ์ชาร์จฉุกเฉิน
- ส่วนลด 15% ขาร์จ EV station pluz ตลอดปี 2024
- รับปประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 120,000 กม.
- รับประกันระบบแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
ZEEKR 009 รถเอ็มพีวีไฟฟ้าเซกเมนต์สุดลักชัวรี พร้อมความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ในราคา 3.099 ลบ.
ZEEKR 009 รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้า ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3.099 ล้านบาท หัวใจหลักที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ดูแพงคือ ! ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวนสองชุด เพื่อเสริมการประมวลผลที่รวดเร็วและทรงพลัง รองรับคำสั่งได้ถึง 60 ล้านคำสั่งต่อวินาที รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA 30 ตัวที่พร้อมให้ความบันเทิงได้ในทุกการเดินทาง และมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ที่มีกำลังสูงสุด 450 kW หรือเทียบเท่า 603 แรงม้า และแรงบิด 693 นิวตันเมตร ทำให้รถสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 116 kWh โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
ราคา 3,099,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ประกันภัยชั้น 1, การรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และบริการ Mobile Service นาน 5 ปี และ พิเศษสุด สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรก รับฟรี Wallbox จาก VREMT พร้อมแพคเกจติดตั้ง* มูลค่า 70,000 บาท
*หมายเหตุ: เมื่อจองและรับรถภายใน 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ALL-NEW TOYOTA CAMRY พรีเมี่ยมค่ายอันดับหนึ่งไฮบลิดทุกรุ่นย่อย ภายในราวกับเล็กซัส! เริ่ม 1.4 ล้านบาท
ALL-NEW CAMRY รถยนต์ซีดานขนาดกลางที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 9 ล่าสุดกับการออกแบบที่ยังเน้นความหรูหรา สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบายครบครัน และมั่นใจได้ในระบบความปลอดภัยมาตรฐานโตโยต้า
กรุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid เจเนอเรชันใหม่ ขนาด 2.5 ลิตร ทรงพลังมีประสิทธิภาพ พละกำลังรวมของเครื่องยนต์และมอเตอร์เมื่อทำงานควบคู่กันจะได้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 25 กิโลเมตรต่อลิตร ดีกว่ารุ่นปัจจุบันทั้งพละกำลังและความประหยัด กระจังหน้าแบบ Hammerhead ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้าย Full LED ดีไซน์ทันสมัย พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว หลังคา Panoramic Roof แบบเปิดได้ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า บริเวณที่นั่งฝั่งผู้ขับ
โทนสีภายในให้เลือก 2 โทนสี คือ Black Interior และ Yellow Brown Interior พิเศษเฉพาะรุ่น HEV PREMIUM LUXURY สีเงิน Precious Metal และสีขาว Platinum White Pearl
Auto slide-away function เบาะคนขับเวลคัมซีทช่วยเลื่อนเบาะผู้ขับและปรับตำแหน่งพวงมาลัย ทำให้ลุกเข้า-ออกจากเบาะรถได้ง่าย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ 3 Zone, Wireless Charger, Wireless Apple CarPlay เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังปรับเอนด้วยไฟฟ้า พร้อมแผงควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ด้วยระบบสัมผัส, ม่านหน้าต่างด้านหลัง ม่านไฟฟ้าที่กระจกหลังและที่หลังคา Panoramic, แผงควบคุมระบบสัมผัสแบบดิจิทัล Capacitive Touch Controller, ม่านบังแดดกระจกหลังปรับไฟฟ้า, ม่านบังแดดประตูหลัง, ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง
พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุด Toyota Safety Sense เจเนอเรชันใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ในรุ่นท็อปที่จะได้ กล้องมองรอบคันที่มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น, ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู Safe Exit Assist, ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB
สีภายนอก
- เงิน Precious Metal ใหม่
- เทา Cement Gray Metallic ใหม่
- ขาว Platinum White Pearl
- ดำ Attitude Black Mica
สีภายใน
- น้ำตาล Yellow Brown Interior** ใหม่
- ดำ Black Interior
ALL-NEW CAMRY เจเนอเรชั่นที่ 9 มาพร้อมด้วยสมรรถนะและฟีเจอร์ที่เพิ่มมากขึ้น ในราคาที่น่าดึงดูดใจยิ่งกว่าเคยกับ 3 รุ่นย่อย สีภายนอก 4 สี และสีภายใน 2 สี
- HEV PREMIUM LUXURY ราคา 1,809,000 บาท สำหรับราคาในช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1,789,000 บาท
- HEV PREMIUM ราคา 1,659,000 บาท สำหรับราคาในช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1,639,000 บาท
- HEV SMART ราคา 1,475,000 บาท สำหรับราคาในช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1,455,000 บาท
รถยนต์ที่เตรียมเปิดตัวก่อนงาน Motor Expo 2024
นอกจากในบทความนี้แล้วอาจจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวอีกเพียบ
ม
าสด้า ออกสตาร์ทกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี พร้อมพลิกสถานการณ์โหมตลาดรถยนต์ไทยให้กระหึ่ม เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นรวด ในงาน
มอเตอร์ เอ็กซ์โป ทั้ง ครอสโอเวอร์เอสยูวี
New Mazda CX-5 และปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุด
Bold New Mazda BT-50 ที่แรกของโลก ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ใส่เทคโนโลยีแห่งอนาคต มาพร้อมคอนเซ็ปต์
Dignity into Power พลังแกร่ง สะท้อนตัวตน ฉีกกฎภาพลักษณ์แบบเดิม ๆ เติมความแกร่ง ดุดัน หรูหรา สง่างาม พรีเมี่ยมทุกจุดสัมผัส ตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงามและทรงพลังสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นกับเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ให้พละกำลังแรงสุด 163 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สมรรถนะแรงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ให้พละกำลังแรงสุด 190 แรงม้า สมรรถนะแรงทรงพลังสมบุกสมบันพร้อมลุยไปได้ทุกที่ ออปชั่นเต็มคันในสไตล์ที่คนขับปิกอัพยุคใหม่ต้องการ เพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยใส่มาแบบครบครัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 7 แสนกว่าบาท ในรุ่นขับ 2 แบบยกสูง หรือ
FSC 2.2 XS HI-RACER 6MT จองวันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ย 1.99%
1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
2 หรือ ส่วนลดสูงสุด 55,000 บาท
3 และฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท
4 พิเศษสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมัน 30,000 บาท
4 ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป และที่โชว์รูมมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ
DEEPAL ได้เปิดตัว DEEPAL E07 รถ SUV ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ สะท้อนแนวคิด BE YOURSELF, DRIVE YOUR WAY ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มอัจฉริยะ SDA ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง
DEEPAL E07 ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ในขณะนี้เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ
Plus และ
Performance AWD โดยรุ่น
Plus นั้นจะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ด้วยมอเตอร์ที่ให้กำลัง 342 แรงม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.7 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 640 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนรุ่น
Performance AWD นั้นจะขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ให้กำลัง 598 แรงม้า แรงบิด 645 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.96 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 590 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ทั้ง 2 รุ่นจะมากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 89.98 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้าแบบ DC สูงสุดในการชาร์จแบบ DC 240 กิโลวัตต์ (30% - 80%) ใน 15 นาที โดยในรุ่น Performance AWD จะได้ช่วงล่างแบบถุงลมและระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัจฉริยะมาด้วย
RIDDARA RD6 รถกระบะไฟฟ้า 100% สะดวกสบายระดับ SUV ตอบโจทย์ทุกการใข้งานแบบกระบะ นวัตกรรม M.A.P (Multiplex Attached Platform) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์
มรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นด้
วยการเอาจุดเด่
นของรถกระบะและรถยนต์พลั
งงานไฟฟ้ามาผสมผสานกัน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้
อที่มีระบบกันสะเทือนอิสระ และช่วงล่าง multi-link ให้สมรรถนะที่โดดเด่นด้วย
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที แรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร กำลังสูงสุด 315 kW และความเร็วสูงสุดที่ 190 กม./ชม. มาพร้อม
ช่องจ่ายกระแสไฟตามมาตรฐานยุโรปขนาด 6KW ที่กระบะท้ายพร้อมระบบป้องกั
นการจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสามารถปล่
อยกระแสไฟฟ้าได้ทั้งในขณะจอดรถ ล็อกรถ ชาร์จไฟ หรือแม้กระทั่งขณะขับรถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่
อและควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชั
นบนมือถือทำให้สามารถควบคุ
มการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน
ห้องโดยสารที่เงียบสงบด้วยเทคโนโลยี Pure Electric NVH Silent พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Carbit link พร้อมที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายขนาด 50W มีระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ CN95 filter PM 2.5 เบาะหนังคุณภาพสูง ดีไซน์เอกลักษณ์ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะโดยสาร เบาะหน้าเอนได้แบบ 180 องศา โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 แบบอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ 7 โหมด สำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน (Sand / Mud / Off-road / Wading / Economy / Comfort / Sport) อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุด 815 มิลลิเมตร
RIDDARA RD6 มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมี 4 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายดังนี้
Leapmotor C10 มาพร้อมระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง
477 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เดี่ยวที่เพลาหลัง ภายในมีกว้างขวาง, เบาะที่นั่งแบบซิลิโคนที่มีความปลอดภัยต่อเด็กทารก มาพร้อมซอฟต์แวร์ four-leaf clover แบบศูนย์รวม Leap 3.0 และระบบจัดการแบตเตอรี่ด้วย AI ไฟหน้า LED แบบ
Angel-Wing มาพร้อม DRL แบบ Sequential ระบบ Active Grille Shutter (AGS) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย “Trident” เพื่อเพิ่มความลงตัวให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น
สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Leap 3.0 และมีพื้นที่กว้างขวาง ปลอดภัย มีสมรรถนะในการขับขี่สูง ด้วยมิติรถขนาดใหญ่ ยาว 4,739 มิลลิเมตร, กว้าง 1,900 มิลลิเมตร, สูง 1,680 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,825 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้น 190 มิลลิเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Lithium-Iron Phosphate (LFP) ขนาด 69.9 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว 30%-80% ภายใน 30 นาที นอกจากนี้ Leapmotor C10 ยังมาพร้อมแชสซีที่ปรับจูนโดย Maserati เพื่อความสมดุลระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่วนการควบคุม เทคโนโลยีแบบ Cell-To-Chassis (CTC) 2.0 ช่วยเพิ่มความจุแบตเตอรี่ 17.5 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้าง และปรับปรุงการจัดการความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
Leapmotor C10 ใช้ชิป Qualcomm® Snapdragon™ 8155 พร้อม Leap OS 4.0 มีหน้าจอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับคำสั่งเสียง ระบบ OTA และหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 10.2 นิ้ว นอกจากนี้ยังมี กล้อง 360 องศา ไฟตกแต่งภายในที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 64 สี และระบบ ADAS ขั้นสูง อาทิ Adaptive Cruise Control (ACC), Automatic Emergency Braking (AEB), และ Lane Keeping Assist (LKA)
สำหรับ
Leapmotor C10 เรามีให้เลือกตัวถัง 5 สี ได้แก่ Glazed Green, Pearly White, Canopy Grey, Tundra Grey และ Metallic Black และภายในมี 2 สี คือ Criollo Brown และ Midnight Aurora
ราคาจำหน่าย Leapmotor C10 อยู่ที่ 1,098,000 บาท
AION V ราคาเหลือเพียง 999,900 บาท นำเสนอมิติใหม่ของการขับขี่และการโดยสารที่เหนือกว่า พร้อมมอบความหรูหราระดับเรือธง ด้วยฟีเจอร์และออปชันอำนวยความสะดวกมากมาย ชูจุดเด่นเรื่องระยะทางวิ่งสูงสุด 602 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง, เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C รับกำลังไฟได้สูงสุด 180 kW และฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย
- เบาะนวดแบบสปา: เลียนแบบการนวดเสมือนจริง พร้อมการนวด 8 จุด, ปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ และมีโหมดให้เลือก 5 แบบ ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการขับขี่และอาการปวดเอว
- วัสดุนุ่มสัมผัสบริเวณที่สัมผัสบ่อย 100%:
- ตู้เย็นอเนกประสงค์อัจฉริยะ: ปรับการทำงานได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดอุ่นร้อน โหมดแช่เย็น และโหมดแช่แข็ง ครอบคลุมช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -15 ถึง 50 องศาเซลเซียส ให้คุณเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความอร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา
- ห้องโดยสารแบบลอยตัว: หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 8.88 นิ้ว และ หน้าจอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว มอบประสบการณ์ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้
- ช่องลมแอร์ด้านหลัง บริเวณเสา B-Pillar: ให้ความเย็นโดยไม่มีลมกระแทก ป้องกันลมเย็นเป่าตรงไปที่หัวเข่าของผู้โดยสารด้านหลัง
- โต๊ะพับอเนกประสงค์: โต๊ะพับอเนกประสงค์หลังเบาะผู้ขับขี่ เพื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม
- หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.14 ตารางเมตร: ให้การป้องกันแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
- มุมเปิดประตูขนาดใหญ่: ประตูหลังสามารถเปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา เพิ่มความสะดวกในการขึ้นลง
- ระบบเสียงพรีเมียมเสมือนอยู่ในสถานที่จริง: ลำโพงพรีเมียมจากเบลเยียม พร้อมซับวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว ให้เสียงที่เต็มอิ่ม
- พื้นที่เงียบสงบ: กระจกกันเสียง 2 ชั้นด้านหน้า และวัสดุซับเสียงคุณภาพสูง ลดเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบขณะเดินทาง
- ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ: รองรับการควบคุมด้วยเสียงในภาษาอังกฤษและภาษาไทย ครอบคลุมทุกสถานการณ์ พร้อมระบบโต้ตอบ 4 ทิศทาง ใช้งานได้ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้คุณไม่ต้องใช้มือในการควบคุม
- รองรับ CarPlay และ Spotify: แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงชั้นนำระดับโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในหลายภูมิภาคทั่วโลก (Spotify จะพร้อมใช้งานผ่าน OTA ในเดือนธันวาคม)
- ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง Snapdragon 8155P: ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ยอดเยี่ยม สั่งการค่าต่างๆ ของตัวรถได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2: มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นบนทางหลวงหรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
- ระบบนำทางอัจฉริยะ: รองรับการค้นหาสถานีชาร์จ และการแสดงผลแผนที่แบบ 3 มิติ พร้อมประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยด้วยข้อมูลภาพจาก Here
AION V ถูกออกแบบโดยยึดหลักแนวคิด Cyber Design ผสมผสานรูปทรงที่ล้ำสมัยเข้ากับรูปทรงเรขาคณิตที่หลากหลาย เพื่อสร้างความสวยงามที่เฉียบคมและพลิ้วไหว โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องจักรกลล้ำสมัย ด้านข้างมาพร้อมเส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและทรงพลัง พร้อมด้วยล้ออัลลอยแบบ 8 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมสีตัวถังภายนอกทั้งหมด 7 สี และสีภายในห้องโดยสาร 2 สี ดังนี้
สีภายนอก (Exterior)
- สีขาว Alpine White
- สีดำ Onyx Black
- สีน้ำตาล Sahara Sand
- สีเงิน Aurora Silver
- สีเทา Iceland Grey
- สีส้ม Volcano Orange
- สีส้ม หลังคาขาว Volcano Orange + White Roof
สีภายใน (Interior)
- สีดำ Midnight Black
- สีน้ำตาล Olympus Brown
AION V 602 Luxury ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 1,029,900 บาท โปรโมชั่นพิเศษสำหรับ AION V เฉพาะในงาน Motor Expo 2024 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2567 รับสิทธิพิเศษ ส่วนลดเพิ่ม 30,000 บาท
ราคาเหลือเพียง 999,900 บาท
สิทธิประโยชน์ Exclusive Privilege AION V*
- Exclusive Warranty Package
- รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า 8 ปี หรือระยะทาง 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือระยะทาง 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- Exclusive Deal for Home Charger
- ฟรี Home Charger พร้อมบริการติดตั้ง (ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ออกรถ)
- รับประกัน 1 ปี สำหรับ Home Charger และงานติดตั้ง
- ฟรี งานติดตั้งระยะสายไฟยาว 20 เมตร (ส่วนเกินมีค่าใช้จ่าย เงื่อนไขการรับประกันตามที่บริษัทกำหนด)
- IN-CAR Internet Service - ฟรี!! แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ นาน 2 ปี จำนวน 4 GB/เดือน
- LIFETIME OTA FIRMWARE UPDATE - ฟรี!! อัปเดตซอฟต์แวร์ ตลอดชีพ
- 24 Hours Roadside Service - บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
GEELY EX5 เปิดตัวด้วยราคาที่น่าสนใจในจำนวนจำกัดสำหรับ 1,084 คันแรก ในรุ่น
PRO ราคา 859,000 บาท (จากราคาปกติที่ 899,000 บาท) และรุ่น
MAX ราคา 949,000 บาท (จากราคาปกติที่ 989,000 บาท)
คุณสมบัติเด่นของ GEELY EX5 ได้แก่:
- Global Intelligent Electric Architecture (GEA) พื้นฐานแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ จีลี่ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างที่ผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง
- Cell-to-Body (CTB) Integration Technology เทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับแพลตฟอร์มโครงสร้างรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย น้ำหนักเบา และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการพื้นที่ใช้สอยได้ดีมากยิ่งขึ้น
- Short Blade Battery เทคโนโลยี่แบตเตอรี่ LFP รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีขนาดเล็ก แต่แข็งแกร่งและทนทาน พร้อมประสิทธิภาพด้านระยะทางการขับขี่ และความปลอดภัยที่เหนือระดับ
- 11-in-1 Intelligent Electric Drive ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ผสานทุกเทคโนโลยีระบบการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา แต่ให้สมรรถนะที่ทรงพลัง
- ระบบความปลอดภัยแบบL2-ADAS (Level 2 Advanced Driver Assistance System) มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับไปอีกขั้น ที่ผสานความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด พร้อมความสะดวกสบาย และความหรูหราระดับพรีเมียม
- ระบบปฏิบัติการ FLYME Auto ที่สามารถเชื่อมต่อและสั่งการด้วยเสียง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมระบบเอนเตอร์เทนเม้นท์รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับการขับขี่ที่เหนือกว่าทุกจิตนาการ
- การดีไซน์แบบ HALF MORE Storage Design Concept ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระภายในห้องโดยสาร และสะดวกทุกการใช้งาน
- ฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) และ V2V (Vehicle-to-Vehicle) ช่วยให้ GEELY EX5 สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ รวมทั้งยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น เพื่อรีชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
XPENG X9 เปิดราคา 2,790,000 บาท พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ SiC Architecture รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 330 กิโลวัตต์ โครงสร้างตัวถังสถาปัตยกรรม SEPA2.0 ที่พัฒนาโดย เอ็กซ์เผิง รูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจจากยานอวกาศ (Starship) ห้องโดยสารกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 7.7 ตารางเมตร ผสาน Zero-gravity Seat หรูหรา มีระดับ โดยที่เบาะแถว 3 สามารถพับแบนราบด้วยระบบไฟฟ้า ปรับเปลี่ยนการโดยสารเป็นแบบ 4 หรือ 7 ที่นั่ง ได้ตามต้องการ ติดตั้งจอภาพขนาด 21.4 นิ้ว รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ ขับกล่อมด้วยลำโพง Xopera 23 ตำแหน่ง ติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 เด่นด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้ออัตโนมัติ ช่วยให้วงเลี้ยวแคบเพียง 5.4 เมตร คล่องตัวสูงสุดเทียบกับรถกลุ่มเดียวกัน มาพร้อมช่วงล่างถุงลม Dual-Chamber ปรับสูง-ต่ำและความหนืดอัตโนมัติ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ราคา 2,790,000 บาท มาพร้อมแพ็กเกจ
- Wallbox + ค่าติดตั้ง*
- ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมพรบ. นาน 1 ปี*
- Portable Charger 1 ชุด*
- Vehicle Warranty 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
- Battery and Drive Motor with Intelligent Power Unit Warranty 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร*
- คะแนนสะสม MOBILIFE 90,000 คะแนน*
นิสสัน เปิดตัว
นิสสัน เซเรน่า ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ MPV พรีเมียม 7 ที่นั่ง ในงาน
มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) ในคอนเซ็ปต์
Big. Easy. Fun ที่พร้อมมอบ
ความสนุกที่ใช่ ความสบายที่ชอบ ให้แก่ครอบครัวนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์ประทับใจในทุกการเดินทาง ด้วยดีไซน์สะดุดตา ห้องโดยสารกว้างขวาง และเทคโนโลยีสุดล้ำ สามารถเป็นเจ้าของได้ใน
ราคา 1,469,000 บาท โดยมากับขุมพลังเครื่องยนต์ S-Hybrid (mild hybrid) เปิดให้จองแล้ววันนี้ และพร้อมส่งมอบในเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มรุ่น
อี-พาวเวอร์ ในภายหลัง
เป็นรถ MPV รุ่นเดียวในตลาดที่มีฝาท้ายอเนกประสงค์ (Dual Back Door) น้ำหนักเบา จึงเปิดได้ง่ายทั้งแบบเต็มบานหรือครึ่งบาน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้โดยสารและผู้ขับขี่ให้สามารถเปิดฝาท้ายได้แม้จอดชิดด้านหลัง สัมภาระจึงไม่หล่นลงจากท้ายรถขณะเปิดปิด ภายในรถ เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับได้อิสระและแยกออกจากกันได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนที่นั่งแถว 3 สามารถปรับเอนได้เพิ่มความสบายในการเดินทางระยะไกล นอกจากนี้ ยังมีที่เก็บของหลายจุด ที่วางแก้ว 14 จุด ช่องเสียบ USB 6 ช่อง (ที่นั่งแถวละ 2 จุด)
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าหรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFW) และระบบเบรกฉุกเฉินหรือ Intelligent Forward Emergency Braking (IEB) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะส่งเสียงเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบป้องกันเพื่อความปลอดภัย Active Safety ยังครบครันด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอื่นเข้ามาในจุดอับสายตา ขณะที่ เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ช่วยปกป้องให้ความปลอดภัยเมื่อถอยหลังออกจากช่องจอด
นิสสัน เซเรน่า ใหม่ มีจำหน่าย 1 รุ่น คือ ไฮเวย์ สตาร์ และมี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Diamond Black และสีขาว White Solid
Volvo EX90 รถเอสยูวีระดับพรีเมียมขนาด 7 ที่นั่ง นับเป็นปฐมบทใหม่ของยานยนต์วอลโว่ที่ยกระดับทั้งในแง่ของความปลอดภัย และความยั่งยืน ร่วมสัมผัสนิยามใหม่แห่งความปลอดภัยในการขับขี่ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเพื่อให้คุณเป็นเจ้าของรถวอลโว่ได้ง่ายขึ้นด้วยสิทธิประโยชน์มูลค่ารวมกว่า 1,100,000 บาท พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง แพ็คเกจบริการหลังการขาย และอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมนำเสนอมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ผ่านชุดเซ็นเซอร์ และเทคโนโลยีช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของ เซ็นเซอร์ Lidar, กล้อง, เรดาห์ และเซ็นเซอร์แบบอัลตร้าโซนิค ที่ติดตั้งอยู่รอบตัวรถเพื่อให้มุมมองแบบ 360 องศา
มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 111 กิโลวัตต์ และมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 380 กิโลวัตต์ 517 แรงม้า และแรงบิด 910 นิวตันเมตร โดยรุ่น Twin Motor Performance ให้อัตราการเร่งจากศูนย์ถึงร้อยใน 4.9 วินาที และรุ่น Twin Motor ให้อัตราเร่งจากศูนย์ถึงร้อยใน 5.9 วินาที ด้วยกำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 300 กิโลวัตต์ 408 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร วิ่งได้สูงสุดถึง 745 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และยังใช้เวลาการชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 30 นาที เมื่อชาร์จด้วยกำลังไฟแบบ 250 กิโลวัตต์ จากเครื่องชาร์จแบบ DC
Volvo EX90 ทั้งสองมอเตอร์ (Twin Motor Performance และ Twin Motor)
ภายในตัวรถมาพร้อมเซ็นเซอร์อินฟาเรดที่คอยมอนิเตอร์การมอง และท่าทางของผู้ขับว่ามีความพร้อมหรือไม่ โดยหากพบว่าผู้ขับไม่อยู่ในสภาวะที่สามารถขับรถได้เช่น ขาดสมาธิ หรือเผลอหลับ ระบบช่วยเหลือเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยจะทำหน้าที่เพื่อเบรกหรือจอดรถอย่างปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Safe Space Technology ที่วอลโว่ออกแบบขึ้นเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถทั้งต่อผู้ขับ ผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนร่วมกัน
Volvo EX90 ควบคุมการสั่งงาน และฟีเจอร์ต่าง ๆ ในรถด้วยเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำ อาทิ ชิปเอนกประสงค์ NVIDIA DRIVE Orin system-on-a-chip (SoC) จาก NVIDIA, พร้อมแพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Platform จาก Qualcomm และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรจากวอลโว่ เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว ให้ประสบการณ์ใช้รถที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ Volvo EX90 ยังมาพร้อมความสามารถในการอัพเดทซอฟต์แวร์รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของตัวรถคล้ายการอัพเดทสมาร์ทโฟนในปัจจุบันผ่านระบบ over-the-air และรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณระดับ 5G
ระบบสาระบันเทิงหรือ infotainment ของตัวรถนำเสนอผ่านหน้าจอกลาง แบบสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว ที่รวบรวมฟีเจอร์อาทิ บริการต่าง ๆ จาก Google apps และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ที่จะพร้อมให้บริการในอนาคต เพื่อรับฟังเพลงผ่านลำโพง และระบบเสียงคุณภาพสูงจากแบรนด์ Bowers & Wilkins ภายในยังถูกออกแบบด้วยวัสดุที่ไม่เพียงคุณภาพสูง แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนนิยามของความพรีเมียมในบริบทของวอลโว่ ที่รวมเอานวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน เข้ามาผสานกันได้อย่างลงตัว
Volvo XC90 Recharge Plug-in Hybrid รับข้อเสนอพิเศษมูลค่าสูงสุดถึง 1,100,000 บาท สำหรับ Volvo XC90 Recharge Plug-in Hybrid ซึ่งประกอบด้วย
- XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ราคาพิเศษ 3,990,000 บาท (จากปกติ 4,690,000 บาท)
- XC90 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark ราคาพิเศษ 3,590,000 บาท (จากปกติ 4,090,000 บาท)
- รับฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลา 3 ปี มาพร้อม Volvo Premium Service Package – Pro (VPSP Pro) ซึ่งประกอบไปด้วย บริการรับประกันคุณภาพและบริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน), บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 ปี และรับฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง รับประกันอายุการใช้งาน 18 เดือน พร้อมบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าภายในบ้านพร้อมติดตั้ง